สรุปข่าวประจำสัปดาห์ (31 กรกฎาคม-4 สิงหาคม …
สรุปข่าวประจำสัปดาห์ (31 กรกฎาคม-4 สิงหาคม 2566)
สรุปข่าวประจำสัปดาห์ (31 กรกฎาคม-4 สิงหาคม 2566)
การเมือง/มั่นคง
31 กรกฎาคม 2566
รัฐบาลเชิญชวนคนไทย ลด ละ เลิกเหล้าเข้าพรรษา สร้างภูมิคุ้มกันร่างกาย ลดความเสี่ยงโรค ช่วยลดรายจ่ายของครอบครัว
นางสาวไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เนื่องด้วยวันเข้าพรรษาของทุกปี เป็นวันงดดื่มสุราแห่งชาติ ซึ่งปีนี้ตรงกับวันที่ 2 สิงหาคม 2566 กระทรวงสาธารณสุขได้ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ภาคประชาสังคมและเครือข่ายงดเหล้า จัดกิจกรรมเพื่อรณรงค์ให้คนไทย ลด ละ เลิกการดื่มแอลกอฮอล์ ภายใต้คำขวัญ “ไกลเหล้า ไกลโรค ไกลอุบัติเหตุ”
ในโอกาสนี้ รัฐบาลเชิญชวนคนไทยทุกคน ร่วมลด ละ เลิก เหล้า หรือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิดตลอดเทศกาลเข้าพรรษา ให้ช่วงเวลานี้เป็นจุดเริ่มต้นในการดูแลสุขภาพ ลดความเสี่ยงในการเกิดโรคร้ายต่างๆ ซึ่งข้อมูลจากองค์การอนามัยโลก ระบุว่า ทุกปีทั่วโลกมีผู้เสียชีวิตจากพิษของเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ประมาณ 3 ล้านคน และเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดโรคมากกว่า 230 ชนิด นอกจากนี้ ยังช่วยลดโอกาสที่เกิดความสูญเสียกับครอบครัวและสังคมโดยรวมจากอุบัติเหตุ นำมาซึ่งการบาดเจ็บ พิการ หรือเสียชีวิตก่อนวัยอันควร ซึ่งไม่สามารถประเมินเป็นมูลค่าความเสียหายได้
ที่ผ่านมารัฐบาลได้มีแนวนโยบายที่เกี่ยวข้องกับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ให้มีความสมดุลระหว่างมิติทางเศรษฐกิจและมิติของสังคม โดยมีกฎกระทรวงที่ลดข้อจำกัดทางกฎระเบียบการอนุญาตให้ผลิตเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เริ่มมาตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2565
เพื่อประโยชน์ในการรักษาภูมิปัญญาท้องถิ่น และลดการผูกขาดทางการตลาด ขณะเดียวกัน หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้ขับเคลื่อนให้มีการบังคับใช้ พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ. 2551 เพื่อจำกัดไม่ให้กิจกรรมที่มาจากการแข่งขันทางธุรกิจกระตุ้นให้เกิดพฤติกรรมการดื่มที่มากขึ้น ตลอดจนขับเคลื่อนการรณรงค์เพื่อสร้างความรอบรู้ผลกระทบต่อสุขภาพที่มาจากการดื่มแอลกอฮอล์ ทั้งทางตรงและทางอ้อมให้ประชาชน โดยเฉพาะเด็กและเยาวชนเน้นการป้องกันนักดื่มหน้าใหม่
1 สิงหาคม 2566
สมเด็จพระสังฆราชประทานพระคติธรรม เนื่องในวันอาสาฬหบูชา ขอให้พุทธบริษัทสืบทอดและพิทักษ์รักษาพระพุทธศาสนา
สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ประทานพระคติธรรม เนื่องในวันอาสาฬหบูชา วันที่ 1 สิงหาคม 2566 ความว่า “ดิถีอาสาฬหบูชาได้เวียนมาบรรจบอีกคำรบหนึ่งแล้ว ควรที่พุทธบริษัทจะได้บำเพ็ญกุศลเป็นพิเศษ เพื่อรำลึกถึงวันที่สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงแสดงธัมมจักกัปปวัตตนสูตรโปรดปัญจวัคคีย์ เริ่มประกาศพระศาสนา กระทั่งบังเกิดมีพระอริยสงฆ์ ครบถ้วนพร้อมเป็น “พระรัตนตรัย” อันเป็นสรณะสูงสุดในพระพุทธศาสนา
พระมหากรุณาคุณของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ที่ทอดพระเนตรตระหนักเห็นความทุกข์ในสังสารวัฏของสรรพสัตว์นั้น ใหญ่หลวงนัก หาใช่เพียงเฉพาะในพระชาติสุดท้ายที่เสด็จอุบัติมาเป็นพระโพธิสัตว์เจ้าชายสิทธัตถะ หากแต่สั่งสมมาเนิ่นนานถึงสี่อสงไขยแสนกัป ทรงตั้งพระหฤทัยบำเพ็ญเพียร เพื่อจะได้ทรงรื้อขนสรรพชีวิตให้ล่วงพ้นจากทุกข์ได้อย่างถาวร ด้วยอานุภาพแห่งพระธรรมที่ตรัสรู้ เราทั้งหลายผู้เป็นพุทธบริษัท จึงพึงสืบอายุพระพุทธศาสนาไวัให้ยั่งยืนนาน ด้วยการ “ศึกษา” และ “ปฏิบัติ” ตามพระธรรมวินัย ทั้งนี้ การทำหน้าที่พิทักษ์รักษาพระพุทธศาสนา ต้องเริ่มที่การสร้างสรรค์ตนเองให้เป็นพระภิกษุ สามเณร อุบาสก อุบาสิกาที่มีคุณภาพ ตามพระพุทธประสงค์ให้ได้ก่อนเป็นเบื้องต้น ถ้าบรรพชิตบวชแล้วไม่เข้าใจและไม่ประพฤติปฏิบัติตามพระวินัย อีกทั้งถ้าพุทธศาสนิกชนอ้างต้นเป็นชาวพุทธ แต่ไม่ศึกษาเรียนรู้พระธรรมให้เข้าใจกระจ่าง ก็ย่อมปฏิบัติผิด หลงผิด ทำให้พระพุทธศาสนาก็ไม่อาจดำรงอยู่ได้นาน
วันอาสาฬหบูชา นอกจากจะเตือนใจให้รำลึกถึงคุณพระรัตนตรัย อันเป็นสรณะสูงสุดของพุทธบริษัทแล้ว ยังนำพาให้เราทั้งหลายมั่นคงแน่วแน่ด้วยอธิษฐานจิตตั้งมั่น ในอันที่จะพิทักษ์รักษาพระพุทธศาสนาด้วยการศึกษาพระปริยัติธรรมให้เข้าถึงการปฏิบัติธรรมอย่างถูกต้องตรงทางอริยมรรค เพื่อให้ได้ชื่อว่าท่านกำลังเจริญรอยตามพระยุคลบาทของพระพุทธองค์ ในการช่วยกันสืบอายุพระพุทธศาสนา แล้วจงประคับประคองจิตใจให้อาจหาญร่าเริง เบิกบานด้วยกุศลฉันทะพร้อมกระทำคุณประโยชน์ ด้วยการพลีสรรพกำลัง เกื้อกูลให้เพื่อนร่วมชาติ ร่วมสังคม สามารถก้าวพ้นจากทุกข์ภัย นำมาซึ่งสันติสุขร่วมกันของสรรพชีวิตบนโลกนี้สืบไป ตลอดกาลนาน เทอญ
2 สิงหาคม 2566
พรรคเพื่อไทย แถลงถอนตัวจาก MOU 8 พรรค เดินหน้าจัดตั้งรัฐบาลพรรคร่วมใหม่ พร้อมเสนอชื่อ นายเศรษฐา ทวีสิน เป็นนายกรัฐมนตรี
นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย พร้อมด้วยนายภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรค และนายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรค แถลงผลการหารือร่วมกับพรรคก้าวไกล ในช่วงเช้าวันนี้ ณ ที่ทำการพรรคเพื่อไทยว่า “เริ่มต้นใหม่ ร่วมผลักดันหาทางออกให้ประเทศ” สืบเนื่องจากการที่พรรคก้าวไกลไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ พรรคเพื่อไทยจึงได้รับมอบหมายให้เป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาลต่อ พรรคเพื่อไทยได้ปรึกษาหารือกับพรรคก้าวไกลขอถอนตัวจากการร่วมมือกันและดำเนินการเดินหน้าจัดตั้งรัฐบาลพรรคร่วมใหม่ พร้อมจะเสนอชื่อนายเศรษฐา ทวีสินเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี โดยมีความชัดเจนว่าพรรคเพื่อไทยและพรรคอื่นๆ นอกเหนือจากสัญญา 8 พรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาลและสมาชิกวุฒิสภา ไม่เห็นด้วยกับการแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 หรือ ม.112 ยังคงเป็นเงื่อนไขหลัก ขณะที่บางพรรคและบางคนแสดงเจตนาอย่างชัดแจ้งที่จะไม่สนับสนุนการร่วมรัฐบาลของพรรคก้าวไกลในทุกกรณี ดังนั้นพรรคเพื่อไทยจะใช้ความพยายามรวบรวมเสียง ให้เพียงพอต่อการจัดตั้งรัฐบาลอย่างเหมาะสมและพรรคก้าวไกลจะทำหน้าที่เป็นฝ่ายค้านและยืนยันจะทำงานการเมืองในมิติใหม่ ที่จะเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติและพี่น้องประชาชน
