(คลิป)ชาวโคราชเก็บ“กระบก”อัลมอนด์เมืองไทย คั่วขายสร้างรายได้หน้าหนาว เผยสรรพคุณสุดเด็ดแห่สั่งซื้อ
ศูนย์ข่าวนครราชสีมา– ชาวหนองบุญมาก โคราช ตระเวนเก็บ “กระบก” อัลมอนด์เมืองไทย คั่วขายสร้างรายได้หน้าหนาว สืบสานวิถีชีวิตชนบทก่อนเลือนหาย ลูกค้าแห่ซื้อสั่งซื้อทางออนไลน์คั่วขายไม่ทัน เผยสรรพคุณบำรุงผิว บำรุงสมอง หัวใจ ป้องกันมะเร็งเต้านมเป็นยาถ่ายพยาธิและเพิ่มกำลังทางเพศ
วันนี้ (28 พ.ย.) นายฉอ้อน รักกลาง วัย 58 ปี ชาวบ้านเสริมสุข หมู่ที่ 8 ต.หนองตะไก้ อ.หนองบุญมาก จ.นครราชสีมา ออกตระเวนหาเก็บลูกกระบก หรือที่หลายคนเรียกว่า “อัลมอนด์เมืองไทย” ในช่วงหน้าหนาวปีนี้ เพื่อนำมาคั่วขายสร้างรายได้เสริมให้กับครอบครัว แม้ทำเงินได้ไม่มากนัก แต่ถือว่าได้ออกกำลังกายคลายหนาวสร้างความอบอุ่นให้กับร่างกาย และยังเป็นการสืบสานวิถีชาวบ้านในชุมชนที่กำลังจะเลือนหายให้กลับมาสู่สังคมไทยด้วย ซึ่งกระบก เป็นพืชหายากที่เติบโตอยู่ตามหัวไร่ปลายนา ส่วนสาเหตุที่ได้ชื่อว่า “อัลมอนด์เมืองไทย” เนื่องจากเมล็ดที่นำมารับประทานจะมีความมัน กรอบ และหอม อร่อยคล้ายกับเมล็ดอัลมอนด์
นายฉอ้อน รักกลาง บอกว่า กระบก หรือที่เรียกกันว่าอัลมอนด์เมืองไทย ในปัจจุบันยังคงมีให้เห็นได้ตามป่าใหญ่ แต่บางส่วนยังคงหลงเหลือให้เห็นตามหัวไร่ปลายนา ซึ่งในช่วงหน้าหนาวทุกปี ลูกกระบกจะเริ่มแห้งและร่วงหล่น เป็นช่วงที่สามารถนำมารับประทานได้ ก่อนหน้านี้ตนเห็นลูกกระบกร่วงหล่นตามพื้น ไม่มีใครสนใจ จึงเก็บมาคั่วไว้กินตามที่พ่อแม่ได้เคยทำให้เห็นแต่ดั้งเดิม แต่ต้องเลือกเอาลูกกระบกที่แห้งแล้ว นำมาเผาไฟให้เนื้อที่อยู่รอบนอกไหม้ออกให้หมด
จากนั้นจะเหลือเมล็ดด้านในซึ่งมีเปลือกแข็งหุ้มเนื้อเมล็ดเอาไว้อีกชั้น จะใช้ค้อนกะเทาะเอาเนื้อเมล็ดที่อยู่ด้านในอีกชั้นออกมา และนำไปคั่วให้หอม ประมาณ 1 ชั่วโมงจะได้เมล็ดกระบกที่มีรสชาติหอมมัน ไว้รับประทานเป็นของขบเคี้ยว ทานเล่น หรือนำไปทานคู่เคียงกับอาหารหลากหลายชนิด โดยเฉพาะส้มตำจับคู่ทานเข้ากันได้อย่างดี ซึ่งเคล็ดลับสำคัญของการคั่วกระบกให้หอม จะต้องใช้ไม้ฟืนที่มีความหอม อย่างเช่นไม้ยูคาลิปตัส ยิ่งเพิ่มความหอมให้กับกระบกมากยิ่งขึ้นไปอีก
การนำกระบกมาทานจะมีขั้นตอนค่อนข้างยุ่งยาก จึงทำให้คนรุ่นหลังเริ่มหลงลืมและไม่อยากเสียเวลา นำมาทำกินกันแล้ว แต่ในเมื่อตนเองหามาแล้ว ก็คั่วแจกจ่ายให้เพื่อนบ้านได้ลองทาน ซึ่งมีคนสนใจติดต่อขอสั่งซื้อเข้ามาต่อเนื่อง จนตอนนี้หากระบกมาคั่วส่งขายไม่ทัน ต้องสั่งซื้อจากพื้นที่อื่นเข้ามาคั่วขาย โดยคั่วใส่ถุง ขายถุงละ 20 บาท หนึ่งถุงน้ำหนักประมาณ 1 ขีด
ลูกค้าส่วนใหญ่จะเป็นคนในพื้นที่ที่ทราบข่าวผ่านทางเฟซบุ๊กของตนเองสั่งซื้อเข้ามา ทำให้มีรายได้เข้าครอบครัวส่วนหนึ่ง แม้ไม่มากแต่ก็พอได้ค่าแรงและค่าขนมลูกหลาน อีกทั้งยังเป็นการใช้เวลาว่างหาอะไรทำ สร้างรายได้เสริมเป็นอย่างดี โดยเฉพาะช่วงหน้าหนาว การออกไปหาเก็บกระบกมาคั่ว ถือว่าได้ออกกำลังกายสร้างความแข็งแรงได้อีกทางหนึ่ง อีกทั้งช่วยสืบสานวิถีชีวิตชุมชนของให้ลูกหลานได้เรียนรู้และสืบสานต่อกัน ก่อนที่จะเลือนหายไปอีกด้วย
นอกจากกระบกจะเป็นอาหารที่มีรสชาติอร่อย ยิ่งเคี้ยวยิ่งมันแล้ว เชื่อกันว่า เมล็ดกระบกยังมีสรรพคุณหลากหลาย อาทิ มีสรรพคุณบำรุงผิว บำรุงอวัยวะภายใน สมอง หัวใจ ป้องกันมะเร็งเต้านม เป็นยาถ่ายพยาธิ และเพิ่มกำลังทางเพศ เป็นต้น
สำหรับกระบก เป็นไม้ยืนต้นขนาดกลางถึงขนาดใหญ่ สูงได้ถึง 35 เมตร เปลือกสีเทาอมน้ำตาล จะเรียบหรือแตกเป็นสะเก็ดเล็กๆ ใบแก่ผิวเรียบ ด้านบนเขียวเข้มเป็นมัน ด้านล่างมักจะนวลสีเขียวเทา ออกดอกให้ผล เมื่อผลสุกมีสีเหลือง เนื้อสีส้มเมล็ดแข็ง รูปไข่หรือรูปรีแกมรูปไข่ ค่อนข้างแบน เนื้อในเมล็ดสีขาว และมีน้ำมัน พบตามป่าเต็งรัง ป่าชายหาด ป่าเบญจพรรณ ป่าดิบแล้ง ตลอดจน ป่าดิบชื้น ออกดอกระหว่างเดือนมกราคม-มีนาคม ออกผลระหว่างช่วงเดือนกุมภาพันธ์- สิงหาคม เนื้อในเมล็ดนำมาคั่วสุก มีรสมัน รับประทานได้ น้ำมันจากเมล็ดใช้ทำอาหาร สบู่ และเทียนไขได้ ส่วนผลสุกเป็นอาหารสัตว์ป่าได้ด้วย