รองโฆษก ตร.เผยรัสเซียเตือนไอเอสเข้าไทยจริง แต่เป็นเพียงข่าว
รองโฆษก ตร.เผยรัสเซียเตือนกลุ่มไอเอสเข้าไทยจริง มีเอกสารเผยแพร่ในกลุ่มประชาคมข่าว แต่ย้ำเป็นเพียงข่าว แจ้งเตือนให้เฝ้าระวัง ไม่ยืนยันมีจริงหรือไม่ ยืนยันมีระบบดูแล ยกระดับ รปภ.สถานทูต ตรวจเข้มระบบคัดกรองคนเข้าออกประเทศ
วันนี้ (4 ธ.ค.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.ต.ทรงพล วัธนะชัย ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 6 ในฐานะรองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวถึงกรณีมีเอกสารของกองบัญชาการตำรวจสันติบาล (บช.ส.) โดย พล.ต.ต.สารวุฒิ การพาณิช รอง ผบช.ส.ปรท.ผบช.ส.แจ้งเตือนไปยังทุกหน่วยว่าหน่วยข่าวประเทศรัสเซียแจ้งเตือนพบชาวซีเรีย 10 คนซึ่งเกี่ยวข้องกลุ่มรัฐอิสลาม หรือกลุ่มไอเอส เดินทางเข้าประเทศไทยตั้งแต่วันที่ 15-31 ต.ค. และอยู่ในพื้นที่พัทยา จ.ชลบุรี ภูเก็ต และ กทม.โดยให้เฝ้าระวังเป้าหมายเป็นชาวรัสเซียและพันธมิตรในไทยว่า จากการตรวจสอบยืนยันว่าเอกสารนี้ที่มีการเผยแพร่เป็นเอกสารจริง เป็นลักษณะการแชร์ข่าวสารในกลุ่มประชาคมข่าวเพื่อวางมาตรการเฝ้าระวัง ดูแลความปลอดภัยหลังจากเกิดเหตุรุนแรงที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ซึ่งเป็นมาตรการที่ทำมาต่อเนื่อง ส่วนเอกสารนี้ที่แพร่ในโซเชียลมีเดียยังต้องตรวจสอบว่ามีการแก้ไข บิดเบือนเปลี่ยนแปลงข้อความหรือไม่
พล.ต.ต.ทรงพลกล่าวว่า สำหรับข่าวที่ระบุมีชาวซีเรียเข้ามา 10 คน และไปอาศัยในพื้นที่ต่างๆ นั้นยังไม่สามารถยืนยันแน่ชัดว่ามีจริงหรือไม่ ยังเป็นเพียงแค่ข่าว ตอนนี้จึงไม่ทราบชื่อว่าเป็นใครเข้ามาจริงหรือไม่ เมื่อไหร่ ออกไปหรือยัง หรือพักที่ไหน ยืนยันว่าเป็นเพียงข่าวแจ้งให้เฝ้าระวังเท่านั้น แต่อย่างไรก็ตาม จากข่าวสารที่มีการแจ้งเตือน ตำรวจและหน่วยความมั่นคงได้เพิ่มมาตรการดูแลความปลอดภัยที่เข้มข้นขึ้น โดยเฉพาะสถานทูต แหล่งรวมของชาวต่างชาติ และเน้นแหล่งรวมตัวของชาวรัสเซีย
“จากข่าวสารที่แจ้งเตือนรวมทั้งมาตรการเฝ้าระวังดูและความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ไทยขอให้ชาวต่างชาติมั่นใจในการดูแล ขออย่าตื่นตระหนก ขณะนี้ยังเป็นเพียงข่าวสารเท่านั้น โดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ได้กำชับให้ตำรวจเน้นการตรวจสอบข่าวและวางมาตรการดูแลความปลอดภัยอย่างเข้มข้น ในด้านการข่าวเรามีการประสานกันทั้งหน่วยข่าวใสประเทศและต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง และขณะนี้ยืนยันว่ามีเพียงหน่วยข่าวรัสเซียเท่านั้นที่แจ้งเตือนเรื่องนี้ซึ่งเราก็ดำเนินการติดตามตรวจสอบ ขณะนี้ยังไม่ได้รับรายงานความคืบหน้าในการตรวจสอบแต่อย่างใด” รองโฆษก ตร.กล่าว
พล.ต.ต.ทรงพลกล่าวด้วยว่า สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองมีระบบการตรวจสอบคนเข้าออกประเทศที่เข้มข้นมีระบบคัดกรองแบล็กลิสต์ วอตช์ลิสต์ มีการประสานข้อมูลตำรวจสากลตลอด ขณะนี้มีการสั่งการให้ยกระดับความเข้มในการตรวจสอบคัดกรองทั้งในช่องทางด่าน ตม. และช่องทางธรรมชาติ จากเหตุการณ์ที่ประเทศฝรั่งเศส ตำรวจไทย และเจ้าหน้าที่ด้านความมั่นคงมีมาตรการในการดูแลความปลอดภัยสถานที่สำคัญต่างๆ โดยเฉพาะสถานที่ของชาวต่างชาติอย่างเข้มข้นและทำอย่างต่อเนื่อง มีการสั่งการไปยังทุกหน่วยที่เกี่ยวข้องทั้งนครบาล ภาค 1-9 ศชต.ให้มีมาตรการดูแลแล้ว ทั้งนี้ สำหรับข้อมูลของชาวซีเรียที่เข้ามาในประเทศไทยนั้น ทั้งจำนวนและที่พักยังต้องขอตรวจสอบก่อน ยังไม่ทราบรายละเอียด แต่ยืนยันว่าหากมีความผิดปกติหรือกลุ่มต้องสงสัยนั้นมีการติดตามตรวจสอบอย่างใกล้ชิด