นอกจากนี้ พรรคเพื่อไทยขอแสดงความจริงใจต่อทุกพรรคการเมืองและสมาชิกวุฒิสภา รวมทั้งพี่น้องประชาชนว่า นี่คือแนวทางที่จะรักษาสถาบันสำคัญของชาติให้เป็นศูนย์รวมจิตใจของคนทั้งประเทศและช่วยผลักดันความต้องการของประชาชน ภายใต้ข้อจำกัดและเส้นทางที่ยากลำบากนี้ไว้ได้ เพื่อให้ภารกิจนำพาประเทศพ้นวิกฤต สร้างสรรค์ประชาธิปไตย แก้ไขความขัดแย้งคืบหน้าอย่างมีนัยสำคัญ ปลดพันธนาการจากกลไกที่ไม่ปกติให้คืนสู่ความปกติและใช้ประสบการณ์ และความสามารถของบุคลากรของพรรคเพื่อไทยเร่งแก้วิกฤตเศรษฐกิจและปัญหาปากท้องของพี่น้องประชาชนโดยเร็ว ภายใต้รัฐธรรมนูญใหม่ซึ่งเป็นกติกาสูงสุดจากอำนาจประชาชน
เพื่อไทย เปิดเผยแนวทางหากจัดตั้งรัฐบาลสำเร็จ จะเร่งแก้รัฐธรรมนูญคืนอำนาจให้ประชาชน
นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย เปิดเผยว่า หลังจากมีการจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่สำเร็จ จะดำเนินการทำงานการเมืองในมิติใหม่ ในภารกิจสำคัญ จะผลักดันแก้รัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันที่เป็นต้นเหตุในการตั้งรัฐบาลและเกิดในวิกฤตบ้านเมือง โดยกำหนดเป็นวาระแห่งชาติ ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) นัดแรกจะให้มีการทำประชามติและตั้ง สสร.ให้กระบวนการมีส่วนร่วมในการแก้ จากนั้นจะคืนอำนาจให้ประชาชนเลือกตั้งใหม่ภายในรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ นอกจากนี้ เรื่องกฎหมายสมรสเท่าเทียม กฎหมายสุราก้าวหน้า การปฏิรูประบบราชการ กองทัพ การเกณฑ์ทหาร เป็นแบบสมัครใจ การกระจายอำนาจและการแข่งขันทางการค้าในฐานะแกนนำพร้อมผลักดันเพื่อให้นโยบายเหล่านี้ประสบความสำเร็จ เพื่อนำพาประเทศพ้นวิกฤตและแก้ไขความขัดแย้ง ปลดพันธนาการที่ไม่ปกติกลับคืนมาและใช้ความสามารถเร่งแก้ปัญหาเศรษฐกิจปากท้อง ภายใต้รัฐธรรมนูญใหม่
เลขาธิการพรรคก้าวไกล ขอโทษประชาชนที่ไม่สามารถผลักดันให้จัดตั้งรัฐบาลตามเจตจำนงของประชาชนได้สำเร็จ
นายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล กล่าวถึงกรณีพรรคเพื่อไทยแยกตัวไปจัดตั้งรัฐบาลด้วยตนเองว่า ขอยืนยันว่าพรรคเพื่อไทย ไม่ได้ขอให้พรรคก้าวไกลเสนอถอยแก้ไขประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 โดยพรรคเพื่อไทยให้เหตุผลว่าพรรคการเมืองที่พรรคเพื่อไทยได้พูดคุยไม่ต้องการให้พรรคก้าวไกลร่วมรัฐบาล ไม่ว่าจะมีเรื่องประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 หรือไม่ก็ตาม นอกจากนี้ การหารือในช่วงเช้าพรรคเพื่อไทยไม่ได้ขอให้พรรคก้าวไกลลงมติให้แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีจากพรรคเพื่อไทยด้วย ดังนั้นพรรคก้าวไกล จึงขอชี้แจงต่อประชาชนว่าไม่ว่าจะอยู่ในสถานะใด พรรคก้าวไกลจะทำงานในฐานะผู้แทนราษฎรอย่างเต็มที่ดีที่สุดตามที่ได้รับความไว้วางใจจากประชาชน เพื่อสร้างระบบการเมืองให้เป็นระบอบประชาธิปไตยอย่างแท้จริง สำหรับการโหวดแคนดิแดตนายกรัฐมนตรีให้พรรคเพื่อไทยหรือไม่ ต้องพูดคุยหารือกับที่ประชุมพรรคก่อน ซึ่งจะมีการประชุมกับ สส.พรรคก้าวไกลในวันพรุ่งนี้
3 สิงหาคม 2566
ศาลรัฐธรรมนูญ เลื่อนพิจารณาคำร้องผู้ตรวจการแผ่นดิน
ศาลรัฐธรรมนูญ พิจารณาวินิจฉัยคำร้องของผู้ตรวจการแผ่นดิน (ผู้ร้อง) ที่ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 213 ว่า กรณีรัฐสภา (ผู้ถูกร้อง) มีมติตีความว่าการเสนอชื่อบุคคล ซึ่งสมควรได้รับแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี ให้รัฐสภาพิจารณาให้ความเห็นชอบในรอบที่สอง เป็นญัตติทั่วไป ต้องห้ามนำเสนอญัตติซ้ำอีก ตามข้อบังคับการประชุมรัฐสภา พ.ศ. 2563 ข้อ 41 สิทธิหรือเสรีภาพของผู้ร้องเรียนทั้งสาม (นายพรชัย เทพปัญญา นายบุญส่ง ชเลธร และนางปัญญารัตน์ นันทภูษิตานนท์ ) และคณะ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 3 วรรคสอง มาตรา 5 วรรคหนึ่ง มาตรา 25 วรรคสาม และมาตรา 23 โดยผู้ร้องกล่าวอ้างว่าผู้ร้องเรียนที่ 1 และที่ 2 เป็นประชาชนที่ไปใช้สิทธิเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อและแบบแบ่งเขตเลือกตั้ง โดยเลือกพรรคก้าวไกล ซึ่งมีนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เป็นบุคคลเพียงรายชื่อเดียวที่พรรคก้าวไกล เสนอชื่อเป็นบุคคลซึ่งสมควรได้รับแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี และผู้ร้องเรียนที่ 3 เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พรรคก้าวไกล การที่รัฐสภามีมติดังกล่าว ละเมิดสิทธิหรือเสรีภาพของผู้ร้องเรียนทั้งสาม และขอให้กำหนดมาตรการ หรือวิธีการชั่วคราว ก่อนการวินิจฉัยของ ศาลรัฐธรรมนูญ โดยให้มีคำสั่งยุติการเลือกนายกรัฐมนตรี ไว้ก่อนจนกว่าศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัย
ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาแล้วมีคำสั่งรับรวมไว้ในสำนวน ศาลรัฐธรรมนูญ พิจารณาข้อเท็จจริงตามคำร้อง คำร้องเพิ่มเติมและเอกสารประกอบแล้ว เห็นว่า คำร้องนี้มีประเด็นสำคัญที่จะต้องพิจารณาอย่างรอบคอบและมีประเด็นเชิงหลักการการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ที่จะต้องพิจารณาเพิ่มเติม จึงให้เลื่อนการพิจารณาสั่งคำร้องและให้สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ ศึกษาข้อมูลเพื่อประกอบการพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญต่อไป
สำหรับคำขอให้กำหนดมาตรการ หรือวิธีการชั่วคราว ก่อนการวินิจฉัย ให้รอสั่งในคราวเดียวกันกับการพิจารณาสั่งคำร้อง ทั้งนี้ ให้ผู้ร้องระบุสถานะบุคคลของคณะผู้ร้องเรียนที่ 3 ทุกรายว่า เป็นประชาชน หรือสมาชิกรัฐสภา โดยให้ยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญภายในวันอังคารที่ 15 สิงหาคม 2566 ให้นัดพิจารณาคำร้องนี้ในวันพุธที่ 16 สิงหาคม 2566 เวลา 09.30 น.
