ประมวลข่าวทั่วไทยประจำวันที่ 9 ตุลาคม …
ประมวลข่าวทั่วไทยประจำวันที่ 9 ตุลาคม 2566
ประมวลข่าวทั่วไทยประจำวันที่ 9 ตุลาคม 2566
การเมือง/มั่นคง
นายกรัฐมนตรี หารือทวิภาคีกับผู้บริหารสูงสุดเขตบริหารพิเศษฮ่องกง ตั้งเป้าผลักดันการค้าการลงทุนอย่างรอบด้าน
นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า วันนี้ (9 ต.ค.66) ได้พบหารือทวิภาคีกับนายจอห์น ลี คา-ชิว ผู้บริหารสูงสุดเขตบริหารพิเศษฮ่องกง เพื่อกระชับความสัมพันธ์และผลักดันการค้าการลงทุนในทุกมิติ จากนั้นร่วมงานเลี้ยงอาหารกลางวันซึ่งผู้บริหารสูงสุดเขตบริหารพิเศษฮ่องกงเป็นเจ้าภาพจัดเลี้ยงเพื่อเป็นเกียรติแก่นายกรัฐมนตรี ต่อด้วยการพบหารือภาคธุรกิจฮ่องกง
โอกาสนี้นายกรัฐมนตรี ระบุด้วยว่า จากการเดินทางมาฮ่องกง เล็งเห็นว่าสนามบินฮ่องกงถือเป็นสนามบินที่มีประสิทธิภาพที่สุดแห่งหนึ่งของโลก เป็นจุดศูนย์กลางการเชื่อมต่อการเดินทางไปยังประเทศต่างๆ ได้อย่างสะดวกสบาย ดังนั้นมุ่งหวังว่าไทยกับฮ่องกงจะเร่งสร้างความเชื่อมโยงด้านการคมนาคม เพื่อเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยว ตลอดจนส่งเสริมความร่วมมือกับสนามบินอู่ตะเภา การลงทุนขยายสนามบินที่จังหวัดเชียงใหม่และภูเก็ต รวมถึงการขยายสนามบินในเมืองรอง เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวเมืองรองได้อีกด้วย ทำให้การติดต่อไปมาหาสู่ดีขึ้น
ทั้งนี้ด้วยสภาพอากาศของฮ่องกงวันนี้ สถานีอุตุนิยมวิทยาของฮ่องกงแจ้งเตือนภัยระดับ 8 คือมีพายุฝนฟ้าคะนองและลมแรง การเดินทางของนายกรัฐมนตรีและคณะ จึงเป็นไปด้วยความระมัดระวัง
เศรษฐกิจ/ท่องเที่ยว
คาดสถานการณ์ความขัดแย้งในตะวันออกกลางจะยังไม่มีผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยโดยตรง
นายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทยและประธานที่ปรึกษา ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ กล่าวถึงสถานการณ์ความขัดแย้งในตะวันออกกลางขณะนี้ว่า จะยังไม่มีผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจไทย เนื่องจากมองว่าสถานการณ์ความรุนแรงจะเกิดในช่วงเวลาสั้น โดยสถิติจากกระทรวงพาณิชย์ ระบุว่า มูลค่าการค้าไทยกับอิสราเอลอยู่ที่ 0.2% อยู่อันดับที่ 40 ของคู่ค้าไทย ไม่ได้เป็นตลาดใหญ่ในการส่งออกของไทย มีมูลค่าประมาณ 800 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 2 หมื่นล้านบาท โดยส่วนใหญ่เป็นสินค้ากลุ่มรถยนต์และเครื่องใช้ไฟฟ้า โดยในส่วนภาคการท่องเที่ยวของไทยนั้นชาวอิสราเอล เดินทางเข้าประเทศไทยประมาณ 2 แสนคน/ปี หากสถานการณ์ไม่ยืดเยื้อก็เชื่อว่าจะไม่ส่งผลกระทบ ขณะที่ผลกระทบทางตรงที่ส่งผลทันทีคือ ความปลอดภัยของแรงงานไทยและการขาดรายได้
