ข่าวสารกรุงเทพฯ

ประมวลข่าวทั่วไทยประจำวันที่ 16 ตุลาคม …



ประมวลข่าวทั่วไทยประจำวันที่ 16 ตุลาคม 2566

ประมวลข่าวทั่วไทยประจำวันที่ 16 ตุลาคม 2566

ประชุมคณะรัฐมนตรี

นายกรัฐมนตรี สั่งการให้ทุกหน่วยงานภาครัฐเร่งกำจัดขยะให้เกิดความยั่งยืน

นางรัดเกล้า อินทวงศ์ สุวรรณคีรี รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี นายกรัฐมนตรีสั่งการให้หน่วยงานภาครัฐต้องเป็นต้นแบบที่ดีในการจัดการขยะอย่างยั่งยืนและต้องทำพร้อมกันทั้งระบบ ต้นทาง กลางทางและปลายทาง โดยต้นทางทุกหน่วยงานต้องลดปริมาณขยะให้ได้มากที่สุด และเน้นการนำกลับมาใช้ใหม่ ส่วนกลางทางทุกหน่วยงานต้องส่งเสริมให้มีการแยกขยะเพื่อให้ง่ายต่อการกำจัดขยะ ส่วนปลายทางหน่วยงานท้องถิ่นต้องจัดหาพื้นที่กำจัดขยะตามหลักวิชาการและเร่งกำจัดขยะตกค้าง

นายกรัฐมนตรี สั่งทำงานเชิงรุกจับผู้กระทำผิดคดีออนไลน์มาลงโทษอย่างจริงจัง

นายคารม พลพรกลาง รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุมคณรัฐมนตรีว่า ที่ประชุมนายกรัฐมนตรีมีข้อสั่งการให้เร่งรัดตามจับกุมผู้กระผิดคดีออนไลน์ หลังมีประชาชนเข้าแจ้งความแล้ว สามแสนสามหมื่นคดี มูลค่าความเสียหายประมาณ 4 หมื่น 5 พันล้านบาท จับกุมผู้กระทำผิดน้อย จึงสั่งการให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม หรือดีอีเอส เร่งดำเนินการในเชิงรุกกับกลุ่มผู้กระทำผิดมาลงโทษ รวมทั้งหามาตรการป้องกันไม่ให้เกิดคดีที่มีความเสียหายและส่งผลกระทบต่อประชาชนเป็นวงกว้าง

ครม.อนุมัติมาตรการอัตราค่าโดยสารสายสีแดงและสายสีม่วง 20 บาท ตลอดสาย ช่วยลดภาระค่าครองชีพประชาชน

นายคารม พลพรกลาง รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี อนุมัติมาตรการอัตราค่าโดยสารสูงสุด 20 บาท ตลอดสาย ตามนโยบายรัฐบาล สำหรับรถไฟชานเมืองสายสีแดง สายนครวิถี (กรุงเทพอภิวัฒน์ – ตลิ่งชัน) และสายธานีรัถยา (กรุงเทพอภิวัฒน์ – รังสิต) ของการรถไฟแห่งประเทศไทย และรถไฟฟ้ามหานคร สายฉลองรัชธรรม (สายสีม่วง) ของการไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย เพื่อช่วยลดภาระค่าครองชีพให้แก่ประชาชน

นอกจากนี้ ยังเห็นชอบหลักการมาตรการอัตราค่าโดยสารรถไฟฟ้ามหานคร สายฉลองรัชธรรม (สายสีม่วง) สูงสุด 20 บาท ตามนโยบายรัฐบาล และให้กระทรวงคมนาคมประเมินผลการดำเนินมาตรการเป็นรายปี โดยพิจารณาจากปัจจัยต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง อาทิ ปริมาณผู้โดยสารและรายได้ ซึ่งจะส่งผลต่อภาระการชดเชยจากภาครัฐและคำนึงถึงความสะดวกสบายในการเดินทางและการช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายในการเดินทางของประชาชน เพื่อใช้ประกอบการพิจารณาดำเนินมาตรการดังกล่าวในปีถัดไป

ขยายวีซ่านักท่องเที่ยวรัสเซียเพิ่ม 90 วัน ส่วนขยายเวลาสถานบริการอยู่ระหว่างการศึกษาข้อมูล

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรีว่า การขยายวีซ่าดึงนักท่องเที่ยวรัสเซียจะเพิ่มอีก 90 วัน ส่วนเรื่องการขยายเวลาสถานบริการ อยู่ระหว่างการพิจารณาศึกษาข้อมูล บริเวณใดไม่ส่งผลกระทบต่อประชาชนมากเกินไปและมีนักท่องเที่ยวมากพอก็อาจสามารถขยายขับเคลื่อนเพื่อประโยชน์ทางเศรษฐกิจ อาจต้องใช้เวลารวบรวมข้อมูลก่อนเสนอนายกรัฐมนตรี ซึ่งขณะนี้ยังเป็นเพียงการให้แนวทางในการทำงานเท่านั้น