ประธานรัฐสภา สั่งเลื่อนวาระเลือกนายกรัฐมนตรีในวันพรุ่งนี้ หลังศาลรัฐธรรมนูญรับคำร้องผู้ตรวจการแผ่นดิน
นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา กล่าวภายหลังศาลรัฐธรรมนูญ มีคำสั่งรับคำร้องของผู้ตรวจการแผ่นดินที่ให้วินิจฉัยมติรัฐสภาในการเลือกนายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 13 กรกฎาคมที่ผ่านมา โดยยอมรับว่า การประชุมรัฐสภาเพื่อเลือกนายกรัฐมนตรี วันพรุ่งนี้ (4 ก.ค.66) ต้องเลื่อนออกไปก่อน เนื่องจากจะต้องรอการพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญและมีพรรคการเมืองส่งข้อมูลเข้าไปเพิ่มเติม ซึ่งจะต้องรอจนกว่าศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัยหรือมีคำสั่งอย่างไร ในวันที่ 16 สิงหาคมนี้ จากนั้นจะพิจารณานัดประชุมอีกครั้ง แต่การประชุมรัฐสภา ในวันพรุ่งนี้ (4 ส.ค.66) จะยังคงดำเนินตามปกติเพื่อพิจารณาร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ มาตรา 272 ยกเลิกอำนาจวุฒิสภาในการเลือกนายกรัฐมนตรี ที่พรรคก้าวไกล เป็นผู้เสนอวาระแรกตามปกติ ประธานรัฐสภา ย้ำว่า แม้ขณะนี้ มีการเปลี่ยนชั่วพรรคการเมืองร่วมจัดตั้งรัฐบาลกับพรรคเพื่อไทย แต่จะต้องรอคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญอยู่ดี
พรรคเพื่อไทย เลื่อนแถลงจัดตั้งรัฐบาลออกไปก่อน หลังประธานรัฐสภาสั่งเลื่อนลงมติเลือกนายกรัฐมนตรี
นายภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย เปิดเผยว่า การแถลงข่าวจัดตั้งรัฐบาลในช่วงบ่ายวันนี้ (3 ส.ค.66) ต้องเลื่อนออกไปก่อนหลังนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา มีคำสั่งให้เลื่อนการลงมติเลือกนายกรัฐมนตรีจากพรุ่งนี้ (4 ส.ค.66) ออกไปโดยไม่มีกำหนด เนื่องจากต้องรอจนกว่าศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัยหรือมีคำสั่งอย่างไร ในวันที่ 16 สิงหาคมนี้
4 สิงหาคม 2566
ที่ประชุมร่วมกันของรัฐสภา เลื่อนการพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 272
การประชุมร่วมกันของรัฐสภา เพื่อพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 272 เพื่อยกเลิกอำนาจสมาชิกวุฒิสภาในการลงมติเลือกนายกรัฐมนตรี ที่นายชัยธวัช ตุลาธน สส. พรรคก้าวไกล กับคณะเป็นผู้เสนอ ในวันนี้ (4 ส.ค.66) นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา ทำหน้าที่ประธานการประชุม ซึ่งเปิดประชุมช้าไปกว่า 1 ชั่วโมง เนื่องจากรอสมาชิกครบองค์ประชุม ทั้งนี้ก่อนเข้าสู่วาระนายรังสิมันต์ โรม สส.พรรคก้าวไกล ในฐานะสมาชิกรัฐสภา ได้เสนอญัตติด่วน ขอให้ที่ประชุมร่วมกันของรัฐสภาพิจารณาทบทวนมติของรัฐสภาที่มีมติว่าการลงมติเลือกนายกรัฐมนตรีเป็นญัตติและตามข้อบังคับการประชุมข้อที่ 41 ไม่สามารถเสนอชื่อนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เป็นผู้สมควรได้รับเลือกเป็นนายกรัฐมนตรีซ้ำได้ จึงควรมีการทบทวน
ด้านนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานการประชุม ชี้แจงว่า เนื่องจากกรณีดังกล่าวได้เข้าสู่กระบวนการของศาลรัฐธรรมนูญแล้วและศาลรัฐธรรมนูญนัดวินิจฉัยในวันที่ 16 สิงหาคมนี้ ดังนั้นหากรัฐสภาจะนำมาพิจารณาอีกจะไม่เหมาะสม
จากนั้นเมื่อเข้าสู่ระเบียบวาระยังคงมีการถกเถียงกันในประเด็นดังกล่าว ของสมาชิกรัฐสภา จนท้ายที่สุดประธานการประชุมได้สั่งเลื่อนการประชุมร่วมกันของรัฐสภาวันนี้ (4 ส.ค.66) ออกไปก่อน
เศรษฐกิจ/ท่องเที่ยว
31 กรกฎาคม 2566
การบินไทย เพิ่มเที่ยวบินสู่ประเทศญี่ปุ่น เส้นทางระหว่างกรุงเทพฯ-ซัปโปโร
บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ประกาศเพิ่มเที่ยวบินสู่ประเทศญี่ปุ่นในตารางการบินฤดูร้อนเส้นทางไป-กลับ กรุงเทพฯ-ซัปโปโร ระหว่างวันที่ 2 สิงหาคม- 28 ตุลาคม 2566 สัปดาห์ละ 5 เที่ยวบิน ด้วยเครื่องบินแบบโบอิ้ง 787-9 เพื่อรองรับผู้โดยสารที่ต้องการเดินทางไปสัมผัสธรรมชาติในช่วงฤดูร้อนของฮอกไกโด โดยจัดเที่ยวบินที่ TG670 เส้นทางกรุงเทพฯ-ซัปโปโร ทำการบินในวันจันทร์ พุธ ศุกร์ เสาร์และอาทิตย์ ออกจาก กรุงเทพฯ เวลา 23.45 น. ถึง ซัปโปโร เวลา 08.30 น. (เวลาท้องถิ่น) ในวันถัดไป และเที่ยวบินที่ TG671 เส้นทางซัปโปโร-กรุงเทพฯ ทำการบินในวันจันทร์ อังคาร พฤหัสบดี เสาร์ และอาทิตย์ ออกจาก ซัปโปโร เวลา 10.00 น. (เวลาท้องถิ่น) ถึง กรุงเทพฯ เวลา 15.00 น. ผู้ที่สนใจสามารถดูรายละเอียดตารางการบิน พร้อมทั้งสำรองที่นั่งและออกบัตรโดยสารได้ที่เว็บไซต์ thaiairways.com หรือ สำนักงานขายการบินไทยและตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ หรือ THAI Contact Center 0-2356-1111 (ตลอด 24 ชั่วโมง)
นอกจากนี้ บริษัทการบินไทย ยังทำการบินในเส้นทางอื่นๆ ไปยังประเทศญี่ปุ่น ที่เป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยม ได้แก่ เส้นทางไป – กลับ กรุงเทพฯ – โตเกียว (นาริตะ), กรุงเทพฯ – โตเกียว (ฮาเนดะ), กรุงเทพฯ – นาโกยา, กรุงเทพฯ – โอซากา รวมทั้ง เส้นทางไป – กลับ กรุงเทพฯ-ฟุกุโอกะ อีกด้วย
กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ นำสินค้าเกษตรเกรดพรีเมียมจากทั่วประเทศ ร่วมออกบูธในงาน FTA Fair 2 – 8 สิงหาคมนี้
นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เตรียมจัดงาน “FTA Fair นำสินค้าไทย สู่ตลาดการค้าเสรี” ระหว่างวันที่ 2 – 8 สิงหาคมนี้ ณ บริเวณลานชั้น G ศูนย์การค้าเซ็นทรัล ปิ่นเกล้า กรุงเทพฯ โดยนำเกษตรกร วิสาหกิจชุมชน และผู้ประกอบการ ที่มีศักยภาพทั่วประเทศ 40 ราย มาร่วมออกบูธจำหน่ายสินค้าเกษตรและเกษตรแปรรูปคุณภาพพรีเมียม ทั้งอาหารและเครื่องดื่ม งานหัตถกรรม ผ้าทอ เสื้อผ้า และเครื่องประดับ และพร้อมใช้ประโยชน์จากความตกลงการค้าเสรี (FTA) ขยายส่งออกไปตลาดต่างประเทศ อาทิ ผลิตภัณฑ์นมแดรี่โฮม ไอศกรีมบุณยเกียรติเพชรบูรณ์ โกโก้ช้อกโกทอส ชาบ้านรักไทยแม่ฮ่องสอน ผ้าทอย้อมสีธรรมชาติหนองบัวแดงชัยภูมิ มะม่วงเบาแช่อิ่มตราดีฟรุ๊ตส์สงขลา เครื่องประดับจากเทวิกาจิลเวลรี่ สินค้าหัตถกรรมจากสถาบันส่งเสริมศิลปหัตถกรรมไทย และสินค้าจากมูลนิธิอาสาเพื่อนพึ่ง (ภาฯ) ยามยาก สภากาชาดไทย
นอกจากนี้ ยังได้ร่วมกับสภาเกษตรกรแห่งชาติ นำสินค้าจากเกษตรกรจังหวัดแม่ฮ่องสอน สมุทรสงคราม และฉะเชิงเทรา ทั้งถั่วลายเสือ ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวแป้งร่ำ และซอสพริกจากมะม่วงน้ำดอกไม้ มาร่วมจำหน่าย รวมทั้งยังได้เชิญผู้แทนจากห้างโมเดิร์นเทรด อาทิ คิงเพาเวอร์ ท้อปส์ เซ็นทรัลฟู้ดรีเทล สยามพิวรรธน์ บิ๊กซี โลตัส และไปรษณีย์ไทย มาเยี่ยมชมสินค้าและจับคู่ธุรกิจกับผู้ประกอบการ ซึ่งจะช่วยเพิ่มช่องทางในการประชาสัมพันธ์สินค้าให้เป็นที่รู้จัก รวมทั้งสามารถจำหน่ายสินค้าได้เพิ่มขึ้น และมีพันธมิตรทางการค้า รวมทั้งยังมีกิจกรรมที่น่าสนใจ อาทิ การจัดเวทีเสวนาให้ความรู้เรื่องการใช้ประโยชน์จาก FTA และการค้าระหว่างประเทศ นิทรรศการให้ความรู้เกี่ยวกับ FTA และคลินิกให้คำปรึกษาเชิงลึกเรื่อง FTA ผู้ที่สนใจสามารถร่วมเลือกซื้อสินค้า ได้ระหว่างวันที่ 2 – 8 สิงหาคมนี้ ณ บริเวณลานชั้น G ศูนย์การค้าเซ็นทรัล ปิ่นเกล้า กรุงเทพฯ
