ประมวลข่าวทั่วไทยประจำวันที่ 25 ตุลาคม …
ประมวลข่าวทั่วไทยประจำวันที่ 25 ตุลาคม 2566
ประมวลข่าวทั่วไทยประจำวันที่ 25 ตุลาคม 2566
การเมือง/มั่นคง
มุ่งสร้างระบบยุติธรรมโปร่งใส ความยุติธรรมคือหัวใจสำคัญในการลดความขัดแย้ง
พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ให้ความเห็นรัฐบาลสลายขั้วว่า คือรัฐบาลที่จะสร้างสันติภาพ สร้างความปรองดอง จึงถือว่าเราต้องสลายขั้วก่อน ส่วนรัฐธรรมนูญในฝันที่อยากให้เกิดขึ้น ต้องยอมรับว่าสังคมยังมีความเห็นต่างกันอยู่มาก สิ่งที่จะนำมาสู่การสลายความขัดแย้งได้นั้น รัฐธรรมนูญถือว่ามีความจำเป็น แต่ต้องมีการจัดทำโดยประชาชน ให้เจ้าของอำนาจเป็นผู้จัดทำ เป็นผู้ออกแบบและต้องมีความยุติธรรม ซึ่งจะช่วยสร้างความปรองดองได้
ส่วนตัวมองว่ารัฐบาลนี้มีความกล้าหาญมาก ที่ประกาศว่าจะสร้างความชอบธรรม โดยฟื้นฟูหลักนิติธรรม คือกฎหมายต้องมีความเป็นธรรม เป็นใหญ่กับบุคคลและต้องเกิดจากการยอมรับ ในอนาคตอีก 4 ปีข้างหน้า รัฐบาลจะวางรากฐานและโครงสร้างพื้นฐานใหม่ให้กับประเทศโดยยึดหลักนิติธรรม แต่ก่อนจะไปถึงจุดนั้น ต้องมาคิดว่าความยุติธรรมในช่วงเปลี่ยนผ่าน กฎหมายที่เกิดขึ้นในบางช่วงอาจมีความไม่เป็นธรรมต่อคนบางกลุ่ม ต้องมีกฎหมายเพื่อช่วยคนกลุ่มนั้นให้ได้รับความเป็นธรรมด้วย เช่น กฎหมายนิรโทษกรรม ระบบยุติธรรมต้องมีความแข็งแกร่ง มีความโปร่งใส จึงจะช่วยลดความขัดแย้งลงได้
สลายขั้ว ไม่มีวันหมดไป ความเห็นที่แตกต่างคือความสวยงาม เป็นเรื่องปกติของระบอบประชาธิปไตย
นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ได้ให้คำนิยามของคำว่าสลายขั้วว่า ตราบใดที่ประเทศไทยยังอยู่ในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ตราบใดที่ยังมีการเลือกตั้ง คำว่าขั้วไม่มีวันหมดไป เลือกตั้งเสร็จก็มี 2 ขั้วอยู่ดี ขั้วรัฐบาล ขั้วฝ่ายค้าน ถ้าไม่มีขั้วคือเรื่องใหญ่ จะไม่มีความเห็นที่แตกต่าง นี่คือความสวยงามของระบอบประชาธิปไตย มีพรรคที่สามารถทำงานด้วยกันได้ พรรคที่เห็นต่างก็ทำงานในฐานะผู้ตรวจสอบ ที่ให้เกียรติซึ่งกันและกัน การเห็นต่างจึงเป็นเรื่องปกติในระบอบประชาธิปไตย
ส่วนคำว่าสลายขั้ว ต้องมีการนิยามก่อน “คำว่าขั้วคืออะไร” หากคำว่าขั้วคือเผด็จการหรือประชาธิปไตยนั้นคงไม่ใช่ประเด็นอีกต่อไป แต่คงเป็นขั้วทางการเมืองว่าเห็นต่างกันอย่างไร และจะสามารถจับมือร่วมกันทำงานได้อย่างไรมากกว่า ซึ่งในทุกครั้งที่มีการเลือกตั้ง ขั้วการทำงานจะมีการสลายไปเหมือนการล้างไพ่ใหม่ และตั้งขั้วใหม่ขึ้นมา เป็นวัฎจักรของการเมืองไทยในระบอบประชาธิปไตย ประเด็นสำคัญอยู่ที่เมื่อมีความแตกต่างกันแล้วก็ต้องเคารพในความแตกต่างและความเห็นซึ่งกันและกัน
เศรษฐกิจ/ท่องเที่ยว
นายกรัฐมนตรี เร่งขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย เชิญชวนนักลงทุนต่างชาติ ยกระดับอุตสาหกรรมให้มีศักยภาพ
นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวภายในงาน CEO Econmass Awards 2023 ภายใต้หัวข้อ เร่งเครื่องติดสปีดเศรษฐกิจไทย ว่า จากสถานการณ์ความขัดแย้งในตะวันออกกลางที่มีความรุนแรงอย่างต่อเนื่อง ทำให้รัฐบาลไทยมีการเตรียมความพร้อมทางด้านการขนส่งและการช่วยเหลือเยียวยาแรงงานไทยที่ได้รับผลกระทบสถานการณ์ดังกล่าว รวมถึงต้องมีการกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศผ่านนโยบายของรัฐบาล ไม่ว่าจะเป็นนโยบายระยะสั้น มีการลดค่าไฟฟ้า ลดค่าน้ำ พักการชำระหนี้เกษตรกร ปรับลดอัตราค่าโดยสารรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย เพื่อให้ประชาชนสามารถลดค่าครองชีพและมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ขณะที่นโยบายในระยะกลางและระยะยาว มีการจัดทำ FTA ในต่างประเทศ พร้อมเชิญชวนนักลงทุนต่างประเทศเข้ามาลงทุนในไทยเพิ่มมากขึ้น เพื่อยกระดับอุตสาหกรรมไทยให้มีศักยภาพ
นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวเพิ่มเติมว่า รัฐบาลไทยจะสานต่อ โครงการแลนด์บริดจ์ เนื่องจากการขนถ่ายสินค้าที่ผ่านมา ต้องผ่านช่องแคบมะละกา ทำให้การขนส่งสินค้าผ่านเรือมีความล่าช้า หากแก้ไขปัญหาดังกล่าวได้ จะทำให้ระยะในเวลาในการขนส่งรวดเร็วยิ่งขึ้นและสามารถขนส่งสินค้าไปได้ทั่วโลก ทำให้โลจิสติกทั่วโลกดีขึ้นและสร้างประเทศไทยเป็นเมืองที่น่าลงทุน
สถานการณ์นักท่องเที่ยวสัปดาห์ที่ผ่านมา นักท่องเที่ยวในหลายภูมิภาคกลับมาฟื้นตัวมากขึ้น
นางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า กองเศรษฐกิจการท่องเที่ยวและกีฬา ประเมินสถานการณ์การท่องเที่ยวในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา (16 -22 ต.ค.66) พบว่า นักท่องเที่ยวในหลายภูมิภาคกลับมาฟื้นตัวและขยายตัวในอัตราที่สูงกว่าการคาดการณ์ อีกทั้งกลับมาเป็นบวกครั้งแรกนับตั้งแต่สัปดาห์ที่ 1 ของเดือนตุลาคม เนื่องจากการเข้าสู่ช่วง High Season ของฤดูกาลการท่องเที่ยวและเข้าสู่ช่วงเทศกาลกินเจ โดยเฉพาะภูมิภาคยุโรปที่ฟื้นตัวเพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ก่อนหน้า คิดเป็นร้อยละ 19.10 หรือเพิ่มขึ้น 15,874 คน ขณะที่ภูมิภาคตะวันออกกลางมีนักท่องเที่ยวลดลง โดยเป็นผลจากภาวะสงคราม ส่งผลให้สัปดาห์ที่ผ่านมา ในภาพรวมไทยมีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งสิ้น 512,361 คน เพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ก่อนหน้า 42,026 คน คิดเป็นร้อยละ 8.94 โดย 5 อันดับแรกของนักท่องเที่ยวต่างชาติ ได้แก่ มาเลเซีย จีน อินเดีย เกาหลีใต้ และรัสเซีย
