ประมวลข่าวทั่วไทยประจำวันที่ 13 ตุลาคม …
ประมวลข่าวทั่วไทยประจำวันที่ 13 ตุลาคม 2566
ประมวลข่าวทั่วไทยประจำวันที่ 13 ตุลาคม 2566
การเมือง/มั่นคง
นายกฯ โพสต์ข้อความผ่านทวิตเตอร์ ยืนยัน 3 สายการบิน จะส่งเที่ยวบินรับคนไทยทุกวัน
นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความผ่านทวิตเตอร์ ยืนยันการหารือกับสามสายการบิน การบินไทย นกแอร์ และแอร์เอเชีย จะจัดส่งเที่ยวบินรับคนไทยที่ต้องการกลับบ้านจากพื้นที่เหตุการณ์ความรุนแรงที่อิสราเอล ทุกวันจนครบจำนวนผู้ต้องการกลับประเทศไทย
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ได้รับรายงานว่าวันนี้ทีมกระทรวงการต่างประเทศได้หารือกับการบินไทย นกแอร์ และแอร์เอเชีย เพื่อวางแผนจัดเที่ยวบินอพยพคนไทยกลับจากอิสราเอลโดยด่วน ตั้งแต่นี้ไปจนถึงสิ้นเดือนนี้ จะมีเที่ยวบินไปรับคนไทยที่ต้องการกลับบ้าน กลับมาประเทศไทยทุกวัน จนจบภารกิจครับ ขอขอบคุณทั้งสามสายการบินที่สนับสนุนเครื่องบินเพื่อช่วยเหลือคนไทยในภารกิจสำคัญนี้ด้วย
นายกรัฐมนตรี กังวลใจต่อความปลอดภัยของคนไทย กำชับการทำงานทุกจุด ประสานขอความร่วมมือจากทุกทาง โดยให้ความสำคัญต้องการให้คนไทยที่ประสงค์กลับบ้านได้กลับบ้านอย่างปลอดภัย
นายกฯ หารือทูตอิสราเอลขอเร่งช่วยนำคนไทยไปพื้นที่ปลอดภัย
นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังการหารือกับนางสาวออร์นา ซากิฟ เอกอัครราชทูตรัฐอิสราเอลประจำประเทศไทย เกี่ยวกับแนวทางการช่วยเหลือคนไทยในประเทศอิสราเอล ว่า ได้ขอร้องให้ทางอิสราเอลเร่งช่วยนำร่างผู้เสียชีวิตชาวไทยกลับประเทศได้โดยเร็วที่สุด ซึ่งทางทูตอิสราเอลยืนยันว่าจะให้ความช่วยเหลืออย่างเต็มที่ แต่ต้องใช้ระยะเวลาเนื่องจากมีผู้เสียชีวิตนับ 1,000 ราย ซึ่งต้องมีการพิสูจน์อัตลักษณ์ให้ถูกต้องก่อนและผลต่อการใช้สิทธิ์เยียวยาค่าเสียหายต่างๆ ให้กับทายาทด้วย
โดยล่าสุด มีชาวไทยที่แสดงความประสงค์อต้องการเดินกลับประเทศแล้วกว่า 6,000 คน แต่เบื้องต้นสามารถลำเลียงคนออกมายังที่ปลอดภัยได้วันละประมาณ 200 คน และมีรายงานว่าสามารถอพยพชาวต่างชาติรวมทั้งคนไทยออกจากพื้นเขตเรดโซนคือ ที่รัศมี 4 กิโลเมตรรอบฉนวนกาซา ออกมาได้แล้วร้อยละ 99 ทำให้ค่อนข้างสบายใจขึ้น นอกจากนี้ ยังได้หารือเกี่ยวกับการช่วยเหลือตัวประกันชาวไทย โดยเน้นย้ำว่าประเทศไทยไม่ใช่คู่ขัดแย้ง แต่กลับเป็นประเทศที่สูญเสียมากเป็นอันดับ 2 และยืนยันว่ารัฐบาลมีความพยายามใช้ทุกช่องทางในการเจรจาเพื่อช่วยเหลือตัวประกันชาวไทยออกมาได้อย่างปลอดภัย