1 สิงหาคม 2566
ททท. สำนักงานเลย ระบุตัวเลขนักท่องเที่ยว หยุดยาว 6 วัน ช่วงเงินสะพัดกว่า 128 ล้านบาท
นายจริยาทร สูหู่ ผู้อำนวยการสำนักงานการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานเลย เปิดเผยว่า ภายหลังจากที่ ครม. มีมติให้วันที่ 31 กรกฎาคมที่ผ่านมา เป็นวันหยุดราชการเพิ่มเป็นกรณีพิเศษ เพื่อกระตุ้นการเดินทางท่องเที่ยวของประชาชนและส่งผลดีต่อเศรษฐกิจในภาพรวม ทำให้มีวันหยุดยาวต่อเนื่องติดต่อกัน รวม 6 วัน ระหว่างวันที่ 28 กรกฎาคม – 2 สิงหาคม 2566 นั้น ในพื้นที่แหล่งท่องเที่ยวของจังหวัดเลย อาทิ ถนนคนเดินเชียงคาน ยอดจองห้องพัก 100% สกายวอร์ค และหมู่บ้านวัฒนธรรมไทยดำ อำเภอเชียงคาน พระธาตุศรีสองรัก อำเภอด่านซ้าย วัดสมเด็จภูเรือมิ่งเมือง อุทยานแห่งชาติภูเรือ เกษตรที่สูงภูเรือ อำเภอภูเรือ อุทยานแห่งชาติภูสวนทราย อำเภอนาแห้ว ตลอดจนจุดชมวิววนอุทยานภูบ่อบิด อำเภอเมือง ทำให้มีนักท่องเที่ยวมาเยี่ยมเยือนกว่า 6 หมื่นคน และสร้างรายได้ในพื้นที่กว่า 128 ล้านบาท ถือเป็นการสร้างบรรยากาศการเดินทางท่องเที่ยวในช่วงวันหยุดยาวคึกคักอย่างต่อเนื่องภายหลังจากสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลาย
2 สิงหาคม 2566
ททท.ตั้งเป้าหมาย เทศกาลเที่ยวเมืองไทย ครั้งที่ 41 สร้างรายได้ไม่ต่ํากว่า 50 ล้านบาท
นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ รองผู้ว่าการด้านตลาดในประเทศ ททท. กล่าวว่า เทศกาลเที่ยวเมืองไทย ครั้งที่ 41 ประจําปี 2566 จะเป็นกิจกรรมการตลาด (Event Marketing) ที่จะช่วยกระตุ้นการเดินทางท่องเที่ยวไทยตลอดทั้งปี จากการสร้างรับรู้ความเป็นเอกลักษณ์ของภูมิภาคในประเทศไทย ผ่านแหล่งท่องเที่ยว ศิลปวัฒนธรรม อาหารและความร่วมมือของทุกภาคส่วนในอุตสาหกรรมฯ ภายใต้นโยบาย การพัฒนาเศรษฐกิจ BCG Model สู่การพัฒนาการท่องเที่ยวที่ยั่งยืน (Sustainable Tourism) ครั้งนี้ ททท. มีแนวคิดคือ “นวัฒนธรรม” (นวัตกรรม+วัฒนธรรม) หรือ Inno-Cultural for Sustainable Tourism โดยนําเสนอมุมมองแปลกใหม่ของการท่องเที่ยวไทย รวมทั้งพบกับสินค้าและบริการทางการท่องเที่ยวจากทั่วประเทศ
ภายในงานพิธีเปิดเทศกาลเที่ยวเมืองไทย ททท. จัดการแสดงเชิงวัฒนธรรมทั้ง 5 ภูมิภาค ภายใต้ชุด “นวัฒนธรรม” มาร่วมสร้างบรรยากาศ สร้างแรงบันดาลสู่การเดินทางท่องเที่ยวจริงทั่วประเทศ โดย ททท. คาดหวังว่างานเทศกาลเที่ยวเมืองไทย ประจําปี 2566 ครั้งที่ 41 จะช่วยกระตุ้นการเดินทางท่องเที่ยวไทยตลอดทั้งปีและขับเคลื่อนอุตสาหกรรมท่องเที่ยวให้เติบโตอย่างแข็งแรงและยั่งยืน
ททท. ตั้งเป้าหมายการจัดงานครั้งนี้ มีจำนวนผู้ร่วมงาน 50,000 คน ตลอดระยะเวลาจัดงานและสร้างรายได้ไม่ต่ํากว่า 50 ล้านบาท
ททท. มีความตั้งใจจัดงานให้สร้างขยะน้อยที่สุด จึงได้ยกแนวคิด “Zero Landfills” ลดการสร้างขยะนําสู่บ่อฝังกลบ นําสู่การปฏิบัติและมีการกําจัดอย่างถูกวิธี ไม่ให้การเดินทางท่องเที่ยวทิ้งภาระให้กับสิ่งแวดล้อมและลดการใช้วัสดุสิ้นเปลืองในการตกแต่งภายในงาน ภายในงานยังมีการตั้งจุดคัดแยกขยะ ทั้งหมด 14 จุด ประกอบด้วย 9 จุด ทั่วพื้นที่จัดงาน และ 5 จุด ตามโซนอาหารต่างๆ โดยมีเจ้าหน้าที่ให้ความรู้ เกี่ยวกับการแยกขยะและกําจัดขยะอย่างถูกต้องในกิจกรรม “ลดโลกเลอะ Zero Landfills”
ผู้ที่สนใจสามารถเข้าร่วมงาน “เทศกาลเท่ียวเมืองไทย ครั้งที่ 41 ประจําปี 2566” ในวันที่ 2-6 สิงหาคม 2566 ตั้งแต่เวลา 10.00 น.– 21.00 น. ณ ฮอลล์ 5-8 ชั้น LG ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ เข้าชมงานโดยไม่เสีย ค่าใช้จ่าย สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ TAT Contact Center 1672 Travel Buddy และติดตามข้อมูลได้ที่ thai.tourismthailand.org/Articles/ttf2023
3 สิงหาคม 2566
แก้ไขหนี้ครัวเรือนให้ภาคประชาชน ผนึกกำลังวางแนวทางแก้หนี้ที่ยั่งยืน ควบคู่การสร้างวินัยการเงินทั้งระบบ
นางสาวไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า หนี้ครัวเรือนและหนี้นอกระบบเป็นปัญหาสะสมในระบบเศรษฐกิจมายาวนานและขณะนี้ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้ร่วมกับธนาคารพาณิชย์เอกชน ธนาคารเฉพาะกิจของรัฐ สถาบันการเงินที่ไม่ใช่ธนาคาร(นอนแบงก์) ดำเนินแนวทางการแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือนอย่างยั่งยืน ซึ่งเป็นการยกมาตรฐานการให้สินเชื่อ โดยการดูแลตั้งแต่ก่อนเป็นหนี้ กำลังจะเป็นหนี้ ระหว่างเป็นหนี้ เมื่อหนี้มีปัญหาและเมื่อมีการขาย/ฟ้องหนี้ และหนี้นอกระบบให้มีโอกาสมากขึ้นที่จะเข้ามากู้ในระบบได้ แบ่งการดำเนินการเป็น 2 ส่วนคือ มาตรการให้สินเชื่ออย่างรับผิดชอบและเป็นธรรม ที่สถาบันการเงินต้องเริ่มดำเนินการตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2567 และมาตรการแก้หนี้เรื้อรัง เริ่มบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2567
ปัจจุบันรัฐบาลดำเนินนโยบายแก้ไขปัญหาหนี้ครัวเรือนแบบคู่ขนาน ทั้งการแก้ไขปัญหาระยะเร่งด่วนและระยะยาว ซึ่งระยะเร่งด่วนนั้นได้ขับเคลื่อนผ่านคณะกรรมการกำกับการแก้ไขหนี้สินของประชาชนรายย่อย ดำเนินการใน 3 ด้านที่สำคัญ คือ ช่วยเหลือลูกหนี้ให้เข้าถึงกลไกการแก้ไขหนี้สิน ปรับปรุงกฎหมายและเพิ่มเติมแหล่งสินเชื่อที่เป็นธรรม ซึ่งคณะกรรมการชุดนี้มีการรายงานผลดำเนินงานให้ ครม. ทราบเป็นระยะเพื่อปรับปรุงแนวทางการทำงานที่เหมาะสมสอดคล้องกับสถานการณ์ ส่วนของการสร้างวินัยการเงินในระยะยาวจัดให้มีแผนปฏิบัติการด้านการพัฒนาทักษะทางการเงิน ซึ่งขณะนี้อยู่ในช่วงแผ่นปี2565 – 2570 ซึ่งมีเป้าหมายสำคัญคือ การสร้างทักษะในการบริหารจัดการทางการเงินของบุคคลในทุกช่วงวัย ทั้งในระดับครอบครัว ในสถานศึกษาและสำหรับประชาชนทั่วไป
ประเมินตลาดข้าวโลกหลังอินเดียประกาศงดส่งออกข้าว อาจส่งผลกระทบราคาข้าวในประเทศ
นายชูเกียรติ โอภาสวงศ์ นายกกิตติมศักดิ์สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย กล่าวว่า จากการที่รัฐบาลอินเดียประกาศห้ามการส่งออกข้าว ส่งผลให้ผู้ค้าข้าวไทย ทั้งผู้ส่งออกและโรงสีข้าวไทยมีความเป็นห่วง โดยยังคาดเดาลำบากว่าหลังจากนี้จะทำให้ตลาดข้าวโลกชะลอตัวหรือไม่ จึงต้องจับตาดูสถานการณ์อย่างใกล้ชิดอีกครั้ง ว่า รัฐบาลอินเดียจะผ่อนปรนคำประกาศหรือไม่ ซึ่งจากมาตรการดังกล่าว คาดว่าจะทำให้ภาพรวมการส่งออกข้าวไทยได้รับผลกระทบอย่างแน่นอน โดยเฉพาะเรื่องของการกำหนดราคาข้าวแต่ละชนิดที่อยู่ระหว่างการทำสัญญาซื้อขาย ที่อาจต้องเลื่อนไปก่อน เพราะคาดว่าราคาข้าวในตลาดโลกจะสูงขึ้นซึ่งจะทำให้ราคาข้าวในประเทศต้องปรับราคาขึ้นตามไปด้วย โดยจะส่งผลดีต่อเกษตรกรให้ขายข้าวเปลือกราคาดีขึ้น
อย่างไรก็ตาม ภาคเอกชนและหน่วยงานภาครัฐจะเร่งหาวิธีการอื่นๆ โดยเฉพาะการหาตลาดใหม่ทดแทนเพื่อชะลอการปรับราคาขึ้นในประเทศ ซึ่งขณะนี้การเพาะปลูกข้าวไทยกำลังประสบปัญหาภัยแล้งในหลายพื้นที่ จึงเกรงว่าปริมาณข้าวไทยในปีนี้อาจจะลดน้อยลงไปด้วยจึงต้องรีบวางมาตรการรองรับต่อไป