สำหรับสัปดาห์ถัดไป คาดว่านักท่องเที่ยวจะปรับตัวเพิ่มขึ้น จากการยกเว้นการตรวจลงตราหนังสือเดินทาง หรือวีซ่าฟรี ให้แก่นักท่องเที่ยวชาวจีนและคาซัคสถาน อีกทั้งการฟื้นตัวของนักท่องเที่ยวชาวยุโรป เมื่อเริ่มเข้าสู่ช่วง High Season ของฤดูกาลการท่องเที่ยว สำหรับจำนวนนักท่องเที่ยวสะสมตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.66 ที่ผ่านมา มีทั้งสิ้น 21,559,296 คน สร้างรายได้จากการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวต่างชาติแล้ว 904,904 ล้านบาท
เกษตรกรรม/สิ่งแวดล้อม
ค่าฝุ่นละออง PM2.5 ยังเกินมาตรฐานอยู่ในระดับสีส้มเริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ ใน 13 พื้นที่
ศูนย์ข้อมูลคุณภาพอากาศกรุงเทพมหานคร สรุปผลการตรวจวัดค่าฝุ่นละออง PM2.5 ในช่วงเช้าวันนี้ มีแนวโน้มลดลง แต่ยังเกินมาตรฐาน 37.5 มคก./ลบ.ม. อยู่ในระดับสีส้มเริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ จำนวน 13 พื้นที่ ได้แก่ บริเวณเพชรเกษม เขตหนองแขม ตลาดบางบอน เขตบางบอน สี่แยกท่าพระ เขตท่าพระ บริเวณหน้าสถานีตำรวจรถไฟบางกอกน้อย เขตบางกอกน้อย บริเวณป้อมตำรวจหน้าลานบางรักเลิฟลี่ พลาซ่า เขตบางรัก บริเวณแยกมไหศวรรย์ เขตธนบุรี บริเวณสะพานสมเด็จพระเจ้าตากสิน เขตคลองสาน หน้าศูนย์การค้าสามย่านมิตรทาวน์ เขตปทุมวัน บริเวณ ซ.ลาดพร้าว 95 เขตวังทองหลาง บริเวณสำนักงานเขตบางขุนเทียน เขตบางขุนเทียน บริเวณหน้ามหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี เขตทุ่งครุ บริเวณถนนเซนต์หลุยส์ เขตสาทร และบริเวณหน้ามหาวิทยาลัยสยาม เขตภาษีเจริญ ภาพรวมตรวจวัดได้ในช่วง 15.5-54.7 มคก./ลบ.ม. มีค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 32.2 มคก./ลบ.ม.
สำหรับบุคคลทั่วไป ควรลดระยะเวลาการทำกิจกรรมกลางแจ้ง หรือใช้อุปกรณ์ป้องกันตนเอง เช่น การสวมใส่หน้ากากอนามัย ส่วนผู้ที่ต้องดูแลสุขภาพเป็นพิเศษ หรือมีอาการทางสุขภาพ เช่น ไอ หายใจลำบาก ตาอักเสบ แน่นหน้าอก ปวดศีรษะ หัวใจเต้นไม่เป็นปกติ คลื่นไส้ อ่อนเพลียควรปรึกษาแพทย์และปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด นอกจากนี้ สามารถตรวจสอบข้อมูลคุณภาพอากาศก่อนออกจากบ้าน ได้ทาง แอปพลิเคชัน AirBKK // www.airbkk.com หรือช่องทางไลน์ LINE ALERT และ LINE Official Account @airbangkok ทั้งนี้ หากพบเห็นแหล่งกำเนิดมลพิษสามารถแจ้งเบาะแส ผ่านทาง Traffy Fondue ตลอด 24 ชั่วโมง
สังคม
กระทรวงสาธารณสุข ร่วมกับ 13 หน่วยงาน ประกาศความร่วมมือเร่งรัดการฉีดวัคซีน HPV ป้องกันมะเร็งปากมดลูก
นายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวในการเป็นประธานและสักขีพยานในพิธีลงนามประกาศความร่วมมือระหว่างกระทรวงสาธารณสุขและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรวม 13 หน่วยงาน ช่วยกันขับเคลื่อนนโยบายมะเร็งครบวงจรและรณรงค์ฉีดวัคซีน HPV 1 ล้านเข็มใน 100 วัน สำหรับผู้หญิงอายุ 11- 20 ปี ภายใต้แนวคิด “รู้เท่าทัน ป้องกันได้ ตรวจพบรักษาไว ปลอดภัยจากมะเร็ง” ว่า มะเร็งเป็นปัญหาสาธารณสุข ที่มีแนวโน้มสูงขึ้นต่อเนื่อง มีสาเหตุจากพฤติกรรมและสภาพแวดล้อม แต่ละปีพบผู้ป่วยมะเร็งรายใหม่กว่า 100,000 ราย เสียชีวิตปีละราว 80,00 ราย ปี 2567