อย่างไรก็ตาม นายธนวรรธน์ ยังกล่าวอีกว่า จากเหตุการณ์ณืในครั้งนี้ จะทำให้ราคาน้ำมันในตลาดโลกอาจจะปรับตัวสูงขึ้นไปอีกร้อยละ 4 ซึ่งจะมีผลต่อราคาน้ำมันในประเทศไทยตามไปด้วย อย่างไรก็ตาม เนื่องสถานการณ์ยังอยู่ในช่วงต้น ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ จะมีการติดตามสถานการณ์เพื่อนำมาวิเคราะห์และจะมีการแถลงเพิ่มเติมหลังมีข้อมูลที่ชัดเจนมากขึ้น
เกษตรกรรม/สิ่งแวดล้อม
มาเลเซียประกาศขึ้นทะเบียน GI “ข้าวสังข์หยดเมืองพัทลุง” และ “ข้าวหอมมะลิทุ่งกุลาร้องไห้”
นายนภินทร ศรีสรรพางค์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า รัฐบาลมีนโยบายสำคัญในการยกระดับซอฟต์พาวเวอร์ของไทยให้เข้มแข็ง ซึ่งสินค้า GI เป็นหนึ่งในสินค้าที่มีอัตลักษณ์และมีศักยภาพแข่งขันในเวทีโลก กระทรวงพาณิชย์จึงมอบหมายให้กรมทรัพย์สินทางปัญญาเร่งเดินหน้าส่งเสริมสินค้า GI ไทยในทุกมิติ โดยเฉพาะการยื่นขอรับความคุ้มครองในต่างประเทศ เพื่อขยายตลาดและเพิ่มมูลค่าสินค้า
ล่าสุด เมื่อวันที่ 26 กันยายน 2566 สำนักงานทรัพย์สินทางปัญญามาเลเซีย (MyIPO) ได้ประกาศขึ้นทะเบียน GI “ข้าวสังข์หยดเมืองพัทลุง” และ “ข้าวหอมมะลิทุ่งกุลาร้องไห้” ในประเทศมาเลเซียเรียบร้อยแล้ว ส่งผลให้ในปัจจุบันมีสินค้า GI ไทยได้รับการขึ้นทะเบียนในต่างประเทศ รวม 8 รายการ ครอบคลุมกว่า 30 ประเทศ ได้แก่ 1) ข้าวหอมมะลิทุ่งกุลาร้องไห้ ในสหภาพยุโรป จีน มาเลเซียและอินโดนีเซีย 2) ข้าวสังข์หยดเมืองพัทลุง ในสหภาพยุโรป มาเลเซียและอินโดนีเซีย 3) กาแฟดอยช้าง ในสหภาพยุโรปและญี่ปุ่น 4) กาแฟดอยตุง ในสหภาพยุโรป ญี่ปุ่น และกัมพูชา 5) เส้นไหมไทยพื้นบ้านอีสาน ในเวียดนาม 6) ผ้าไหมยกดอกลำพูน ในอินเดียและอินโดนีเซีย 7) มะขามหวานเพชรบูรณ์ ในจีนและเวียดนาม และ 8) ลำไยอบแห้งเนื้อสีทองลำพูน ในเวียดนาม โดยยังมีส้มโอทับทิมสยามปากพนัง อีก 1 สินค้าที่มาเลเซียอยู่ระหว่างพิจารณา
ทั้งนี้ ชาวมาเลเซีย บริโภคข้าวเป็นอาหารหลัก จึงนำเข้าข้าวจากต่างประเทศกว่าร้อยละ 30 ตามความต้องการบริโภคภายในประเทศ ซึ่งข้าวไทยได้รับความนิยมในประเทศมาเลเซีย โดย “ข้าวหอมมะลิทุ่งกุลาร้องไห้” ปลูกในฤดูนาปีบนพื้นที่ทุ่งกุลาร้องไห้ ด้วยสภาพพื้นที่เป็นแอ่งกระทะขนาดใหญ่ ดินเป็นดินร่วนปนทรายมีความอุดมสมบูรณ์ต่ำ ความแห้งแล้งและความเค็มในดิน ส่งผลให้ข้าวเกิดความเครียดและหลั่งสารหอม ข้าวจึงมีความหอมตามธรรมชาติมากกว่าข้าวจากแหล่งอื่น โดยมีผลผลิตข้าวหอมมะลิทุ่งกุลาร้องไห้ รวม 5 จังหวัดกว่า 24,500 ตัน/ปี ราคาเฉลี่ยกิโลกรัมละ 55 บาท สร้างรายได้กว่า 266 ล้านบาท/ปี สำหรับ “ข้าวสังข์หยดเมืองพัทลุง” ปลูกในจังหวัดพัทลุง เมล็ดข้าวเรียวเล็ก อ่อนนุ่ม ข้าวกล้องมีสีแดงจนถึงแดงเข้ม ข้าวสารมีสีขาวปนแดงแกมชมพูเป็นเอกลักษณ์ มีผลผลิตข้าวสังข์หยดเมืองพัทลุง 8,000 ตัน/ปี สร้างรายได้กว่า 104 ล้านบาท/ปี
สัปดาห์นี้ประเทศไทยมีมวลอากาศเย็นแผ่ลงมาปกคลุม เริ่มเข้าสู่ช่วงปลายฝนต้นหนาว เฝ้าระวังสภาพอากาศแปรปรวนสูง