4 สิงหาคม 2566
งานไทยแลนด์เบียนนาเล่เชียงราย ในงานเทศกาลเที่ยวเมืองไทย ตั้งเป้าสร้างรายได้กว่า 3 หมื่นล้านบาท
นายประสพ เรียงเงิน ผู้อำนวยการสำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย กล่าวว่า จากการร่วมออกบูทการจัดกิจกรรมส่งเสริมการประชาสัมพันธ์งานมหกรรมศิลปะร่วมสมัยนานาชาติ Thailand Biennale, Chiang Rai 2023 ในงานเทศกาลเที่ยวเมืองไทย ประจำปี 2566 ครั้งที่ 41 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ระหว่างวันที่ 2- 6 สิงหาคม 2566 พบว่า ประชาชนให้การตอบรับเป็นอย่างดี ภายในบูทจัดแสดงรายละเอียดการเป็นเจ้าภาพการจัดงานไทยแลดน์เบียนนาเล่ที่จังหวัดเชียงราย ในฐานะเมืองศิลปะของไทย ซึ่งมีศิลปิน 60 คนจากทั้งในและต่างประเทศที่ร่วมจัดแสดงผลงานศิลปะร่วมสมัย และศิลปินท้องถิ่นกว่า 300 คนยังจุดท่องเที่ยว 18 อำเภอของจังหวัดเชียงราย ภายใต้แนวคิดเปิดโลก ที่ล่าสุดศิลปินจากนานาประเทศกว่า 20 คนได้เดินทางมาร่วมสร้างสรรค์ผลงานในประเทศไทยแล้ว ทั้งนี้ได้ร่วมกับจังหวัดเชียงรายจัดการประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้ทั้งในและต่างประเทศ โดยเฉพาะผู้ประกอบการทุกด้านเพื่อรองรับด้านการท่องเที่ยวอย่างเต็มศักยภาพซึ่งการจัดงานตลอด 5 เดือนระหว่างวันที่ 9 ธันวาคม 2566 – 30 เมษายน 2567 จะมีการจัดกิจกรรมดึงดูดการท่องเที่ยวอย่างต่อเนื่อง คาดว่าการจัดงานจะสร้างรายได้ให้กับจังหวัดเชียงรายและจังหวัดใกล้เคียงได้กว่า 30,000 ล้านบาท
นอกจากนี้ ภายในบูทยังจัดแสดงการนำเสนอเส้นการท่องเที่ยวอุทยานประวัติศาสตร์ศรีเทพ จังหวัดเพชรบูรณ์ ที่อยู่ระหว่างการรอประกาศขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจากยูเนสโกภายในปีนี้ อีกทั้งยังจัดแสดงแหล่งท่องเที่ยชุมชนคุณธรรม เครือข่ายวัฒนธรรมและผู้ประกอบการผลิตภัณฑ์วัฒนธรรมไทยเข้าร่วมจำหน่ายสินค้าภายในงาน ผู้สนใจเข้าร่วมกิจกรรมได้จนถึงวันที่ 6 สิงหาคม 2566 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ฮอลล์ 5-8
รฟท. แจ้งปรับเปลี่ยนสถานีต้นทางปลายทางของขบวนรถเส้นทางสายตะวันออกเฉียงเหนือเป็นการชั่วคราว
นายเอกรัช ศรีอาระยันพงษ์ หัวหน้าสำนักงานผู้ว่าการ การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) แจ้งว่า เมื่อ เวลา 03.40 น. ของวันนี้( 4 สิงหาคม 2566 ) เกิดเหตุขบวนรถสินค้าที่ 2251 รถบรรทุกแท่งคอนกรีตจากวิหารแดงถึงบ้านใหม่สำโรง ตกรางบริเวณหลักกิโลเมตรที่ 138/10 ระหว่างสถานีมาบกะเบา – ผาเสด็จ อำเภอแก่งคอย จังหวัดสระบุรี เป็นเหตุให้รถพ่วงตกราง 3 คัน กีดขวางการเดินรถ ส่งผลให้ขบวนรถในเส้นทางสายตะวันออกเฉียงเหนือเกิดความล่าช้าทุกขบวน
การรถไฟฯ เร่งดำเนินการยกรถที่ตกรางดังกล่าว เพื่อให้สามารถเปิดการเดินรถในเส้นทางสายตะวันออกเฉียงเหนือได้ตามปกติโดยเร็ว โดยคาดการณ์ว่าจะสามารถยกขบวนรถที่ตกราง รวมทั้งซ่อมปรับปรุงสภาพทางให้แล้วเสร็จ พร้อมเปิดใช้งานได้ตามปกติได้ภายในช่วงเย็นวันนี้
อย่างไรก็ตาม ในระหว่างที่มีการยกตู้ที่ตกราง การรถไฟฯ ได้ทำการขนถ่ายผู้โดยสารและปรับเปลี่ยนสถานีต้นทางปลายทางของขบวนรถในเส้นทางสายตะวันออกเฉียงเหนือ รวม 4 ขบวน ประกอบด้วยขบวนรถด่วนพิเศษที่ 21 สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ – อุบลราชธานี ขบวนรถเร็วที่ 135 สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ – อุบลราชธานี ขบวนรถธรรมดาที่ 233/234 กรุงเทพ – สุรินทร์ – กรุงเทพ และขบวนด่วนพิเศษดีเซลรางที่ 71/72 สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ – อุบลราชธานี – สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์
สำหรับผู้โดยสารที่ไม่ประสงค์จะเดินทางไปกับขบวนรถในเส้นทางสายตะวันออกเฉียงเหนือ สามารถคืนเงินค่าตั๋วโดยสารได้เต็มราคา หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ ศูนย์บริการลูกค้าสัมพันธ์ หมายเลข 1690 ตลอด 24 ชั่วโมง
สังคม
31 กรกฎาคม 2566
หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งให้ความช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์โกดังเก็บดอกไม้เพลิงระเบิด
นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า จากเหตุการณ์โกดังเก็บดอกไม้เพลิงระเบิดกลางตลาดมูโนะ ในพื้นที่ตำบลมูโนะ อำเภอสุไหงโก-ลก จังหวัดนราธิวาส เมื่อวันที่ 29 กรกฎาคมที่ผ่านมา ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต บาดเจ็บและบ้านเรือนประชาชนได้รับความเสียหายเป็นจำนวนมาก พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งให้ความช่วยเหลือดูแลประชาชนเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนอย่างเต็มที่และทั่วถึงครบถ้วน
จากรายงานล่าสุด (30 ก.ค.66 ) มีผู้เสียชีวิต จำนวน 12 ราย ผู้ได้รับบาดเจ็บ จำนวน 121 ราย อาการหนัก 1 ราย อาการปานกลาง 9 ราย กลับบ้านได้ 101 ราย พักอาศัยที่ศูนย์พักพิงผู้ประสบภัย ศูนย์กีฬาองค์การบริหารส่วนตำบลมูโนะ จำนวน 10 ราย และมีผู้ลงทะเบียนเพื่อขอรับความช่วยเหลือแล้วจำนวน 365 ราย
รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า หลังจากนายกรัฐมนตรี ให้เร่งสำรวจความเสียหาย มีการจัดชุดเจ้าหน้าที่ช่าง ผู้นำในพื้นที่ เจ้าหน้าที่ อบต. ลงตรวจสอบข้อมูลบ้านเรือนเสียหาย นำไปสู่ขั้นตอนการทำเรื่องเบิกจ่ายเงินเยียวยา เบื้องต้นมาจากกองทุนเงินช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัย สำนักนายกรัฐมนตรี และกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเพื่อบรรเทาทุกข์ของประชาชน รวมถึงติดตามแนวทางการฟื้นฟูสภาพพื้นที่ด้วยและในวันนี้ (31 ก.ค.66) สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะหน่วยงานรับผิดชอบกองทุนเงินช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัย สำนักนายกรัฐมนตรี ร่วมกับจังหวัดนราธิวาส และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จะลงพื้นที่ให้ความช่วยเหลือประชาชนผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ฯ ที่ตลาดมูโนะ อำเภอสุไหงโก-ลก จังหวัดนราธิวาส เพื่อให้ความช่วยเหลือประชาชนเบื้องต้น
กระทรวงวัฒนธรรม จัดกิจกรรมส่งเสริมพระพุทธศาสนา นำเทียนถวายพระอารามหลวงในเขต กทม.
นายอิทธิพล คุณปลื้ม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม เป็นประธานในพิธีจัดกิจกรรมส่งเสริมพระพุทธศาสนา เนื่องในเทศกาลวันอาสาฬหบูชาและเข้าพรรษา พุทธศักราช 2566 ณ กระทรวงวัฒนธรรม กรุงเทพมหานคร โดยมีนางยุพา ทวีวัฒนะกิจบวร ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม นายชัยพล สุขเอี่ยม อธิบดีกรมการศาสนา ผู้บริหารกระทรวงวัฒนธรรม ข้าราชการ เจ้าหน้าที่กรมการศาสนา องค์กรเครือข่ายทางศาสนาภาคเอกชนและสถานศึกษาและประชาชนเข้าร่วมพิธี