กระทรวงสาธารณสุข มีนโยบาย ยกระดับ 30 บาทอัพเกรด มุ่งยกระดับการดูแลมะเร็งครบวงจร สำหรับมะเร็งปากลดลูกเป็นมะเร็งเพียงไม่กี่ชนิดที่ป้องกันได้ด้วยวัคซีนและมีประสิทธิภาพช่วยป้องกันได้ ร้อยละ 93-95 ทั้งนี้ ไทยมอบสิทธิประโยชน์ฉีดวัคซีน HPV แก่เด็กหญิงชั้น ป.5 ในปี 2562 แต่ประสบปัญหาวัคซีนทั่วโลก จึงไม่อาจสร้างภูมิได้ครอบคลุมกลุ่มเป้าหมาย แต่ปี 2565 ไทยสามารถจัดหาวัคซีนกลับมาให้ได้ แต่ยังไม่คลุมทุกกลุ่มเป้าหมาย จึงกำหนดในกลุ่มเป้าหมายเป็นหญิงอายุ 11-20 ปี ทั้งในและนอกระบบการศึกษา เป้าหมายฉีด 1 ล้านเข็ม ภายใน 100 วัน ตามนโยบายยกระดับ 30 บาท และ Quick Win “มะเร็งครบวงจร – วัคซีน HPV” เพื่อลดการเกิดโรคมะเร็งปากมดลูก
ด้านนายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า การฉีดวัคซีน HPV 1 ล้านเข็ม ใน 100 วัน เป็นกิจกรรมแรกในนโยบายมะเร็งครบวงจร พิธีลงนามวันนี้ เพื่อสร้างกรอบความร่วมมือระหว่างกระทรวงสาธารณสุขและภาคีเครือข่ายต่างๆ ในการเดินหน้าฉีดวัคซีน HPV ทั้งการรณรงค์เชิญชวนให้กลุ่มเป้าหมายเข้ารับบริการ และจัดการให้บริการที่เข้าถึงได้สะดวก โดยกระทรวงสาธารณสุขจะมีการคิกออฟฉีดพร้อมกันทั่วประเทศ วันที่ 8 พฤศจิกายนนี้
รัฐบาลเชิญชม “งานสัปดาห์อวกาศแห่งชาติ” 25-27 ตุลาคมนี้ เปิดแผนสร้างดาวเทียม THEOS-3
นางรัดเกล้า อินทวงศ์ สุวรรณคีรี รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นักวิทยาศาสตร์ไทย ผลักดันวงการอวกาศของประเทศไทยให้มีความก้าวหน้า กับการขึ้นสู่วงโคจรของดาวเทียม THEOS-2 สำเร็จ เมื่อวันที่ 9 ตุลาคม 2566 ที่ผ่านมา และได้เริ่มปฏิบัติการสำรวจโลกแล้ว ถือเป็นดาวเทียมด้านการสำรวจทรัพยากรธรรมชาติและติดตามสภาพแวดล้อมของประเทศไทย โดยข้อมูลจากดาวเทียม THEOS-2 จะถูกนำไปใช้เพื่อสนับสนุนการตัดสินใจและการบริหารเชิงพื้นที่ตามภารกิจของประเทศ โดยเฉพาะด้านน้ำ การเกษตร ภัยพิบัติ ทรัพยากรธรรมชาติ ผังเมือง และความมั่นคง ตลอดจนใช้ส่งเสริมการสร้างสรรค์นวัตกรรมจากอวกาศ โดยที่ผ่านมาได้มีการนำข้อมูลจากดาวเทียมดวงอื่นๆ ของ GISTDA มาใช้ประโยชน์ในด้านนี้ โดยเฉพาะการบริหารจัดการที่ดิน และทรัพยากรดินของประเทศ ซึ่งก่อให้เกิดประโยชน์ต่อเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมอย่างมาก ซึ่งเมื่อดาวเทียม THEOS-2 ขึ้นสู่วงโคจรสำเร็จแล้วก็จะยิ่งเกิดประโยชน์มากขึ้น