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เรื่องสำคัญในขณะนี้คือ จำนวนเที่ยวบินที่จะลำเลียงคนไทยกลับบ้าน ขณะนี้ยังได้มาเพียง 1-2 ไฟลท์ ยังไม่เพียงพอกับความต้องการและหวังว่านานาประเทศจะช่วยอำนวยความสะดวกให้กับประเทศไทยในการขออนุญาตผ่านน่านฟ้า ซึ่งในเย็นวันนี้จะร่วมหารือกับกระทรวงการต่างประเทศเพื่อพิจารณาแผนงานทั้งหมดในการนำคนไทยกลับให้ได้โดยเร็ว ซึ่งทางทูตอิสราเอลให้ความมั่นใจว่าให้ความสำคัญสูงสุดกับการนำคนออกจากจุดต่างๆ ไปยังพื้นที่ปลอดภัยและพร้อมส่งกลับไทยได้เมื่อมีเที่ยวบินมารับ
นอกจากนี้ กระทรวงการต่างประเทศ ยังอยู่ระหว่างการเจรจากับประเทศที่สามให้เป็นอีกสถานที่พักคอยของคนไทยเพื่อรอเครื่องบินไปรับ เพื่อให้การนำคนไทยกลับรวดเร็วยิ่งขึ้น เบื้องต้นมีประเทศอียิปต์ซาอุดีอาระเบีย และดูไบ
สถานการณ์ความรุนแรงในพื้นที่ตะวันออกกลางยังคงมีความน่าเป็นห่วง
นางกาญจนา ภัทรโชค อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ เปิดเผยว่า นายกรัฐมนตรีได้เน้นย้ำถึงการช่วยเหลือคนไทย ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ตะวันออกกลาง ให้ถือเป็นภารกิจของชาติ ขอให้ทุกหน่วยงานให้ความสำคัญสูงสุด ส่วนรายงานชาวไทยผู้ที่รับผลกระทบจากเหตุการณ์ดังกล่าว ยังคงเท่ากับเมื่อวานที่ผ่านมา (12 ต.ค. 66) โดยจำแนกเป็นผู้เสียชีวิต 21 ราย ผู้บาดเจ็บ 14 คน ผู้ที่คาดว่าถูกจับไป 16 คน และมีรายงานพบคนไทยที่หลบซ่อนอยู่เพิ่มเติมอีก 2 คน โดยภาพรวมผู้กรอกแบบฟอร์มแจ้งความประสงค์ลี้ภัยกลับสู่ประเทศไทยของสถานทูต รวมกว่า 6,800 กว่าคน โดยมีการแจ้งมีความประสงค์กลับไทยเพิ่มเป็น 6,778 คน และไม่ประสงค์กลับอีก 85 คน
ส่วนสถานการณ์ภายในยังคงมีความรุนแรง สลับกับบางช่วงที่ระงับการโจมตีไป คาดการณ์ว่าเป็นช่วงที่กลุ่มฮามาสพยายามเตรียมการตั้งรับกรณีทางการอิสราเอลอาจบุกเข้าไปในพื้นที่ จากการที่ทางการอิสราเอลได้มีการตัดน้ำตัดไฟ และประกาศโยกย้ายประชาชนออกจากพื้นที่เสี่ยงภายใน 24 ชั่วโมง
เศรษฐกิจ/ท่องเที่ยว
กระทรวงอุตสาหกรรม เตรียมแผนรับมือน้ำท่วม ชูโครงการอุตสาหกรรมรวมใจฯ ช่วยพักชำระหนี้ผู้ประกอบการ
นางสาวพิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า กระทรวงอุตสาหกรรม เตรียมแผนรับมือสถานการณ์น้ำท่วม ผ่านโครงการอุตสาหกรรมรวมใจ ช่วยพี่น้องชาวไทย เพื่อเยียวยาผู้ประกอบการและประชาชนที่ได้รับผลกระทบ ผ่านมาตรการเร่งด่วน ทั้งการพักชำระหนี้ พร้อมเร่งกำชับให้ทุกหน่วยในสังกัดกระทรวงฯ เฝ้าระวังสารเคมีอันตรายจากโรงงานในพื้นที่เสี่ยง