จากนั้น เป็นประธานในพิธีปล่อยขบวนรถเทียนพรรษาและขบวนดุริยางค์ ซึ่งจะมีการนำเทียนพรรษาไปถวายพระอารามหลวงในเขตกรุงเทพมหานคร 12 แห่ง เพื่อส่งเสริมให้พุทธศาสนิกชน ได้น้อมระลึกถึงคุณของพระรัตนตรัย อีกทั้งยังเป็นการเชิญชวนพุทธศาสนิกชนร่วมกิจกรรมทางพระพุทธศาสนา ให้ทาน รักษาศีล ลด ละ เลิก อบายมุขสืบทอดพระพุทธศาสนา สืบสานวัฒนธรรมและประเพณีอันดีของงามของไทย
1 สิงหาคม 2566
นักท่องเที่ยวชาวไทยและชาวต่างชาติแต่งชุดไทย ร่วมทำบุญ – เวียนเทียนที่วัดอรุณฯ เนื่องในวันอาสาฬหบูชากันอย่างคึกคัก
ที่วัดอรุณราชวรารามวรมหาวิหาร มีประชาชนเดินทางมาทำบุญและเวียนเทียนในวันอาสาฬหบูชากันอย่างคึกคัก โดยทั้งชาวไทยและต่างชาติต่างสวมใส่ชุดไทยถ่ายรูปให้เข้ากับบรรยากาศแบบไทยและถือเป็นการอนุรักษ์วัฒนธรรมของชาติอีกด้วย
นางสาวบุษรัน ทรัพย์เมฆ เจ้าของร้านบิวตี้ไทยเดรส เปิดเผยว่า ช่วงเทศกาลและวัดหยุดจะมีประชาชนและนักท่องเที่ยวให้ความสนใจเป็นจำนวนมาก โดยส่วนใหญ่จะเป็นนักท่องเที่ยวชาวพม่าและเวียดนามที่เข้ามาเช่าชุดไทยเพื่อถ่ายรูปและตามรอยละครไทย ซึ่งวันนี้ร้านคึกคักเป็นพิเศษเพราะเป็นวันหยุดยาวและเป็นวันอาสาฬหบูชา จึงมีนักท่องเที่ยวชาวไทยให้ความสนใจแต่งชุดไทยด้วย
ด้านนางสาวปฐมาวดี นุ่นแดง เปิดเผยว่า ตนเองมีความตั้งใจมาทำบุญและอยากมีโอกาสสวมชุดไทย จึงตัดสินใจเช่าชุดไทยร่วมกับเพื่อนๆ
เช่นเดียวกันกับคุณบันนี่ เปิดเผยว่า ตนเองตั้งใจมาขอพรเพื่อให้สอบติดราชการและได้ตัดสินใจเช่าชุดไทยเพราะเป็นครั้งหนึ่งในชีวิตที่จะได้มีโอกาสร่วมอนุรักษ์ความเป็นไทย
ส่วนในวันพรุ่งนี้ (2 สิงหาคม 2566) ซึ่งเป็นวันเข้าพรรษา วัดอรุณราชวรารามวรมหาวิหารจะมีการร่วมถวายสลากภัต-สลากทานและผ้าอาบน้ำฝนแด่พระภิกษุ สามเณร จำนวน 119 รูป และมีกิจกรรม “ เลาะวัง เลียบวัด หล่อเทียนพรรษา ย่านวังเดิม หลังวัดอรุณฯ ที่จัดขึ้นเป็นวันสุดท้ายด้วย
พุทธศาสนิกชนใช้เวลาในวันหยุดยาวพาครอบครัวทำบุญ ไหว้พระ ตามวันต่างๆ ทั่วกรุงเทพฯ เนื่องในวันพระใหญ่
บรรยากาศการทำบุญ เนื่องในวันอาสาฬหบูชา ที่ศาลหลักเมือง กรุงเทพมหานคร ถือเป็นจุดแรกที่พุทธศาสนิกชนหลายคนต่างพาครอบครัวมาทำบุญ สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองกันอย่างคึกคัก ก่อนเดินทางไปไหว้พระทำบุญตามวัดต่างๆ ในกรุงเทพมหานคร โดยตลอดทั้งวันนี้ มีพุทธศาสนิกชน รวมถึงนักท่องเที่ยว หมุนเวียนเข้ามาบูชาเครื่องสักการะ ซึ่งประกอบด้วย ดอกบัว พวงมาลัย ธูปเทียนทองคำเปรว ผ้าแพร 3 สี และน้ำมันตะเกียง เพื่อนำไปกราบสักการะขอพรศาลหลักเมือง และศาลเทพารักษ์ทั้ง 5 ได้แก่ พระเสื้อเมือง พระทรงเมือง พระกาฬไชยศรี เจ้าเจตคุปต์ และเจ้าหอกลอง อย่างไม่ขาดสาย เพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ชีวิตในวันพระใหญ่ รวมถึงเติมน้ำมันตะเกียงพระประจำวันเกิดและตะเกียงสะเดาะเคราะห์ เพื่อความสว่างไสวและความเจริญรุ่งเรืองในชีวิต
ส่วนบรรยากาศการทำบุญ ที่วัดสระเกศราชวรมหาวิหาร หรือวัดภูเขาทอง เป็นอีกวัดที่พุทธศาสนิกชนในกรุงเทพมหานคร รวมถึงนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ให้ความสนใจเดินทางเข้ามาทำบุญกันอย่างหนาแน่น โดยเฉพาะกิจกรรมทำบุญที่ทางวัดจัดขึ้น อาทิ การหล่อเทียนพรรษา ถวายระฆังทอง และการถวายสังฆทาน รวมถึงการถวายผ้าไตรและเดินเวียนรอบพระบรมบรรพต (ภูเขาทอง) ท่ามกลางบรรยากาศเสียงระฆังดังกึกก้องอย่างต่อเนื่อง พร้อมกับวิวกรุงเทพมหานคร 360 องศา หลายคนต่างยกมือถือขึ้นมาถ่ายภาพเป็นที่ระลึก และจากการสอบถามประชาชนหลายคนมาเป็นครั้งแรก ขณะที่บางคนบอกว่ามาทำบุญที่วัดเป็นประจำตามความเชื่อ ความศรัทธา แม้จะผ่านการเดินขึ้นบันไดกว่า 300 ขั้น แต่พอถึงยอดภูเขาทองได้ตั้งจิตอธิฐานและทำบุญ ก็รู้สึกอิ่มเอมใจทุกครั้ง พร้อมปฏิบัติดีตามหลักศาสนา
สำหรับในช่วงค่ำวันนี้ ทางวัดสระเกศราชวรมหาวิหาร เปิดให้ผู้มีจิตศรัทธาร่วมถวายผ้าอาบน้ำฝน พระภิกษุสามเณรจำนวน 110 รูป และเวลา 19.00 น. พระภิกษุ-สามเณร และพุทธศาสนิกชน ทำวัตรค่ำ ฟังพระธรรมเทศนา จากนั้นร่วมเวียนเทียนรอบพระอุโบสถ วัดสระเกศราชวรมหาวิหาร กรุงเทพมหานคร
สถานการณ์มีงานทำของคนไทยดีขึ้น ไตรมาส 2 ของปี 2566 ผู้มีงานทำเพิ่มขึ้น 6 แสน 6 หมื่นคน การว่างงานทรงตัว
นางสาวไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ในช่วงที่เศรษฐกิจฟื้นตัวจากโควิด-19 รัฐบาลได้ติดตามสถานการณ์การด้านแรงงานทั่วประเทศ พบว่าภาวะการมีงานทำของประชาชนได้ปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่อง สอดคล้องกับสถานการณ์ทางเศรษฐกิจ โดยสำนักงานสถิติแห่งชาติ(สสช.) ได้แจ้งข้อมูลจากการสำรวจสถานการณ์การมีงานทำของคนไทย ณ ไตรมาสที่ 2(เม.ย.-มิ.ย.) ปี 2566 ว่าทั้งจำนวนผู้มีงานทำ ผู้ทำงานเต็มเวลายังอยู่ในทิศทางปรับตัวขึ้น จำนวนผู้มีงานทำอยู่ที่ 39 ล้าน 7 แสนคน เพิ่มขึ้น 6 แสน 6 หมื่นคน เมื่อเทียบกับช่วงไตรมาสเดียวกันของปี 2565 ขณะที่ ชั่วโมงการทำงานก็มากขึ้น สะท้อนถึงปริมาณงานในระบบที่มากขึ้น
ด้านการว่างงานพบว่าในไตรมาส 2 มีผู้ว่างงานเฉลี่ย 4 แสน 3 หมื่นคน คิดเป็นอัตราการว่างงานร้อยละ 1.1 ลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2565 ที่การว่างงานอยู่ที่ 5 แสน 5 หมื่นคน หรือร้อยละ 1.4 ทั้งนี้ตัวชี้วัดในภาพรวมของสถานการณ์แรงงานดีขึ้นและไม่มีสัญญาณบ่งชี้ที่น่ากังวล
กระทรวงมหาดไทย สั่งการทุกอำเภอทั่วประเทศ คุมเข้มและตรวจสอบการครอบครองดอกไม้เพลิง ป้องกันการเกิดเหตุระเบิด
นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ติดตามการปฏิบัติงานของทุกฝ่ายเพื่อให้การช่วยเหลือประชาชนกรณีเกิดเหตุเพลิงไหม้โกดังเก็บสินค้าดอกไม้เพลิง บ้านมูโนะ หมู่ที่ 1 ตำบลมูโนะ อำเภอสุไหงโก-ลก จังหวัดนราธิวาส อย่างต่อเนื่อง และล่าสุด พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย มอบหมายอธิบดีกรมการปกครอง ทำหนังสือด่วนที่สุด ถึงนายอำเภอทั้ง 878 อำเภอทั่วประเทศ กำชับแนวทางการควบคุม ตรวจสอบผู้รับใบอนุญาตให้ทำ สั่ง นำเข้า หรือค้า ซึ่งดอกไม้เพลิง พร้อมกับสั่งการให้ผู้ว่าราชการจังหวัด ปฎิบัติตามมาตรการในการป้องกัน ควบคุม ตรวจสอบเกี่ยวกับการดำเนินการของผู้รับใบอนุญาตให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย และให้การดำเนินการตามกฎหมายว่าด้วยอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิงและสิ่งเทียมอาวุธปืนอย่างเคร่งครัด เพื่อป้องกันการเกิดเหตุระเบิดขึ้นอีก
นายกรัฐมนตรี เน้นย้ำทุกภาคส่วนในการบังคับใช้กฏหมายอย่างเข้มงวด โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ที่มีหน้าที่ในการควบคุม ตรวจสอบ ทั้งสถานที่ที่เป็นโกดัง ตลอดจนที่มาของดอกไม้เพลิง ร วมทั้งกำชับเรื่องความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน พร้อมขอบคุณทุกหน่วยงานที่ได้ส่งความช่วยเหลือไปยังประชาชนในพื้นที่
กรมอนามัย มอบทีมศูนย์อนามัยที่ 12 ยะลา ร่วมกับ สสจ.นราธิวาส ลงพื้นที่กรณีโกดังเก็บดอกไม้เพลิง ประเมินสภาวะทางสุขภาพ