ว่าที่ร้อยตรี ธนะสิทธิ์ เอี่ยมอนันชัย รองอธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา กล่าวว่า ในช่วงส่วนในช่วงวันที่ 9-14 ต.ค. 66 ร่องมรสุมจะเลื่อนลงมาพาดผ่านภาคกลางตอนล่าง ภาคตะวันออกและภาคใต้ตอนบน โดยมีบริเวณความกดอากาศสูง หรือมวลอากาศเย็นกำลังปานกลางจากประเทศจีนแผ่ลงมาปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทยและทะเลจีนใต้ ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ยังคงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้และอ่าวไทย ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยยังคงมีฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรงบางแห่ง โดยมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่งในภาคกลาง รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ภาคตะวันออกและภาคใต้
สำหรับบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร ขอให้ประชาชนระวังอันตรายจากลมกระโชกแรง ฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม รวมทั้งเพิ่มความระมัดระวังในการสัญจรผ่านบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองและหลีกเลี่ยงการอยู่ในที่โล่งแจ้ง ใต้ต้นไม้ใหญ่และป้ายโฆษณาที่ไม่แข็งแรง ส่วนชาวเรือควรเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองไว้ด้วยตลอดช่วง
ด้านพายุไต้ฝุ่น “โคอินุ” ได้อ่อนกำลังลงเป็นพายุโซนร้อนกำลังแรงแล้ว คาดว่าในช่วงวันที่ 10-11 ต.ค. 66 จะเคลื่อนผ่านเกาะไหหลำและจะอ่อนกำลังลงตามลำดับ โดยพายุนี้ไม่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อลักษณะอากาศของประเทศไทย
ทั้งนี้ กรมอุตุนิยมวิทยาขอให้ประชาชนติดตามประกาศ จากเว็บไซต์กรมอุตุนิยมวิทยา หรือโทร 0-2399-4012-13 และ 1182 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง
สังคม
สสส.ร่วมกับภาคีเครือข่าย สร้างเสริมและป้องกันปัญหาสุขภาพจิต เร่งสื่อสารผ่านการประยุกต์ใช้จิตวิทยาเชิงบวก
ดร.ชาติวุฒิ วังวล ผู้อำนวยการสำนักสนับสนุนการควบคุมปัจจัยเสี่ยงทางสุขภาพ สำนักงานกองทุนสนับสนุนกาสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) กล่าวว่า ข้อมูลสถิติล่าสุดของกรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข พบสถานการณ์ปัญหาสุขภาพจิตในไทยมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น จำนวนผู้ป่วยทางจิตเวช เพิ่มขึ้นเกือบ 2 เท่า จาก 1.3 ล้านคนในปี 2558 เป็น 2.3 ล้านคน ในปี 2564 ขณะที่คนไทยอายุ 15 ปีขึ้นไป ป่วยเป็นโรคซึมเศร้าถึง 1.5 ล้านคน
สสส. จึงมุ่งเน้น “สร้างเสริมและป้องกันปัญหาสุขภาพจิต” สนับสนุนการสร้างการเปลี่ยนแปลงทั้งในระดับบุคคล สังคม สิ่งแวดล้อมและนโยบาย ด้วยการพัฒนาศักยภาพผู้นำการเปลี่ยนแปลง สร้างองค์ความรู้และนวัตกรรม โดยสอดประสานการใช้องค์ความรู้จิตวิทยาเชิงบวก ที่สมาคมจิตวิทยาอเมริกัน เน้นย้ำถึงความสำคัญ นอกจากนี้ ยังผลักดันร่วมกับการเคลื่อนนโยบาย รวมทั้งสื่อสารสาธารณะควบคู่การดำเนินการในพื้นที่ เพื่อสร้างความรอบรู้ด้านสุขภาพจิตให้ประชาชนทุกช่วงวัย สามารถเข้าใจตนเองและบุคคลรอบข้าง มีความเข้มแข็งทางใจ ทักษะเชิงบวก สามารถจัดการอารมณ์ ความเครียด สามารถรับมือและจัดการปัญหาต่างๆ ได้
