ข่าวสารกรุงเทพฯ

ประมวลข่าวทั่วไทยประจำวันที่ 8 สิงหาคม …



ประมวลข่าวทั่วไทยประจำวันที่ 8 สิงหาคม 2566

ประมวลข่าวทั่วไทยประจำวันที่ 8 สิงหาคม 2566

การเมือง/มั่นคง

นายกรัฐมนตรี ย้ำการชุมนุมแม้เป็นสิทธิเสรีภาพ แต่ผู้ชุมนุมควรอยู่ภายใต้กรอบกฎหมาย

พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงการชุมนุมของกลุ่มเห็นต่างที่มีการเคลื่อนไหว โดยขอให้ระมัดระวังข้อกฎหมาย แม้จะเป็นสิทธิเสรีภาพของแต่ละบุคคล ทุกคนต้องเคารพกฎหมาย อย่าให้มีผลกระทบกับบุคคลอื่น สร้างความเสียหายในทรัพย์สินของทางราชการ ขณะเดียวกัน ได้เห็นภาพที่ผู้ชุมนุมปะทะคารมกับนายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาแล้ว ขอความร่วมมือสื่อมวลชนอย่าไปขยายความในเรื่องนี้ แต่ต้องให้คำแนะนำว่าเป็นสถานการณ์ที่ไม่สมควร ย้ำทุกคนต้องช่วยกัน เพื่อให้บ้านเมืองสงบ มีเสถียรภาพ มีความมั่นคง มีความปลอดภัยและลดความขัดแย้ง

นายกรัฐมนตรี ไม่ขอแสดงความคิดเห็น ต่อกรณีการจัดตั้งรัฐบาล ระหว่างพรรคภูมิใจไทยและพรรคเพื่อไทย จะทำให้เกิดเสถียรภาพทางการเมืองหรือไม่ เพราะตนเองไม่เกี่ยวข้องกับทางการเมืองและให้พรรคการเมืองว่าไปตามกลไกของรัฐธรรมนูญ ซึ่งทุกคนต้องยอมรับกติกานี้ และที่ผ่านมาใช้รัฐธรรมนูญฉบับนี้ ซึ่งทุกคนรู้อยู่แล้ว ส่วนทุกครั้งเมื่อมีการเปลี่ยนรัฐบาล ต้องมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญพลเอกประยุทธ์ ย้อนถามสื่อกลับว่า มองอย่างไร ก่อนเดินขึ้นตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล

เศรษฐกิจ/ท่องเที่ยว

กทม. ร่วมกับ ททท. จัดงานเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง 11- 31 สิงหาคมนี้

นายชัชชาติ สิทธิพันธ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวในงานแถลงข่าวกรุงเทพมหานครผนึกกำลัง การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย หรือ ททท. ร่วมกับภาคีภาครัฐและเอกชนอีกกว่า 50 องค์กร จัดการแสดงม่านน้ำ “แม่แห่งแผ่นดิน ผู้ทรงพระมหากรุณาธิคุณ” เฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ฯ เนื่องในโอกาสทรงเจริญพระชนมพรรษา 91 พรรษา ในระหว่างวันที่ 11 – 31 สิงหาคมนี้ ณ อุทยานเบญจสิริ ว่า กรุงเทพมหานครได้มีความร่วมมือกับหน่วยงานต่างๆ เพื่อพัฒนา ปรับปรุง อุทยานเบญจสิริ เพื่อจัดงานเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 91 พรรษาในวันที่ 12 สิงหาคมนี้

นายอภิชัย ฉัตรเฉลิมกิจ รองผู้ว่าการด้านสินค้าและธุรกิจท่องเที่ยว การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย กล่าวว่่า ททท.พร้อมแล้วมีความยินดีเป็นอย่างยิ่งสำหรับการสนับสนุนกิจกรรมเพื่อร่วมสร้างพื้นที่เศรษฐกิจสร้างสรรค์ หวังเป็นอย่างยิ่งว่าการร่วมมือกันจัดงานเฉลิมพระเกียรติฯ ในครั้งนี้ จะเป็นก้าวสำคัญในการกระตุ้น ฟื้นฟูเศรษฐกิจ ด้านการท่องเที่ยวภายในประเทศไทย