ด้าน พล.ต.ต.ชาญ วิมลศรี รักษาการ ผบก.ป. กล่าวว่า ในเบื้องต้นได้ประสานไปยังสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองในด้านการข่าว ซึ่งขณะนี้ยังไม่พบความเคลื่อนไหวของกลุ่มดังกล่าวที่จะเข้ามาก่อความไม่สงบในประเทศแต่อย่างใด ในส่วนมาตรการป้องกันเฝ้าระวังเหตุนั้นตนได้มอบหมายให้ผู้กำกับการในสังกัดบก.ป.วางกำลังเฝ้าระวังเหตุในพื้นที่ รวมทั้งให้รถสายตรวจของกองปราบปราม ลงพื้นที่พร้อมกับประชาสัมพันธ์ตามแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญ รวมทั้งสถานที่ที่นักท่องเที่ยวพลุกพล่าน พร้อมกับประสานไปข้อมูลทำงานร่วมกับทางนครบาล โดยเบื้องต้น พล.ต.ต.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข รอง ผบช.น. ได้สั่งการให้แต่ละท้องที่ตรวจสอบอาคาร หอพัก ต่างๆ ตามแหล่งที่คาดว่ากลุ่มที่คาดว่าจะเข้ามาก่อเหตุมากบดานในพื้นที่ แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่พบการข่าวความเคลื่อนไหวแต่อย่างใด
ส่วนที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล(บช.น.) พล.ต.ท.ศานิตย์ มหาถาวร รรท.ผบช.น. เปิดเผยถึงกรณีกระแสข่าวชาวซีเรียทั้ง 10 ราย ได้เดินทางเข้าประเทศไทย โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อการก่อเหตุร้ายว่า ตนได้ตรวจสอบแล้ว ปรากฎว่าไม่พบบุคคลที่กล่าวถึง ทางเจ้าหน้าที่ยังไม่ปักใจเชื่อ 100 เปอร์เซนต์ และได้สั่งการให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ลงพื้นที่ตรวจสอบอีกครั้ง เพื่อความสะดวก สบายใจของพี่น้องประชาชน เพราะที่ผ่านมาได้เกิดเหตุการณ์ที่ราชประสงค์ ซึ่งถือว่าเป็นบทเรียนแก่ประชาชน ดังนั้นทางเจ้าหน้าที่จึงต้องเข้มงวด กวดขัน ตรวจสอบอย่างละเอียดให้ชัดเจน
ทั้งนี้ตนได้ลงพื้นที่ตรวจตรา เพราะเป็นห่วงประชาชนเกี่ยวกับความมั่นคง จึงได้จัดตั้งโฮมการ์ด และขอความร่วมมือจากประชาชน และได้สั่งให้ผู้ใต้บังคับบัญชาลงพื้นที่ตรวจสอบอย่างละเอียด หากมีรายงานมาว่า ไม่มี หรือ ไม่พบ ทุกครั้งที่ จะตรวจสอบและเรียกมาลงโทษ โดยเริ่มต้นจากรองผู้บังคับบัญชาที่รับผิดชอบเป็นหลัก
ส่วนเรื่องการจราจรนั้น ตนยืนยันว่าจะต้องลดลง ไม่ว่าจะรถยนต์ หรือรถจักรยานยนต์ หากรถย้อนศร รถจอดในที่ห้ามจอด อาจจะโดนตักเตือนในครั้งแรก ครั้งที่สองจะปรับ และครั้งที่สามจะล็อคล้อทันที ยืนยันว่าการจราจรจะต้องพัฒนาดีขึ้นแน่นอน
ด้าน พล.ต.ท.ณัฐธร เพราะสุนทร ผบช.สตม. เปิดเผยถึงกรณีการแจ้งเตือนจากทางการประเทศรัสเซีย ให้ติดตามความเคลื่อนไหวของกลุ่มนักท่องเที่ยวจากประเทศเป้าหมายที่เดินทางเข้ามาในประเทศไทยว่า อาจเกี่ยวข้องกับกลุ่มก่อการร้าย ว่า ทางสตม.ได้รับประสานจากสภาความมั่นคงแห่งชาติ ให้ตรวจสอบชาวต่างชาติที่เดินทางมาจากประเทศเป้าหมายในช่วงวันที่ 15-31 ตุลาคมที่ผ่านมา ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่า มีชาวต่างชาติเดินทางมาจากประเทศเป้าหมายจำนวน 231 คน ขอวีซ่าท่องเที่ยว 60 วัน มาอย่างถูกต้องจากสถานทูตไทยในประเทศ ซึ่งล่าสุดเมื่อวันที่ 3 ธันวาคมที่ผ่านมา ตรวจสอบพบว่า ขณะนี้เหลือชาวต่างชาติเพียง 21 คน เป็นชาย 11 คน และหญิงอีก 5 คน มีทั้งอยู่ในพื้นที่กรุงเทพ,ชลบุรี และภูเก็ต
อย่างไรก็ตามได้มีการประสานงานขอข้อมูลกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจรัสเซียด้วยเช่นกัน แต่ยังไม่มีข้อมูลว่า กลุ่มชาวต่างชาติเหล่านี้จะเข้ามาก่อเหตุร้ายในประเทศไทยแต่อย่างใด