แอปธนาคารห้ามล่ม แบงก์ชาติเอาจริง เริ่ม พ.ย. โทษปรับ 5 แสน
“ข่าวลึกปมลับ” เผยแพร่ทางแอปพลิเคชั่น SONDHI APP สถานีโทรทัศน์ NEWS1 ช่องยูทูป NEWS1และเฟซบุ๊กแฟนเพจ NEWS1 โดย นพรัฐ พรวนสุข บก.ข่าวการเมืองและกระบวนการยุติธรรม เครือผู้จัดการ วันพฤหัสบดีที่ 2 พฤศจิกายน 2566 ตอน แอปธนาคารห้ามล่ม แบงก์ชาติเอาจริง เริ่ม พ.ย. โทษปรับ 5 แสน
การทำธุรกรรมทางการเงินผ่านระบบดิจิทัล ถือว่าเป็นเทรนด์ใหม่ของสังคมไทยที่เข้าสู่ยุคสังคมไร้เงินสด ซึ่งเป็นเรื่องที่ประชาชนตื่นตัวอย่างมากตั้งแต่การแพร่ระบาดของโรคโควิด 2019
แต่ภายใต้เทรนด์ใหม่ที่กำลังมาแรงขณะนี้ปรากฎว่าระบบโครงสร้างพื้นฐานด้านเทคโนโลยีสารสนเทศขยายตัวไม่ทันกับการปริมาณการทำธุรธรรมทางการเงินผ่านทางออนไลน์
ส่งผลให้หลายครั้งเกิดปรากฎการณ์แอปพลิเคชันของธนาคารผู้ให้บริการล่มหลายครั้ง กระทบการทำธุรกรรมของประชาชนและภาคธุรกิจพอสมควร
โดยเฉพาะเหตุการณ์ระบบล่มครั้งใหญ่ที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 1 กรกฎาคมที่ผ่านมา ถึงขนาดที่การโอนเงินระหว่างธนาคารไม่สามารถดำเนินการได้ หรือบางกรณีที่ดำเนินการได้แต่พบว่าไม่มีเงินเข้าไปถึงผู้รับโอนเงินปลายทาง สร้างความโกลาหลพอสมควร
จนสมาคมธนาคารไทยต้องออกประกาศถึงสาเหตุที่เกิดขึ้น และต้องขออภัยเป็นการเร่งด่วน
ธนาคารแห่งประเทศไทยได้จัดทำรายงานข้อมูลสถิติระบบเทคโนโลยีสารสนเทศขัดข้องที่กระทบต่อการให้บริการสำคัญของธนาคารพาณิชย์ พบว่าระหว่างไตรมาส1-3 /2566 มีธนาคารพาณิชย์ที่ประสบปัญหาระบบโมบายแบงก์กิ้งขัดข้องดังนี้
ธนาคารกรุงเทพ 4 ครั้ง คิดเป็นเวลาประมาณ 7 ชั่วโมง ธนาคารกรุงไทย 2 ครั้ง คิดเป็นเวลาประมาณ 3 ชั่วโมง ธนาคารกรุงศรีอยุธยา 1 ครั้ง คิดเป็นเวลาประมาณ 2 ชั่วโมง ธนาคารกสิกรไทย 1 ครั้งคิดเป็นเวลาประมาณ 2 ชั่วโมง ธนาคารทหารไทยธนชาติ 2 ครั้งคิดเป็นเวลาประมาณ 3 ชั่วโมง และธนาคารไทยพาณิชย์ 4 ครั้ง คิดเป็นเวลาประมาณ 2 ชั่วโมง
ด้วยเหตุนี้ทำให้ธนาคารแห่งประเทศไทย เตรียมออกประกาศแก้ไขเรื่องหลักเกณฑ์การกำกับดูแลความเสี่ยงด้านเทคโนโลยีสารสนเทศของสถาบันการเงินและสถาบันการเงินเฉพาะกิจ ภายในเดือนพฤศจิกายน
โดยจะกำหนดให้ระบบโมบายแบงก์กิ้งของสถาบันการเงินสามารถขัดข้องถึงขนาดระบบต้องหยุดชะงักได้ไม่เกินเกิน 8 ชั่วโมงภายใน 1 ปี
ถ้าระบบล่มนานเกินกว่าที่ธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนด สถาบันการจะต้องรับโทษตามระดับของความรุนแรงเริ่มตั้งแต่การตักเตือนเพื่อให้ปรับปรุงแก้ไข ไปจนถึงโทษสูงสุด คือ ปรับเป็นเงินสูงสุด 500,000 บาทต่อครั้ง และถ้ายังไม่ดำเนินการแก้ไขจะปรับเงินเพิ่ม 5,000 บาทต่อวัน
นายภิญโญ ตรีเพชราภรณ์ ผู้อำนวยการ ฝ่ายกำกับและตรวจสอบความเสี่ยงด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ระบุถึงเหตุผลที่ต้องแก้ไขประกาศดังกล่าวว่า การปรับปรุงประกาศการกำกับความเสี่ยงด้านสารสนเทศจะช่วยให้ธนาคารเร่งพัฒนาระบบและการขัดข้องของโมบายแบงกิ้งลดน้อยลงกว่าเดิม ซึ่งปัจจุบันสำรวจพบว่าธนาคารพาณิชย์หลายแห่งมีอัตราและจำนวนครั้งของระบบโมบายแบงก์กิ้งที่ขัดข้องลดลง
การขยับตัวของธนาคารแห่งประเทศไทยในครั้งนี้ถือว่ามีนัยสำคัญอย่างปฏิเสธไม่ได้ เนื่องจากเป็นการกระตุ้นให้สถาบันการเงินต้องพัฒนาศักยภาพในการให้บริการทางการเงินผ่านระบบดิจิทัล และแสดงความรับผิดชอบต่อประชาชนที่เป็นลูกค้าของสถาบันการเงินด้วย หลังจากก่อนหน้านี้ยังไม่มีมาตรการกำหนดโทษแก่สถาบันการเงินที่ชัดเจน มีแค่เพียงบางกรณีที่ธนาคารแห่งประเทศไทยมีหนังสือให้ผู้บริหารสถาบันการเงินบางรายชี้แจง ถึงสาเหตุที่ทำให้ระบบโมบายแบงกิ้งขัดข้อง พร้อมกับกำชับให้สถาบันการเงินที่เกิดปัญหาเร่งปรับปรุงแก้ไขเท่านั้น
ดังนั้น การที่ธนาคารแห่งประเทศไทยเตรียมออกประกาศฉบับใหม่ ถือว่าเป็นการสร้างความมั่นใจและเพิ่มคุ้มครองให้กับประชาชน และจะยิ่งเสริมสร้างให้ระบบสังคมไร้เงินสดขยายวงกว้างมากขึ้น อันจะเป็นผลดีต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศไทยในระยะยาว
——————————–
**หมายเหตุ
ดาวโหลดแอป Sondhi App ได้แล้ว
ระบบ iOS ไปที่ AppStore : https://apps.apple.com/th/app/sondhi-app/id1588046647
ระบบ android ไปที่ Google Play : https://play.google.com/store/apps/details?id=com.sondhitalk.asia.android
สมัครสมาชิกได้แล้ววันนี้
รายเดือนเพียง เดือนละ 99 บาท
รายปี 990 บาท (10 เดือน แถม 2 เดือน )
ถ้ามีปัญหาการใช้งาน app หรือการสมัครสมาชิกใน app ติดต่อสอบถามได้ที่ Line id : @sondhitalk หรือ https://lin.ee/Skns1k1