สำหรับผู้ที่สนใจรับชมการแสดงม่านน้ำแม่แห่งแผ่นดินผู้ทรงพระมหากรุณาธิคุณ สามารถเดินทางเข้ารับชมความสวยงามได้ที่ อุทยานแห่งชาติเบญจสิริ โดยจะทำการเปิดให้ประชาชนทั่วไปสามารถเข้ารับชมได้ระหว่างวันที่ 12 สิงหาคมถึง 31 สิงหาคมนี้ โดยจะมีการจัดแสดงวันละ 3 รอบ ได้แก่ รอบ 19.00 น. รอบ 20.00 น. และรอบ 21.30 น.ของทุกวัน

สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร ช่วยเกษตรกรมีที่ทำกิน สร้างรายได้ให้มั่นคง

นางธัญธิตา บุญญมณีกุล รองเลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยถึงผลการติดตามโครงการส่งเสริมและพัฒนาอาชีพเพื่อแก้ไขปัญหาที่ดินทำกินของเกษตรกร ปีงบประมาณ 2566 ซึ่งเป็นโครงการภายใต้แผนงานบูรณาการพัฒนาและส่งเสริมเศรษฐกิจฐานราก โดยมีกรมส่งเสริมสหกรณ์ เป็นเจ้าภาพหลัก เพื่อสร้างรายได้จากอาชีพหลักและอาชีพเสริม ให้แก่สมาชิกสหกรณ์/กลุ่มเกษตรกรในพื้นที่ โดยปีงบประมาณ 2566 กำหนดดำเนินงาน 270 พื้นที่ 65 จังหวัด เกษตรกรเป้าหมาย 13,670 ราย

ผลการดำเนินงานโครงการฯ รอบ 9 เดือน (ตุลาคม 65 – มิถุนายน 66) ภาพรวมดำเนินการได้ 176 พื้นที่ จากเป้าหมาย 270 พื้นที่ (ร้อยละ 65.19) รวม 65 จังหวัด ครบตามเป้าหมาย เกษตรกรได้รับการอบรมถ่ายทอดความรู้ 8,434 ราย จากเป้าหมาย 13,670 ราย (ร้อยละ 61.70)

ภาพรวมเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการฯ มีความพึงพอใจต่อการดำเนินโครงการเป็นอย่างมาก เนื่องจากทำให้เกษตรกรมีที่ดินทำกินเป็นของตนเอง สามารถสร้างรายได้เลี้ยงครอบครัวได้ รวมทั้งได้รับความช่วยเหลือด้านอื่นๆ จากหน่วยงานภาครัฐอีกด้วย ทั้งนี้ ในระยะถัดไปเห็นควรส่งเสริมองค์ความรู้ด้านการบริหารจัดการของกลุ่มในด้านการผลิตและการตลาด เพื่อให้เกษตรกรในพื้นที่ได้รับประโยชน์อย่างเต็มประสิทธิภาพและเกิดความยั่งยืนของโครงการ

งานแสดงสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับ ขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย คาดสร้างมูลค่าการค้าไม่ต่ำกว่า 3,000 ล้านบาท

นายภูสิต รัตนกุล เสรีเริงฤทธิ์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศร่วมกับสถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ (GIT) พร้อมทั้งภาครัฐและเอกชนกว่า 20 หน่วยงาน จัดงานแสดงสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยและเก่าแก่ที่สุดในเอเชีย ” Bangkok Gems and Jewelry Bangkok Gems ครั้งที่ 68 ในวันที่ 6-10 กันยายนนี้ (2566) ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ เพื่อฉลองครบรอบ 40 ปี ซึ่งงานในครั้งนี้ถือเป็นเวทีการค้าสำคัญที่เปิดโอกาสให้ผู้ประกอบไทยได้พบและเจรจาการค้ากับผู้ซื้อจากทั่วโลก สร้างเครือข่ายพันธมิตร ขยายโอกาสทางธุรกิจและความร่วมมือระหว่างกัน ตลอดจนเป็นเวทีเสริมสร้างและแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ ถือเป็นการผลักดันสำคัญเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศเนื่องจากมีผู้ประกอบการ ที่อยู่ในอุตสาหกรรมและมีการจ้างแรงงานในห่วงโซ่อุปทานกว่า 800,000 คน และมีผู้ประกอบการทั่วประเทศอยู่ราว 12,000 คน ส่วนใหญ่เป็น SMEs ร้อยละ 90 คาดการณ์มีผู้เข้าชมงานทั่วโลกไม่ต่ำกว่า 30,000 ราย และคาดว่าจะสร้างมูลค่าการค้าได้ ไม่ต่ำกว่า 3,000 ล้านบาท

อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับช่วงครึ่งปีแรกของปี 2566 (มกราคม -มิถุนายน) การส่งออกสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับ มีมูลค่าส่งออก 4,348 ล้านเหรียญสหรัฐ เติบโตร้อยละ 11.94 โดยคาดการณ์เป้าส่งออกปี 2566 จะขยายตัวเพิ่มขึ้นไม่ต่ำกว่าร้อยละ 10 เนื่องจากสถานการณ์เศรษฐกิจของประเทศคู่ค้าสำคัญของไทยหลายประเทศฟื้นตัวในทิศทางที่ดีขึ้น ไม่ว่าจะเป็นกิจกรรมทางเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว มาตรการเปิดประเทศที่ผ่อนคลายมากขึ้น ส่งผลให้ผู้บริโภคกลับมาจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น

เกษตรกรรม/สิ่งแวดล้อม

ปตท. Kick-off จุดพลังชีวิต พลิกผืนป่า 1 ต้นกล้า…สู่ป่าล้านที่ 2 เร่งเพิ่มพื้นที่สีเขียวลดคาร์บอน

ที่แปลงปลูกป่า ปตท. ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ป่าวังเพลิง ป่าม่วงค่อมและป่าลำนารายณ์ ตำบลมหาโพธิ อำเภอสระโบสถ์ จังหวัดลพบุรี นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เปิดกิจกรรม Kick-off “ปตท. จุดพลังชีวิต พลิกผืนป่า” 1 ต้นกล้า… สู่ป่าล้านที่ 2 โดยมีนายสุรชัย อจลบุญ อธิบดีกรมป่าไม้ นายวชิระ เกตุพันธุ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดลพบุรี ผู้บริหารและพนักงาน ปตท. หน่วยงานภาครัฐ เครือข่าย ปตท. เครือข่ายชุมชนในพื้นที่มากกว่า 450 คน ร่วมปลูกต้นไม้จำนวน 4,500 ต้น

นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า “กิจกรรมในครั้งนี้เกิดขึ้นจากความตั้งใจของ ปตท. ในการปลูกป่าเพื่อฟื้นฟูระบบนิเวศ เพิ่มแหล่งดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ด้วยวิธีทางธรรมชาติ ซึ่งเป็น 1 ใน 3 กลยุทธ์หลักที่ขับเคลื่อน ปตท. สู่การปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Emissions) ภายใน พ.ศ. 2593 (ค.ศ. 2050) โดย ปตท. ตั้งเป้าหมายปลูกป่าเพิ่ม 1 ล้านไร่และความร่วมมือจากบริษัทในกลุ่ม ปตท. อีก 1 ล้านไร่ ภายในปี พ.ศ. 2573 (ค.ศ.2030) และเมื่อรวมกับพื้นที่แปลงปลูกป่าเฉลิมพระเกียรติฯ 1 ล้านไร่ คาดว่าพื้นที่แปลงปลูกป่าของกลุ่ม ปตท. กว่า 3 ล้านไร่ จะช่วยดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ได้ประมาณร้อยละ 20 ของปริมาณการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกของ ปตท. ซึ่งจะมีศักยภาพในการดูดซับมากกว่า 4.15 ล้านตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าต่อปี

