“เพื่อไทย” วอนหยุดด้อยค่านายกฯ ยันมุ่งมั่นทำงานทุกวันไม่พัก เพื่อประชาชน – สยามรัฐ
“เพื่อไทย” วอนหยุดด้อยค่านายกฯ ยันมุ่งมั่นทำงานทุกวันไม่พักเพื่อประชาชน เตือนอย่าบิดเบือนข่าวเฟคนิวส์ทำลายกัน
วันที่ 18 ต.ค 2566 น.ส.ลิณธิภรณ์ วริณวัชรโรจน์ สส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย รักษาการรองเลขาธิการพรรค และรักษาการโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ตั้งแต่ที่รัฐบาลที่มีนายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯและรมว.คลัง เป็นเวลารวมเพียง 1 เดือนเศษเท่านั้น นโยบายที่ได้ประกาศไว้ต่อรัฐสภา ได้ทยอยดำเนินการอย่างต่อเนื่อง แต่พบว่ามีกลุ่มขบวนการจงใจลดทอนคุณค่าการทำงานของนายกรัฐมนตรี โดยการตัดต่อภาพนายกรัฐมนตรี สร้างเนื้อหาที่ผิด บิดเบือน ไปจากข้อเท็จจริงโดยสิ้นเชิง สร้างความเกลียดชัง หวังกลบภาพการทำงานของรัฐบาล ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อพี่น้องประชาชนและประเทศชาติ เช่น กรณีการส่งเครื่องบินไปรับคนไทยในอิสราเอล ที่ต้องบินอ้อมด้วยเหตุผลของทางการทูต ที่บางประเทศในตะวันออกกลางไม่มีความสัมพันธ์ทางการทูตกับอิสราเอล จึงไม่สามารถบินผ่านในระยะทางที่สั้นได้ แต่การชี้แจงของกระทรวงการต่างประเทศกลับไม่ถูกขยายหรือส่งไปไม่ถึงประชาชนได้เท่ากับข้อมูลเท็จที่จงใจปั่นกระแสให้เกิดความเข้าใจในสังคมได้ ทั้งที่รัฐบาลพยายามสุดความสามารถและพยายามอย่างเต็มที่ หรือในกรณีที่การสร้างข่าวปลอมโดยบุคคลที่ไม่น่าเชื่อถือ และไม่มีความเป็นไปได้ ปั่นกระแสข่าวเท็จว่ารัฐบาลจะใช้งบประมาณ 12,000 ล้านบาท ทำ Super app ในโครงการดิจิทัล วอลเล็ต ก็เป็นการจงใจบิดเบือนข้อเท็จจริงกระแสข่าวในเชิงลบที่ไม่มีแม้แต่ความจริง ส่งผลทำให้ข่าวดีๆ ที่เกี่ยวกับการทำงานของรัฐบาล ไปไม่ถึงพี่น้องประชาชนเพียงพอ จึงขอเรียกร้องไปยังกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เข้ามาดูแลตรวจสอบ และเอาจริงเอาจังกับการจัดการกับเฟคนิวส์ด้วย
น.ส.ลิณธิภรณ์ กล่าวต่อว่า ที่ผ่านมา นับตั้งแต่การประชุมคณะรัฐมนตรีครั้งแรก มีมติเห็นชอบพักหนี้เกษตรกร ปัจจุบันมีเกษตรกรลงทะเบียนแล้วมากกว่า 310,000 ราย , ปรับลดค่าไฟฟ้า 2 ครั้ง จากหน่วยละ 4.45 บาท เหลือ 3.99 บาท , ปรับลดราคาน้ำมันดีเซล จากลิตรละ 32 บาทเหลือลิตรละ 30 บาท , มาตรการวีซ่าฟรีให้นักท่องเที่ยวจีนและคาซัคสถาน และเพิ่มวันพำนักนักท่องเที่ยวชาวรัสเซียจาก 30 วันเป็น 90 วัน ,แต่งตั้งคณะกรรมการศึกษาแนวทางการทำประชามติ ศึกษาแนวทางการแก้ไขรัฐธรรมนูญรอบด้าน , ตั้งคณะกรรมการนโยบายดิจิทัล วอลเล็ต รวมทั้งล่าสุดกับมาตรการค่าโดยสารรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย ที่ได้รับผลตอบรับที่ดีจากพี่น้องประชาชนเป็นอย่างมาก