นายแพทย์สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมอนามัย เปิดเผยว่า จากเหตุการณ์โกดังเก็บดอกไม้เพลิงระเบิดที่ตลาดมูโนะ อำเภอสุไหงโก-ลก จังหวัดนราธิวาส ส่งผลให้มีผู้บาดเจ็บ เสียชีวิต และบ้านเรือนเสียหายจำนวนมาก กรมอนามัยจึงได้มอบทีมปฏิบัติการด้านส่งเสริมสุขภาพและอนามัยสิ่งแวดล้อม ศูนย์อนามัยที่ 12 ยะลา ร่วมกับสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด (สสจ.) นราธิวาส และศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงชายฝั่งนราธิวาส ของศูนย์อนามัยที่ 12 ยะลา ทำงานร่วมกับพื้นที่เพื่อดูแลสุขภาพประชาชน โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยง กลุ่มเปราะบางที่ได้รับผลกระทบ และมอบหมายให้ทำการเฝ้าระวังด้านสุขาภิบาล สุขอนามัย และอนามัยสิ่งแวดล้อม
ด้านนายแพทย์อรรถสิทธิ์ แดงมณี ผู้อำนวยการศูนย์อนามัยที่ 12 ยะลา เปิดเผยว่า จากการเก็บตัวอย่างน้ำใช้เพื่อตรวจวิเคราะห์การปนเปื้อนสารเคมีในพื้นที่ โดยแบ่งพื้นที่การเก็บตัวอย่างออกเป็น 3 โซน คือ โซนไข่แดง รัศมีไม่เกิน 100 เมตร โซนไข่ขาว รัศมีไม่เกิน 100 – 500 เมตร โซนกระทะ รัศมีไม่เกิน 500 – 1000 เมตร ผลพบว่าปริมาณไนเตรตในน้ำมีค่าไม่เกินมาตรฐาน แต่ค่าความขุ่น มีค่าเกินค่ามาตรฐานในบางพื้นที่ จึงแนะนำให้ประชาชนใช้น้ำที่ทางหน่วยงานราชการส่วนท้องถิ่นในพื้นที่จัดเตรียมให้บริการ จนกว่าจะทราบผลตรวจวิเคราะห์การปนเปื้อนสารเคมีเชิงลึกทางห้องปฏิบัติการฯ ในอีก 3 วัน ทั้งนี้ หน่วยงานในพื้นที่ควรล้างบ่อน้ำที่เป็นแหล่งน้ำใช้หลักของชุมชนตามหลักสุขาภิบาล เพื่อให้ประชาชนสามารถนำน้ำมาใช้ได้ สำหรับอาหารและน้ำดื่มที่ภาครัฐและเอกชนนำมาช่วยเหลือให้แก่ชุมชนและศูนย์อพยพ ขณะนี้ มีเจ้าหน้าที่ของสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนราธิวาส ควบคุม กำกับ ดูแลด้านความสะอาด และการประกอบปรุงให้เป็นตามหลักสุขาภิบาลอาหารอย่างเคร่งครัด เพื่อลดความเสี่ยงซ้ำซ้อนจากโรคระบาดที่มาจากอาหารน้ำเป็นสื่อ
2 สิงหาคม 2566
สถานะกองทุนประกันสังคม ยังมีเสถียรภาพมั่นคง เงินสะสม 2.3 ล้านล้านบาท ไม่มีค้างจ่าย
นางสาวทิพานัน ศิริชนะ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีมีการเผยแพร่ข่าวปลอมว่า กองทุนประกันสังคม เสี่ยงล้มละลายภายใน 30 ปี เนื่องจากค้างจ่าย 7 หมื่นล้านบาท ว่า ทางสำนักงานประกันสังคม กระทรวงแรงงาน ยืนยันว่า ไม่เป็นความจริง โดยกองทุนประกันสังคมมีเสถียรภาพมั่นคง สามารถสร้างผลตอบแทนได้อย่างต่อเนื่องและเพียงพอ ทั้งยังมีการบริหารสภาพคล่องโดยใช้กลยุทธ์การลงทุนที่มีประสิทธิภาพ มุ่งเน้นการถือครองหลักทรัพย์ในระยะยาว เพื่อสร้างผลตอบแทนให้แก่กองทุน ซึ่งปัจจุบันกองทุนประกันสังคมมีเงินสะสม 2.3 ล้านล้านบาท และสถานะของกองทุนมีเม็ดเงินที่เพียงพอ สำหรับการจ่ายสิทธิประโยชน์ในทุกกรณี ไม่ได้เสี่ยงล้มละลายหรือค้างจ่ายแต่อย่างใด ขอให้ประชาชนอย่าหลงเชื่อข้อมูลดังกล่าว และขอความร่วมมือไม่ส่งหรือแชร์ข้อมูลดังกล่าวต่อในช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ต่างๆ และเพื่อให้ประชาชนได้รับข้อมูลข่าวสารจากสำนักงานประกันสังคม สามารถติดตามได้ที่เว็บไซต์ หรือโทรสายด่วน 1506
สสส.ขับเคลื่อนรณรงค์งดเหล้าเข้าพรรษา ตั้งเป้าลดจำนวนนักดื่มหน้าใหม่ในกลุ่มผู้หญิงที่พุ่งสูงขึ้นเป็นปีแรก
เภสัชกร สงกรานต์ ภาคโชคดี ผู้อำนวยการสำนักงานเครือข่ายองค์กรงดเหล้า สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) กล่าวว่า จากการสำรวจของสำนักงานสถิติแห่งชาติ พบว่าปัจจุบันประเทศไทยมีนักดื่มประมาณ 15 – 17 ล้านคน โดยกลุ่มผู้ใหญ่มีแนวโน้มลดลงที่น่าห่วงคือ เยาวชน ถือเป็นกลุ่มนักดื่มหน้าใหม่และอายุน้อยลงเรื่อยๆ ที่สำคัญผลสำรวจปีล่าสุดกลับพบว่ากลุ่มนักดื่มหน้าใหม่เป็นผู้หญิงมากกว่าผู้ชายเป็นปีแรก
ในช่วงเทศกาลเข้าพรรษาและวันงดดื่มสุราแห่งชาติปีนี้ ซึ่งถือเป็นปีที่ 21 ของการรณรงค์งดเหล้าเข้าพรรษา จึงร่วมกับเครือข่ายรณรงค์ในกลุ่มนักดื่มหน้าใหม่ที่เป็นผู้หญิงที่มีความเสี่ยงทำให้เกิดโรคมะเร็งเต้านมเพื่อสร้างความตระหนักลดจำนวนนักดื่มหน้าใหม่ในกลุ่มผู้หญิงมากขึ้น
ผู้อำนวยการสำนักงานเครือข่ายองค์กรงดเหล้า กล่าวว่า จากการรณรงค์งดเหล้าเข้าพรรษาที่ผ่านมามีผู้เข้าร่วมมากขึ้น บางปีมากถึงร้อยละ 70 – 80 ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายจากการดื่มลงได้ถึง 70,000 ล้านบาท อีกทั้งยังทำให้ครอบครัวกลับคืนความสัมพันธ์ที่ดี ได้ทำกิจกรรมร่วมกันระหว่างคนในครอบครัว คาดหวังว่าปีนี้ จะมีผู้เข้าร่วมกิจกรรมโดยเฉพาะนักดื่มหน้าใหม่มากขึ้น รวมถึงเครือข่ายเยาวชนที่ร่วมกิจกรรมที่ปัจจุบันมีมากกว่า 7 พันคนทั่วประเทศ ประชาชนที่สนในร่วมกิจกรรมสามารถปรึกษาได้ที่ โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล หรือสายด่วน 1413 เพื่อขอคำแนะนำในการเลิกเหล้า
3 สิงหาคม 2566
เตือนนักท่องเที่ยว ช่วงมรสุมไม่ควรลงเล่นน้ำทะเล อาจเสี่ยงจมน้ำ
นายแพทย์ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า ในช่วงนี้ประเทศไทยเป็นช่วงฤดูฝน จังหวัดที่มีพื้นที่ติดทะเลจะเป็นช่วงหน้ามรสุม ส่งผลให้ทะเลมีคลื่นลมแรงไม่สามารถเล่นน้ำได้ หรือหากจะเล่นน้ำให้เล่นในบริเวณที่กำหนด และต้องระวังคลื่นลมแรง กระแสน้ำย้อนกลับ คลื่นทะเลดูด หรือคลื่นดอกเห็ด ซึ่งมีโอกาสเกิดขึ้นได้แทบทุกหาด
จากการเฝ้าระวังเหตุการณ์การจมน้ำ ของกองป้องกันการบาดเจ็บ กรมควบคุมโรค ในช่วงเทศกาลวันหยุดยาวที่ผ่านมา ระหว่างวันที่ 28 กรกฎาคม – 2 สิงหาคม 2566 เพียง 6 วัน พบมีเหตุการณ์จมน้ำบริเวณทะเลทั้งสิ้น 6 เหตุการณ์ เกิดในจังหวัดภูเก็ต 3 เหตุการณ์ เกิดในจังหวัดกระบี่ ระยอง และตรัง จังหวัดละ 1 เหตุการณ์ มีผู้เสียชีวิตทั้งหมด 8 ราย เป็นชาวไทย 5 ราย ชาวต่างชาติ 3 ราย เป็นเพศชายทั้งหมด มีอายุระหว่าง 9 – 44 ปี นอกจากนี้ ยังมีเหตุจมน้ำแต่ไม่เสียชีวิตอีก 12 ราย สาเหตุทั้งหมดเกิดจากการชวนกันไปเล่นน้ำ โดยส่วนใหญ่เป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวที่มาจากต่างจังหวัดและต่างประเทศถึง 4 เหตุการณ์ ในจำนวนนี้มีถึง 2 เหตุการณ์ที่นักท่องเที่ยวฝ่าฝืนและลงเล่นน้ำบริเวณจุดปักธงแดงแจ้งเตือนอันตราย
แนะนำนักท่องเที่ยวควรสังเกต “ธง” สัญลักษณ์คำเตือนในการลงเล่นน้ำทะเล ที่ปักไว้บริเวณชายหาด ซึ่งความหมายของธงต่างๆ คือ ธงแดง 2 ผืน หมายถึงมีความอันตรายมาก ห้ามลงเล่นน้ำเด็ดขาด ธงแดง 1 ผืน หมายถึงอันตราย ห้ามลงเล่นน้ำ ธงเหลือง หมายถึงให้เล่นน้ำด้วยความระมัดระวัง ธงเหลือง-แดง หมายถึง บริเวณนี้มีเจ้าหน้าที่ชีวพิทักษ์ (Lifeguard) สามารถเล่นน้ำได้