นางรัดเกล้า กล่าวว่า ขณะนี้ได้ทราบว่า GISTDA มีแผนที่จะจัดสร้างดาวเทียม THEOS-3 โดยได้ออกแบบครั้งแรกเรียบร้อยแล้ว ปัจจุบันได้มีการสัมมนาและประชาสัมพันธ์สู่สาธารณะเบื้องต้น รวมทั้งยังวางแผนที่จะสร้างและประกอบดาวเทียม THEOS-3 ที่ประเทศไทยอีกด้วย โดยมีแผนจะนำขึ้นสู่อวกาศภายในปี พ.ศ. 2569-2570 ซึ่งนอกจากความสำเร็จดังกล่าวแล้ว โดยประเทศไทยกำลังจะมีงานใหญ่ด้านเทคโนโลยีอวกาศ ‘งานสัปดาห์อวกาศแห่งชาติ (Thailand Space Week 2023)’ เพื่อให้ผู้ที่เกี่ยวข้องและสนใจด้านการพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศ และอื่นๆ ทั้งในและต่างประเทศได้มาพบปะรวมตัวกันเพื่อแลกเปลี่ยนและติดตามข้อมูลด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรม โดยงานจัดระหว่างวันที่ 25-27 ตุลาคม 2566 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์
รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ขอทุกสื่อมองด้านดีดิจิทัลวอลเล็ต อย่ามองแต่มุมลบ
นางพวงเพชร ชุนละเอียด รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีเมื่อวานนี้(24 ต.ค.) นายกรัฐมนตรี เรียกประชุมรัฐมนตรี ของพรรคเพื่อไทย เกี่ยวกับโครงการปฏิบัติการเร่งรัด หรือควิกวิน ในการประชาสัมพันธ์ ว่า เป็นการย้ำให้รัฐมนตรี เห็นถึงความสำคัญของนโยบายรัฐบาลและพรรค ซึ่งต้องทำความเข้าใจให้มาก โดยเฉพาะดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท ว่าเงินมาจากไหนและไปที่ไหน ใช้จ่ายอย่างไร ซึ่งต้องชี้แจงให้กับประชาชนทั่วไป รวมถึงรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย การลดค่าน้ำค่าไฟ ค่าแก๊ส หลายเรื่องที่เป็นนโยบายของรัฐบาล มีประโยชน์ต่อประชาชน เราต้องพยายามชี้แจงให้ทั่วถึงทุกกลุ่ม
ส่วนที่ประชาชนไม่เข้าใจเรื่องเงินดิจิทัล 10,000 บาท นางพวงเพชร กล่าวว่า เป็นเรื่องของกระทรวงการคลัง ที่ตอนนี้พยายามชี้แจงผ่านสื่อทุกสื่อ เรื่องที่มาของเงินและระยะเวลาใช้ที่ไหนอย่างไรและผลประโยชน์ที่จะได้รับ เพราะจะเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่ ซึ่งเป็นนโยบายที่สำคัญของรัฐบาล ทั้งนี้อยากให้สื่อฯ ช่วยประชาสัมพันธ์ด้วย ให้เห็นความสำคัญว่าเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งสำคัญของประเทศ อย่าไปมองเรื่องรายละเอียด หรือมองเป็นด้านลบ อยากให้มองในด้านบวก ที่รัฐบาลพยายามทำให้ประเทศชาติ เดินไปในด้านกระตุ้นเศรษฐกิจให้เติบโตต่อเนื่อง
สำหรับการพบกับผู้บริหาร tiktok Thailand วันนี้ นางพวงเพชร กล่าวว่า เป็นเรื่องของ social media เพราะพยายามทำทุกสื่อ โดย tiktok Thailand จะมาสอนเทคนิคและวิธีการทำทุกอย่างให้ทันสมัย ถึงทุกกลุ่มเป้าหมาย ขณะเดียวกัน ยืนยันว่า ไม่เคยและไม่คิดใช้ io ตอบโต้ผู้ที่ดอสเครดิตลดความเชื่อมั่นรัฐบาล แต่จะพยายามชี้แจงเรื่อง fake news เมื่อเจอข่าวปลอม โดยให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม(DES) ตรวจสอบและปิดเว็บไซต์ต่างๆ และให้กรมประชาสัมพันธ์ ช่วยตรวจสอบและนำเสนอข้อมูลข้อเท็จจริงด้วย
ข้อมูลข่าวและที่มา
ผู้สื่อข่าว : ธนพิชฌน์ แก้วกา
ผู้เรียบเรียง : ธนพิชฌน์ แก้วกา
แหล่งที่มา : หน่วยงานสำนักข่าว