นอกจากนี้ ยังได้จัดทำมาตรการเร่งด่วนคือ การพักชำระหนี้ สำหรับลูกหนี้กองทุนพัฒนาเอสเอ็มอีตามแนวประชารัฐ การเฝ้าระวังการรั่วไหลของสารเคมีอันตรายและกากอุตสาหกรรม พร้อมการจัดเตรียมแผนรักษาความปลอดภัยอื่นๆ ในโรงงานอุตสาหกรรม การซ่อมแซมอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้า รถจักรยานยนต์ของประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากภัยพิบัติ และการมอบถุงยังชีพ MIND ผ่านการระดมความช่วยเหลือสนับสนุนจากหน่วยงานภาครัฐ เอกชน ผู้ประกอบการโรงงานอุตสาหกรรมทั่วประเทศ ประกอบด้วย หมวดอาหาร เช่น อาหารสำเร็จรูป อาหารกึ่งสำเร็จรูป อาหารแห้ง และน้ำดื่ม หมวดยารักษาโรค เช่น ยาสามัญประจำบ้าน ยาแก้ท้องเสีย เกลือแร่ และอุปกรณ์ล้างทำความสะอาดแผล หมวดอุปกรณ์ทำความสะอาด เช่น น้ำยาทำความสะอาดพื้น น้ำยาล้างจาน อุปกรณ์ขัดพื้น ไม้กวาด ไม้ถูพื้น และหมวดของใช้ส่วนตัว เช่น ผ้าอนามัย แปรงสีฟัน ยาสีฟัน สบู่ และยาสระผม
เกษตรกรรม/สิ่งแวดล้อม
สทนช. เร่งแผนรับน้ำหลากจากตอนบนของประเทศลงลุ่มน้ำเจ้าพระยาและจัดจราจรทางน้ำ
นายสุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) กล่าวถึงสถานการณ์น้ำในพื้นที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยาว่า ประเทศไทยเข้าสู่ปลายฤดูฝนทำให้ร่องมรสุมเลื่อนลงมาพาดผ่านภาคกลางตอนล่าง ภาคตะวันออกและภาคใต้ตอนบน ส่งผลให้พื้นที่ดังกล่าวมีฝนตกต่อเนื่อง ประกอบกับมีปริมาณน้ำหลากจากพื้นที่ตอนบน โดยเฉพาะจากแม่น้ำยมและแม่น้ำน่านเริ่มไหลลงมาในลุ่มน้ำเจ้าพระยาตอนล่างจนเกิดน้ำท่วมบางพื้นที่
สทนช. กรมชลประทานและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมกันวางแผนบริหารจัดการและจัดการจราจรทางน้ำเพื่อลดผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้น โดยใช้เครื่องมือชลประทานที่มีอยู่ในพื้นที่ตอนบนหน่วงน้ำไว้แล้วค่อยๆปล่อยลงมาลุ่มน้ำเจ้าพระยาตอนล่าง พร้อมตัดยอดน้ำผันเข้าไปเก็บไว้ในทุ่งบางระกำและบึงบอระเพ็ดให้ได้มากที่สุด จากนั้นจะผันปริมาณน้ำส่วนหนึ่งออกฝั่งตะวันออกผ่านคลองชัยนาท-ป่าสัก และฝั่งตะวันตกผ่านคลองมะขามเฒ่า แม่น้ำท่าจีน และแม่น้ำน้อย เพื่อควบคุมการระบายน้ำท้ายเขื่อนเจ้าพระยาไม่ให้เกิน 1,800 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาทีตามแผนที่วางไว้ ขณะนี้ทุ่งบางระกำสามารถตัดยอดน้ำเข้าไปกักเก็บไว้เต็มทุ่งได้แล้วประมาณ 400 ล้านลูกบาศก์เมตร
จากการสร้างกระบวนการมีส่วนร่วมกับประชาชนในพื้นที่ อาจจะเพิ่มปริมาณน้ำเข้าทุ่งบางระกำอีกประมาณ 10 – 20 เซนติเมตร ส่วนบึงบอระเพ็ดกักเก็บน้ำไว้ได้แล้วประมาณ 83 ล้านลูกบาศก์เมตร กำลังหาช่องทางนำน้ำเข้าไปกักเก็บเพิ่มขึ้นให้ได้มากที่สุดเต็มศักยภาพรวมกันได้ประมาณกว่า 100 ล้านลูกบาศก์เมตร จะเป็นผลดีทำให้มีปริมาณน้ำต้นทุนรับมือเอลนีโญได้เพิ่มขึ้น
สังคม
นายกฯ และภริยา สวดพระพุทธมนต์ ทำบุญตักบาตร ถวายพระราชกุศลเนื่องในวันนวมินทรมหาราช
นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และภริยา เป็นประธานในพิธีสวดพระพุทธมนต์และพิธีทำบุญตักบาตรพระสงฆ์จำนวน 189 รูป ถวายพระราชกุศล เนื่องในวันนวมินทรมหาราช บริเวณท้องสนามหลวง โดยมีคณะผู้บริหารส่วนงานในพระองค์ คณะผู้บริหารบุคคลสำคัญ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ข้าราชการ ผู้แทนจากภาครัฐและภาคเอกชน องค์กร ภาคีเครือข่ายและภาคประชาชน ร่วมกันสวมเสื้อสีเหลืองเข้าร่วมงาน
จากนั้นมีการถวายเครื่องราชสักการะ และจุดธูปเทียนเครื่องทองน้อย เพื่อน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เนื่องในวันคล้ายวันสวรรคต 13 ตุลาคม ครบรอบ 7 ปี
กระทรวงวัฒนธรรม จัดพิธีสวดพระพุทธมนต์ถวายพระราชกุศล รัชกาลที่ 9 ทั้งในส่วนกลาง-ภูมิภาค
นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) เป็นประธานจัดพิธีสวดพระพุทธมนต์อุทิศถวายพระราชกุศล พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เนื่องในวันนวมินทรมหาราช เพื่อรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณที่มีต่อพสกนิกรชาวไทย โดยรัฐบาลกำหนดให้วันที่ 13 ตุลาคมของทุกปีเป็น “วันนวมินทรมหาราช” หมายถึง วันที่ระลึกถึงพระมหาราชรัชกาลที่ 9 ผู้ยิ่งใหญ่
กระทรวงวัฒนธรรม จัดพิธีสวดพระพุทธมนต์อุทิศถวายพระราชกุศลฯ เพื่อแสดงออกถึงความกตัญญูกตเวทิตาธรรม การแสดงความอาลัยด้วยความจงรักภักดีและน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ โดยร่วมกับผู้นำองค์การทางศาสนา หน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชน ตลอดจนพสกนิกรทุกหมู่เหล่าทั่วประเทศ ร่วมกันบำเพ็ญกุศลสวดพระพุทธมนต์อุทิศถวายพระราชกุศลฯ ทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาค
สำหรับส่วนภูมิภาค ได้สนับสนุนสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดทั่วประเทศ ดำเนินการจัดพิธีสวดพระพุทธมนต์เช่นเดียวกับส่วนกลาง และจัดกิจกรรมตามวันเวลาและสถานที่ตามความเหมาะสมในพื้นที่ อาทิ กิจกรรมจิตอาสาบำเพ็ญสาธารณประโยชน์ จัดนิทรรศการหรือจัดทำวีดิทัศน์น้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณ และกิจกรรมเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ รวมทั้งยังร่วมกับองค์กรทางศาสนา 5 ศาสนา จัดพิธีทางศาสนาตามหลักศาสนา ได้แก่ ศาสนาพุทธ ศาสนาอิสลาม ศาสนาคริสต์ ศาสนาพราหมณ์-ฮินดู และศาสนาซิกข์
นอกจากนี้ จัดทำโปสการ์ดพระราชกรณียกิจด้านศาสนา 9 แบบ ซึ่งมีเนื้อหาเกี่ยวกับพระราชกรณียกิจด้านศาสนา 5 ศาสนา ได้แก่ ศาสนาพุทธ ศาสนาอิสลาม ศาสนาคริสต์ ศาสนาพราหมณ์-ฮินดู และศาสนาซิกข์ เพื่อแจกจ่ายให้กับประชาชนอีกด้วย
ข้อมูลข่าวและที่มา
ผู้สื่อข่าว : ธนพิชฌน์ แก้วกา
ผู้เรียบเรียง : ธนพิชฌน์ แก้วกา
แหล่งที่มา : หน่วยงานสำนักข่าว