นอกจากนี้ เพื่อเป็นการแจ้งเตือนประชาชน ให้เกิดความปลอดภัยในการท่องเที่ยวทางน้ำและลดความสูญเสียที่เกิดขึ้นจากการจมน้ำ แนะนำให้ติดตามสภาพอากาศ หรือพยากรณ์อากาศก่อนเดินทางท่องเที่ยว ตรวจสอบแหล่งน้ำก่อนลงเล่น โดยดูระดับน้ำ ความแรงของคลื่น กระแสน้ำย้อนกลับหรือคลื่นทะเลดูด รวมถึงสัตว์มีพิษต่างๆ เล่นน้ำในบริเวณที่กำหนดไว้ หรือบริเวณที่มีเจ้าหน้าที่ชีวพิทักษ์ (Lifeguard) ไม่เล่นน้ำในบริเวณที่มีป้าย หรือธงสัญลักษณ์เตือนอันตราย บริเวณที่ติดธงแดงจะเป็นบริเวณที่อันตรายห้ามลงเล่นน้ำ หลีกเลี่ยงการเล่นน้ำบริเวณที่มีสกูตเตอร์ บานาน่าโบ๊ท เจ็ตสกี ไม่เล่นน้ำขณะหรือหลังฝนตก ควรสวมเสื้อชูชีพขณะลงเล่นน้ำ หรือทำกิจกรรมทางน้ำทุกครั้งและกรณีเด็ก ผู้ปกครองควรดูแลอย่างใกล้ชิด ไม่ปล่อยเด็ก เล่นน้ำ หรืออยู่ตามลำพังบริเวณชายหาด
เร่งขับเคลื่อนแผนส่งเสริมคุณธรรมแห่งชาติระยะที่ 2 ตั้งเป้าหมายคนไทยมี 5 คุณธรรมสู่สังคมที่เข้มแข็ง
นายชัยพล สุขเอี่ยม อธิบดีกรมการศาสนา กล่าวว่า จากการประชุมคณะอนุกรรมการด้านวิชาการการส่งเสริมคุณธรรมในสังคมไทยครั้งแรก ที่ประชุมได้กำหนดแนวทางการประเมินติดตามตัวชี้วัดและค่าเป้าหมายภายใต้แผนปฏิบัติการด้านการส่งเสริมคุณธรรมแห่งชาติ ระยะที่ 2 (พ.ศ. 2566 – 2570) มีตัวชี้วัดที่ต้องเร่งขับเคลื่อนให้สถานการณ์คุณธรรมของสังคมไทยดีขึ้น ประกอบด้วย ดัชนีคุณธรรม 5 ประการ พอเพียง วินัย สุจริต จิตอาสา กตัญญู เพิ่มขึ้นร้อยละ 10 ภายในปี 2570 และหน่วยงานภาครัฐน้อมนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงในการบริหารงาน มีค่า ITA เพิ่มขึ้นร้อยละ 10 ภายในปี 2570
นอกจากนี้ ยังมีตัวชี้วัดแผนย่อย ประชากรมีการปฏิบัติสะท้อนการมีคุณธรรมจริยธรรมเพิ่มขึ้น จำนวนเครือข่าย/องค์กรร่วมกันทำกิจกรรมสาธารณะเพิ่มขึ้น จำนวนเครือข่ายทางสังคมที่มีการพัฒนาระบบเครดิตทางสังคมเพื่อรองรับการส่งเสริมคุณธรรมเพิ่มขึ้น และทุนชีวิตเด็กและเยาวชนไทยเพิ่มขึ้น รวมถึงการเตรียมการจัดงานสมัชชาคุณธรรมแห่งชาติ ครั้งที่ 13 ที่จะจัดขึ้นในเดือนนี้ โดยผลการดำเนินงานสร้างการรับรู้แผนปฏิบัติการด้านการส่งเสริมคุณธรรมแห่งชาติ ระยะที่ 2 ที่จัดขึ้นทั้งส่วนกลางและ 4 ภูมิภาค จะนำเข้าสู่สมัชชาคุณธรรมแห่งชาติและส่งมอบข้อเสนอให้แก่คณะกรรมการส่งเสริมคุณธรรมแห่งชาติต่อไป
พัฒนาชุดทดสอบพาราควอต ตกค้างในผักและผลไม้สด ใช้งานง่ายคล้าย ATK สะดวก ให้ผลรวดเร็ว
นายแพทย์ศุภกิจ ศิริลักษณ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กล่าวว่า พาราควอต เป็นสารเคมี กำจัดวัชพืช หรือยาฆ่าหญ้าที่เกษตรกรนิยมใช้ จากรายงานการนำเข้าวัตถุอันตรายทางการเกษตรของสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร ปี 2562 ประเทศไทยได้นำเข้าพาราควอต เพื่อใช้ในทางการเกษตรกว่า 9,900 ตัน แต่จากข้อมูลการวิเคราะห์ทางพิษวิทยา องค์การอนามัยโลก ระบุว่า พาราควอต เป็นสารที่มีความเป็นพิษสูง หากได้รับโดยตรงจากการบริโภค ทำให้เกิดอาการแสบร้อน เกิดแผลในหลอดลมและระบบทางเดินอาหาร สามารถเข้าสู่ร่างกายผ่านการสัมผัส สูดดมจะส่งผลต่อระบบทางเดินหายใจอย่างรุนแรง ทำให้เกิดพังผืดในปอด ปนเปื้อนในอาหารและยังก่อให้เกิดโรคต่างๆ เช่น ก่อโรคพาร์กินสัน สมองเสื่อม ที่สำคัญเป็นสารก่อมะเร็งและตกค้างในสิ่งแวดล้อม ดิน แหล่งน้ำธรรมชาติ และผลิตภัณฑ์การเกษตร แม้ไทยจะแบนสารนี้ไปแล้วตั้งแต่ปี 2563 แต่อาจมีการตกค้างของสารดังกล่าว อยู่ในผักและผลไม้สดในปริมาณสูง และทำให้จะส่งผลกระทบต่อสุขภาพประชาชนจากสารปนเปื้อนได้เช่นกัน ทั้งนี้ เพื่อคุ้มครองสุขภาพของประชาชน กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์จึงร่วมกับสถาบันชีววิทยาศาสตร์ทางการแพทย์ และสำนักคุณภาพและความปลอดภัยอาหาร พัฒนาชุดทดสอบพาราควอตตกค้างในผักและผลไม้สด เบื้องต้นอย่างง่าย ใช้งานคล้ายชุดตรวจ ATK สะดวก มีประสิทธิภาพ มีความไวในการตรวจสอบ ทราบผลใน 15-30 นาที สามารถใช้ทดสอบได้กับผักและผลไม้สดที่มีจำหน่ายในประเทศไทย ซึ่งชุดทดสอบนี้ได้ผ่านการทดสอบในภาคสนาม และจดทะเบียนอนุสิทธิบัตรจากกรมทรัพย์สินทางปัญญาแล้ว กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์กำลังเตรียมเปิดให้ผู้สนใจทั้งภาครัฐภาคเอกชนมารับการถ่ายทอดเทคโนโลยีนี้ เพื่อนำไป ผลิตจำหน่ายให้กับประชาชน
4 สิงหาคม 2566
นายกรัฐมนตรี ยืนยันมีงบประมาณเพียงพอดูแลช่วยเหลือเยียวยา เหตุโกดังเก็บไม้เพลิงระเบิด
พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวภายหลังเดินทางลงพื้นที่ตรวจติดตามให้กำลังใจผู้ที่ได้รับบาดเจ็บและได้รับผลกระทบจากเหตุโกดังเก็บดอกไม้เพลิงระเบิด ตำบลบ้านมูโนะ อำเภอสุไหงโก-ลก จังหวัดนราธิวาส พร้อมทักทายสื่อมวลชนที่มารอรับ โดยกล่าวถึงงบประมาณการช่วยเหลือเยียวยาผู้ประสบภัยว่า งบประมาณมีอยู่แล้ว ทั้งงบปกติ งบทดรองจ่ายและกองทุนเงินช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัย สำนักนายกรัฐมนตรี มีตัวเลขทั้งหมดอยู่แล้ว จะดูงบกองทุนจากรัฐบาล ที่ ครม. และทุกภาคส่วนบริจาคเข้ามา ซึ่งมีเพียงพอที่จะเพิ่มเติมงบปกติที่มีอยู่แล้ว ซึ่งลักษณะบ้านเรือนที่เสียหาย ก็มีหลายลักษณะด้วยกัน ทั้งเสียหายทั้งหลัง เสียหายร้อยละ 30 และร้อยละ 70 ซึ่งได้สั่งการและมีการประชุมไปแล้วว่า จะมีการช่วยเหลืออย่างไร สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ ต้องช่วยเหลือให้ดีขึ้นกว่าเดิม ในด้านสิ่งแวดล้อม พื้นที่ ถนน และสิ่งต่างๆ ให้ดูเรียบร้อยขึ้น วันนี้ชาวบ้านก็ตอบรับดี เพราะเอากำลังใจไปให้ ขอให้มั่นใจว่า รัฐบาลดูแลให้เต็มที่ ถ้าอะไรเป็นความทุกข์ของประชาชน เราดูแลอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลรักษาการก็ต้องทำ
ยกระดับ Soft Power อาหารเมืองเพชร เมืองสร้างสรรค์ยูเนสโก สู่สายตานานาชาติ
นายอิทธิพล คุณปลื้ม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวว่า จากการที่จังหวัดเพชรบุรีมีต้นทุนทางวัฒนธรรมที่สามารถพัฒนาต่อยอดสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจซึ่งองค์การยูเนสโกได้ประกาศให้เป็นเครือข่ายเมืองสร้างสรรค์โลกด้านอาหาร ประจำปี 2564 และเพื่อการขับเคลื่อนเมืองสร้างสรรค์และการยกระดับเทศกาลประเพณีไทยที่เป็น Soft Power ให้เป็นที่รู้จักสู่สายตานานาชาติ กระทรวงวัฒนธรรม จึงร่วมกับจังหวัดเพชรบุรี จัดงานเทศกาลอาหารผสานศิลป์ เมืองเพชร เมืองสร้างสรรค์ ระหว่างวันที่ 4 – 5 สิงหาคม 2566 ณ อาคารสถาบันช่างเมืองเพชรและศิลปะร่วมสมัย มหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบุรี ส่งเสริม Soft power งานช่างเมืองเพชร สู่การเป็นเมืองช่างแห่งสยาม จึงจัดแสดงนิทรรศการเมืองสร้างสรรค์ด้านอาหารจากวัตถุดิบพื้นถิ่น การสาธิตอาหาร อาทิ อาหารวัง อาหารวัด อาหารนวัตกรรมและอาหารชุมชน ตลาดวัฒนธรรมร่วมสมัยและการแสดงศิลปวัฒนธรรมพื้นบ้าน
นอกจากนี้ ยังมีงานมหกรรมวัฒนธรรมพื้นบ้าน ณ วัดใหญ่สุวรรณารามวรวิหาร มีการแสดงและสาธิตศิลปวัฒนธรรม อาหารพื้นบ้าน 8 อำเภอ การแสดงนิทรรศการผลิตภัณฑ์ทางวัฒนธรรม CPOT นิทรรศการภาพถ่ายอาหารผสานศิลป์และแสดงศิลปวัฒนธรรมพื้นบ้าน นิทรรศการท่องเที่ยวชุมชน นิทรรศการอาหารสร้างสรรค์
ข้อมูลข่าวและที่มา
ผู้สื่อข่าว : ธนพิชฌน์ แก้วกา
ผู้เรียบเรียง : ธนพิชฌน์ แก้วกา
แหล่งที่มา : หน่วยงานสำนักข่าว