น.ส.ลิณธิภรณ์ กล่าวอีกว่า การทำหน้าที่ผู้นำประเทศในการเป็นเซลแมนประเทศไทย นายกรัฐมนตรี ได้ทำหน้าที่ได้อย่างที่ให้คำสัญญาไว้กับพี่น้องประชาชน เพื่อเปิดตลาดการค้ากับนานาประเทศ ทั้งในระดับทวิภาคี พหุภาคี และการพบปะอย่างไม่เป็นทางการ ทวงคืนโอกาสที่ไทยสูญเสียไปในเวทีโลก ตลอด9 ปีที่ผ่านมา ให้โลกรู้ว่า ไทยมีศักยภาพและมีความพร้อมเปิดรับการลงทุน ดึงเงินเข้าประเทศ ผ่านการขยายการลงทุนเดิม เพิ่มเติมการลงทุนใหม่ๆ นับตั้งแต่การเข้าประชุมสมัชชาสหประชาชาติสมัยสามัญ (UNGA) ครั้งที่ 78 ถือเป็นการเปิดประตูของประเทศอีกครั้ง เมื่อช่วงกลางเดือนก.ย. 2566 ที่ผ่านมา ล่าสุด ในการเดินทางเยือนสาธารณรัฐประชาชนจีน เข้าร่วมการประชุม Belt and Road Forum for International Cooperation: BRF ครั้งที่ 3 ระหว่างวันที่ 17–19 ต.ค. ได้พบปะหารือกับบริษัทเอกชนรายใหญ่ของจีน 5 แห่ง ทั้งกลุ่ม CITIC , CRRC Group , Ping An ,XIAOMI และ Alibaba ซึ่งทุกบริษัทสนใจที่จะลงทุนในประเทศไทย และเชิญชวนให้นักธุกิจจีนลงทุนเพิ่ม ทั้งยังได้พบกับนายวลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย เป็นครั้งแรกด้วย
“ทั้งหมด ล้วนสะท้อนว่ารัฐบาลทำงานทุกวันไม่มีวันหยุด เร่งแก้ปัญหาเร่งด่วน ในทุกๆด้าน เพื่อที่จะนำพาประเทศไทยรอดพ้นวิกฤตไปให้ได้ คืนศักดิ์ศรีประเทศไทยในเวทีโลก คืนความกินดีอยู่ดีให้กับพี่น้องประชาชน
แต่สิ่งที่เกิดขึ้นวันนี้ คือ การสร้างเฟคนิวส์ ตัดต่อภาพ ด้อยค่าคนทำงาน มุ่งเป้าเพียงการโจมตีรัฐบาล ในฐานะประชาชนคนหนึ่ง อยากให้สังคมได้ฉุกคิดว่า เฟคนิวส์ต่างๆ ส่งผลดีต่อการพัฒนาประเทศจริงๆ หรือไม่ อยากชวนให้สังคม พิจารณาข่าวสารให้รอบด้าน Algorithm ของโซเชียลมีเดียต่างๆ ทำให้เราในฐานะผู้เสพสื่อมีแนวโน้มที่จะเลือกรับสารเพียงด้านเดียวหรือไม่ เฟคนิวส์ที่เรารู้ว่าเป็นความเท็จ ไม่ได้ช่วยสร้างให้สังคมพัฒนาขึ้น มีแต่จะสร้างสังคมแห่งความเกลียดชังมากขึ้น สังคมที่จะเจริญ ต้องพูดกันบนพื้นฐานข้อจริงและข้อมูลที่เป็นประโยชน์ ไม่ใช่คำโกหก หรือการวิจารณ์ที่ไม่สร้างสรรค์” น.ส.ลิณธิภรณ์ กล่าว