สำหรับแนวทางส่งเสริมการสื่อสารเชิงบวกให้กับสังคม สสส. เร่งสื่อสารผ่านการประยุกต์ใช้จิตวิทยาเชิงบวก เพื่อสร้างคุณภาพชีวิตและความสุข โดยเน้นไปที่ ความเห็นอกเห็นใจ การมองโลกในแง่ดี การล้มแล้วลุกไวและลดการตีตราผู้มีปัญหาสุขภาพจิต ในกลุ่มวัยรุ่นและวัยทำงาน ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีปัญหาสุขภาพจิตสูงกว่ากลุ่มอื่น โดยมีกิจกรรมสร้างประสบการณ์และผลิตงานเผยแพร่ผ่านช่องทางสื่อสังคมออนไลน์และกิจกรรมกลุ่มในรูปแบบที่หลากหลาย รวมทั้งรวบรวมองค์ความรู้สื่อสารและมีความร่วมมือและสื่อ เช่น นักเขียน ผู้ผลิตละคร อินฟลูเอนเซอร์ นักประชาสัมพันธ์ต่างๆ เพื่อสร้างคอนเทนต์สื่อสารเชิงบวกกับสังคม แนะแนวทางการสื่อสารให้ทุกคน เท่าทันความรู้สึกและสติ บอกความรู้สึกตนเอง ชื่นชมให้เกียรติกัน รับฟัง เข้าใจ ไม่ตัดสินและค้นหาทางออกร่วมกัน
ดาวเทียม THEOS-2 ประสบความสำเร็จขึ้นสู่วงโคจรแล้ว
เมื่อเวลา 08.36 น. ตามเวลาประเทศไทย วันนี้ (9 ต.ค.66) ดาวเทียมสำรวจโลก THEOS-2 ได้ถูกนำส่งวงโคจรด้วยจรวด VEGA จากท่าอวกาศยานยุโรปเฟรนช์เกียนา เมืองกูรู รัฐเฟรนช์เกียนา ทวีปอเมริกาใต้ ประสบความสำเร็จอย่างดี ท่ามกลางความตื่นเต้นดีใจของผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ครั้งสำคัญต่างพากันจับมือแสดงความยินดี
นางสาวศุภมาส อิศรภักดี รมว.การอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม(อว.) กล่าวภายหลังดาวเทียมสำรวจโลก THEOS-2 ขึ้นสู่วงโคจรของอวกาศว่า รู้สึกดีใจและโล่งใจที่การปล่อยดาวเทียมสำรวจโลก THEOS-2 ราบรื่น ประสบความสำเร็จ แม้จะมีอุปสรรคบ้างแต่ทุกอย่างเป็นไปตามกระบวนการ โดยดาวเทียม THEOS-2 ได้เริ่มปฏิบัติการสำรวจโลก ใช้เวลากว่า 52 นาทีในการเข้าสู่วงโคจรที่ระดับความสูง 621 กิโลเมตร เมื่อดาวเทียมขึ้นไปแล้ว จะทดสอบระบบในอวกาศร่วมกับสถานีภาคพื้นดินประมาณ 3 เดือนก่อนจะใช้งานได้ อย่างไรก็ตาม หากมีสถานการณ์เร่งด่วนเกิดขึ้น อาทิ ภัยพิบัติ THEOS-2 จะสามารถสั่งถ่ายภาพได้ภายใน 5 – 8 วัน หลังจากดาวเทียมเข้าสู่วงโคจร หลังจากนี้จะมีการต่อยอดยกระดับด้านต่างๆ ของประเทศ รวมทั้งการให้ข้อมูลข่าวสารกับประชาชนให้รู้ว่าดาวเทียม THEOS-2 มีประโยชน์อย่างไร สามารถนำไปใช้ประโยชน์อะไรได้บ้าง ข้อมูลจากดาวเทียม THEOS-2 จะถูกใช้ในการปรับปรุงและทำให้ข้อมูลในทุกพื้นที่ของไทยเป็นปัจจุบัน ทันสมัย และมีความละเอียดที่ถูกต้อง ช่วยให้ทุกการวางแผนบริหารจัดการพื้นที่ที่ตอบสนองต่อสถานการณ์ฉุกเฉินต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ในโอกาสนี้ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวแสดงความยินดีว่า ในนามของรัฐบาลไทยและประชาชนคนไทยทุกคน ขอแสดงความยินดีที่วันนี้ประเทศไทยประสบความสำเร็จสามารถส่งดาวเทียม