นอกจากนี้ ผืนป่าที่ฟื้นฟูกลับมา จะทำหน้าที่ให้บริการทางนิเวศ (Ecosystem service) ทั้งเป็นแหล่งต้นน้ำ ส่งเสริมความหลากหลายทางชีวภาพ รวมถึงช่วยสร้างทุนทางสังคมและสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจให้กับชุมชนคิดเป็นมูลค่าหลายล้านบาทต่อปี” โดยแปลงปลูกป่า ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ป่าวังเพลิง ป่าม่วงค่อมและป่าลำนารายณ์ ได้รับการจัดสรรพื้นที่จากกรมป่าไม้จำนวน 413 ไร่ ในความรับผิดชอบของสำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 5 สระบุรี โดย ปตท. ได้จัดเตรียมพรรณไม้พื้นถิ่นจำนวน 25 ชนิดอาทิ ประดู่ป่า พะยอม แดง มะค่าแต้ และตะแบก นำมาปลูกเพื่อเพิ่มพื้นที่สีเขียว อีกทั้งรูปแบบการจัดงานยังเป็น Carbon Neutral Event ที่คำนึงถึงการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในทุกๆ กิจกรรม เน้นใช้วัสดุที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและสามารถนำไปใช้ประโยชน์ต่อได้ นอกจากกิจกรรมปลูกฟื้นฟูป่าแล้ว ยังมีการทำฝายชะลอน้ำ เพื่อชะลอน้ำในฤดูฝนให้คงอยู่ในพื้นที่ให้นานขึ้น รวมทั้งช่วยกระจายความชุ่มชื้นให้กับพื้นที่ปลูกป่าและเป็นประโยชน์ต่อกล้าไม้ที่ปลูกใหม่อีกด้วย ซึ่งตลอดระยะเวลา 45 ปีที่ผ่านมา ปตท. ยึดมั่นพันธกิจหลักในการสร้างความมั่นคงทางด้านพลังงานให้กับประเทศ พร้อมให้ความสำคัญกับการดูแลสังคม ชุมชนและสิ่งแวดล้อมอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเส้นทางการปลูกป่าของ ปตท. เริ่มต้นใน พ.ศ. 2537 เมื่อครั้งสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงมีพระราชเสาวนีย์ให้รัฐบาลหาแนวทางทางยับยั้งการตัดไม้ทำลายป่า และฟื้นฟูสภาพป่าเสื่อมโทรมเป็นการเร่งด่วนด้วยมีพระราชดำรัส “พระเจ้าอยู่หัวเป็นน้ำ ฉันจะเป็นป่า ป่าที่ถวายความจงรักภักดีต่อน้ำ พระเจ้าอยู่หัวสร้างอ่างเก็บน้ำ ฉันจะสร้างป่า” ที่แสดงถึงพระราชปณิธานอันแรงกล้าที่จะทรงงานด้านการอนุรักษ์ป่า เนื่องจากทรงเห็นว่าป่าไม้ในประเทศไทยถูกทำลายลงไปมาก ปตท. หรือการปิโตรเลียมแห่งประเทศไทยในขณะนั้น จึงรับอาสาปลูกป่าถาวรเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 9) จำนวน 1 ล้านไร่ จนบรรลุเป้าหมายเมื่อ พ.ศ. 2545 รวมพื้นที่แปลงปลูกกว่า 1,043,230 ไร่ ใน 419 แปลงครอบคลุม 48 จังหวัดทั่วประเทศ

ขับเคลื่อนและเสริมสร้างความเข้มแข็ง เกษตรอินทรีย์เชิงธุรกิจ ด้วยองค์ความรู้ เทคโนโลยีและนวัตกรรม

นางสาววิภารัตน์ ดีอ่อง ผู้อำนวยการสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ หรือ วช. กล่าวถึงความร่วมมือกับนายศุภมิตร ชิณศรี ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรปราการ นายจงรัก วัชรินทร์รัตน์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ นายเตชพล ฐิตยารักษ์ รองเลขาธิการมูลนิธิชัยพัฒนา และภาคีเครือข่าย ในการขับเคลื่อนและเสริมสร้างความเข้มแข็งและยั่งยืนด้านเกษตรอินทรีย์เชิงธุรกิจในพื้นที่คุมบางกะเจ้า ด้วยองค์ความรู้ เทคโนโลยีและนวัตกรรมเชิงบูรณาการว่า เป็นการนำผลงานวิจัยและนวัตกรรมไปยกระดับโซ่อุปทานสินค้าเกษตรอินทรีย์ของเกษตรกรในพื้นที่คุ้งบางกะเจ้า ให้เป็นโซ่คุณค่าด้วยนวัตกรรมการเกษตรในมิติความยั่งยืนและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ยกระดับชุมชนให้มีรายได้ที่สูงขึ้น รวมถึงเป็นการพัฒนาพื้นที่ให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตรอินทรีย์และสุขภาพ

นายศุภมิตร ชิณศรี ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรปราการ กล่าวว่า ความร่วมมือของทุกหน่วยงานในครั้งนี้นับเป็นเรื่องที่ดีและเกิดประโยชน์อย่างมาก โดยในส่วนของ วช.จะเข้าไปดูในเรื่องเกษตรอินทรีย์เชิงธุรกิจ ซึ่งตรงกับแผนของจังหวัดที่มุ่งเน้นในการสร้างรายได้เพิ่มให้กับเกษตรกรและประชาชนในพื้นที่