THEOS-2 ขึ้นสู่วงโคจรได้เป็นผลสำเร็จ ซึ่งรัฐบาลมุ่งเน้นมาตลอดจะใช้วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม เป็นเครื่องมือในการพัฒนาประเทศและพัฒนาคุณภาพชีวิตให้กับพี่น้องประชาชน ข้อมูลจากดาวเทียม THEOS-2 จะเป็นข้อมูลพื้นฐานที่สำคัญในการนำไปพัฒนาสร้างประโยชน์ได้ในหลากหลายมิติ อาทิ การบริหารจัดการเกษตร การบริหารจัดการเมือง การบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม การบริหารจัดการน้ำ และการบริหารจัดการภัยธรรมชาติ ซึ่งจะนำมาสู่ความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นอย่างเท่าเทียมและทั่วถึงของพี่น้องประชาชน
นายปกรณ์ อาภาพันธุ์ ผู้อำนวยการ GISTDA กล่าวว่า หลังจากดาวเทียมเข้าสู่วงโคจรแล้ว จะทำการปรับตัวเพื่อเข้าสู่โหมดของการทำงาน รวมทั้งทดสอบระบบควบคุมและติดต่อสื่อสารกับภาคพื้นดินเพื่อความเสถียรและความแม่นยำของข้อมูลโดยใช้เวลาประมาณ 6 เดือน หลังจากนั้นจะเปิดโอกาสให้ทุกภาคส่วนได้เข้าถึงข้อมูล เพื่อนำไปต่อยอดหรือให้การบริการเชิงพาณิชย์ได้ ซึ่งจะเป็นการส่งเสริมการพัฒนาระบบเศรษฐกิจภายในประเทศ
รด.จิตอาสา 3 แสนนายทั่วประเทศ จัดกิจกรรม “เราทำความดี ด้วยหัวใจ” เนื่องในวันนวมินทรมหาราช
พลเอก เจริญชัย หินเธาว์ ผู้บัญชาการทหารบก เปิดกิจกรรม รด.จิตอาสา 3 แสนนาย เราทำความดี ด้วยหัวใจ ถวายเป็นพระราชกุศล เนื่องในวันคล้ายวันสวรรคต พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร 13 ตุลาคม 2566 และเป็นการแสดงออกถึงความเสียสละ อุทิศตน เพื่อประโยชน์ส่วนรวม โดยมีนักศึกษาวิชาทหารปีการศึกษา 2566 จำนวน 316,000 นายทั่วประเทศ ร่วมทำกิจกรรมจิตอาสาในรูปแบบต่างๆ อย่างพร้อมเพรียงกันตามความสมัครใจ เช่น การพัฒนาภูมิทัศน์สถานที่ต่าง ทั้งในชุมชน โรงเรียน ศาสนสถาน โรงพยาบาล การพัฒนาแหล่งน้ำ คู คลอง และการมอบสิ่งของให้ผู้ป่วยเจ็บและยากไร้
ในการนี้ ผู้บัญชาการทหารบก ได้ให้โอวาทนักศึกษาวิชาทหารและกล่าวเปิดกิจกรรม รด.จิตอาสาว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระราชทานโครงการจิตอาสา ด้วยทรงมุ่งหวังให้พสกนิกรชาวไทยมีความปรองดอง สามัคคี ร่วมมือร่วมใจประกอบกิจกรรมสาธารณะโดยไม่หวังสิ่งตอบแทน และเพื่อให้มีความรักความผูกพันต่อสถาบัน ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ จึงเป็นเรื่องน่ายินดีที่นักศึกษาวิชาทหาร 3 แสนนายทั่วประเทศได้ร่วมกันทำกิจกรรมและแสดงพลังแห่งความจงรักภักดี เชื่อมั่นว่านักศึกษาวิชาทหารจะเป็นคนที่ดีของสังคมและเป็นกำลังพลสำรอง ที่มีคุณภาพในอนาคตต่อไป พร้อมย้ำว่า การเปิดกิจกรรมจิตอาสาในวันนีั ถือเป็นกิจกรรมเริ่มต้นที่กองทัพบกได้ดำเนินการเนื่องในวันนวมินทรมหาราชปีนี้ และจะทำอย่างต่อเนื่องตลอดช่วงเดือนตุลาคม
ข้อมูลข่าวและที่มา
ผู้สื่อข่าว : ธนพิชฌน์ แก้วกา
ผู้เรียบเรียง : ธนพิชฌน์ แก้วกา
แหล่งที่มา : หน่วยงานสำนักข่าว