สำหรับมหกรรมงานวิจัยแห่งชาติ 2566 Thailand Research Expo 2023 ภายใต้แนวคิด “ขับเคลื่อนงานวิจัย สู่เศรษฐกิจยุคใหม่ สร้างไทยยั่งยืน” ที่สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ หรือ วช. ร่วมกับหน่วยงานเครือข่ายในระบบวิจัยทั่วประเทศ จัดขึ้น เป็นไปอย่างคึกคักมีนักเรียนและประชาชนทั่วไปให้ความสนใจร่วมชมผลงานวิจัยและนวัตกรรมในบูธต่างๆ ที่นำมาจัดแสดงกว่า 1,000 ผลงาน ผู้สนใจสามารถร่วมชมงานดังกล่าวได้จนถึงวันที่ 11 สิงหาคม 2566 ที่โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์ และบางกอกคอนเวนชั่นเซ็นเตอร์ เซ็นทรัลเวิลด์ กรุงเทพ

สังคม

กรมศิลปากรระงับการปรับปรุงภูมิทัศน์ หวั่นกระทบต้นพระศรีมหาโพธิ์อายุกว่า 200 ปี

นายพนมบุตร จันทรโชติ อธิบดีกรมศิลปากร เปิดเผยว่า จากกรณีวัดสระเกศราชวรมหาวิหาร ปรับภูมิทัศน์เทคอนกรีตเต็มลาน สร้างความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบกับต้นพระศรีมหาโพธิ์ อายุกว่า 200 ปี ที่มีประวัติความเป็นมายาวนาน นับแต่สมัยรัชกาลที่ 2 นั้น ล่าสุดได้มอบหมายให้ภูมิสถาปนิก ผู้อำนวยการกลุ่มภูมิสถาปัตยกรรม สำนักสถาปัตยกรรม ที่มีความเชี่ยวชาญด้านการปรับภูมิทัศน์ลงพื้นที่เข้าไปสำรวจและหารือกับผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสระเกศราชวรมหาวิหาร เพื่อถวายคำแนะนำ

เบื้องต้นได้ให้วัดระงับการดำเนินการและให้สกัดคอนกรีตที่เทบริเวณลานต้นพระศรีมหาโพธิ์ออกก่อน โดยขอให้ส่งรูปแบบการปรับปรุงภูมิทัศน์บริเวณลานต้นพระศรีมหาโพธิ์และการปลูกต้นไม้บริเวณดังกล่าวให้กรมศิลปากร เพื่อพิจารณาแนวทางการปรับปรุงภูมิทัศน์ก่อนอนุญาตให้ดำเนินการตามแนวทางที่เหมาะสมต่อไป

สำหรับต้นพระศรีมหาโพธิ์ดังกล่าว มีประวัติเชื่อมโยงถึงสมัยพุทธกาล ซึ่งพระเจ้าอโศกมหาราชทรงส่งสมณทูตไปเผยแผ่พระพุทธศาสนาในลังกา และโปรดฯ ให้นำหน่อพระศรีมหาโพธิ์ไปปลูกที่ลังกา ต่อมารัชกาลที่ 2 ได้ส่งสมณทูตออกไปสืบทอดพระศาสนาที่ลังกาทวีป กษัตริย์ลังกาได้พระราชทานหน่อต้นโพธิ์ลังกาพันธุ์พระศรีมหาโพธิ์มาถวายรัชกาลที่ 2 จำนวน 3 หน่อ ทรงโปรดให้ปลูกไว้ที่วัดสุทัศน์ วัดมหาธาตุ และหน้าพระอุโบสถ วัดสระเกศด้วยพระองค์เอง และพระราชทานน้ำสรงต้นพระศรีมหาโพธิ์ในวันสงกรานต์ นับเป็นโบราณราชประเพณีปฏิบัติสืบเนื่องมาเป็นประจำทุกปี




ข้อมูลข่าวและที่มา

ผู้สื่อข่าว : ธนพิชฌน์ แก้วกา

ผู้เรียบเรียง : ธนพิชฌน์ แก้วกา

แหล่งที่มา : หน่วยงานสำนักข่าว



Source link