การเมือง/มั่นคง

นายกรัฐมนตรี เยือนจีนอย่างเป็นทางการและราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย 16-21 ตุลาคมนี้

นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า วันนี้เวลา 13.00 น. นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง มีกำหนดการเดินทางไปร่วมการประชุมเวทีข้อริเริ่มสายแถบและเส้นทาง (Belt and Road Forum for International Cooperation: BRF) ครั้งที่ 3 ตามคำเชิญของนายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน และเยือนสาธารณรัฐประชาชนจีนอย่างเป็นทางการ ตามคำเชิญของนายหลี่ เฉียง นายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐประชาชนจีน รวมถึงจะเดินทางต่อไปยังกรุงริยาด ราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย เพื่อเข้าร่วมการประชุมสุดยอดอาเซียนคณะมนตรีความร่วมมือรัฐอ่าวอาหรับ (ASEAN-GCC Summit) ครั้งที่ 1 ระหว่างวันที่ 16-21 ตุลาคม 2566

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า การเข้าร่วมการประชุม BRF จะเป็นโอกาสให้นายกรัฐมนตรี เพิ่มความเชื่อมั่นต่อนักลงทุนจีนและทั่วโลก ในด้านความเชื่อมโยงทางเศรษฐกิจของไทย โครงสร้างพื้นฐาน ดิจิทัล และการพัฒนาอย่างยั่งยืน และในการเดินทางครั้งนี้ นายกรัฐมนตรี มีกำหนดการพบหารือกับผู้นำและบุคคลสำคัญหลายท่านของจีน ได้แก่ นายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน นายหลี่ เฉียง นายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐประชาชนจีน และนายจ้าว เล่อจี้ ประธานสภาประชาชนแห่งชาติสาธารณรัฐประชาชนจีน เพื่อกระชับความสัมพันธ์หุ้นส่วนความร่วมมือเชิงยุทธศาสตร์รอบด้านระหว่างไทย – จีน ให้แน่นแฟ้น และได้เสริมสร้างความร่วมมือที่ใกล้ชิด ทั้งด้านการค้า การลงทุน ความเชื่อมโยง และความสัมพันธ์ระดับประชาชน

สำหรับการเดินทางเพื่อเข้าร่วมการประชุมสุดยอดอาเซียนคณะมนตรีความร่วมมือรัฐอ่าวอาหรับ (ASEAN-GCC Summit) ครั้งที่ 1 ณ กรุงริยาด ราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย ซึ่งถือเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ความสัมพันธ์อาเซียนและ GCC ซึ่งมีสมาชิก ได้แก่ ซาอุดีอาระเบีย สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ บาห์เรน กาตาร์ คูเวต และโอมาน จะได้หารือถึงแนวทางในการส่งเสริมความร่วมมืออย่างเป็นรูปธรรม ทั้งเศรษฐกิจ การท่องเที่ยว และความสัมพันธ์ระหว่างประชาชนของทั้งสองภูมิภาค ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีจะเน้นผลักดันความร่วมมืออาเซียน-GCC และไทย-GCC ที่สำคัญ ได้แก่ เรื่องการค้าการลงทุน การพัฒนาที่ยั่งยืนและวาระสีเขียว รวมทั้งกระชับความสัมพันธ์ระหว่างประชาชนของทั้งสองภูมิภาค

รองนายกรัฐมนตรี ยืนยันเพื่อไทยเดินหน้าโครงกรเงินดิจิทัลวอลเล็ต 1 หมื่น ย้ำเมื่อเป็นนโยบายพรรคการเมืองย่อมคิดมาดีแล้ว

นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีนายสามารถ เจนชัยจิตรวนิช อดีตผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ออกมาวิพากวิจารย์นโยบายเงินดิจิทัลวอลเล็ต 1 หมื่น และตั้งข้อสังเกตว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับตนเองหรือไม่ ว่า ไม่ได้เกี่ยวข้องกันและไม่ได้พูดคุยกัน ส่วนจะต้องป้องปรามนายสามารถ และไม่ต้องไปป้องปรามอะไร ปัจจุบันไม่ได้อยู่พรรคเดียวกัน เป็นเรื่องสามัญสำนึกของแต่ละคน ที่จะพิจารณาดู ส่วนกรณีผลสำรวจนิด้าโพล พบว่าหากพรรคเพื่อไทยไม่ทำนโยบายนี้กระแสความชื่นชอบจะลดลง นั้นเชื่อว่า พรรคการเมืองหากคิดนโยบายใดแล้ว ก็ต้องมั่นใจว่าเป็นเรื่องที่ดี มีการคิดกันอย่างรอบคอบและไม่ใช่เรื่องคะแนนเสียงอะไรทั้งสิ้น เป็นเรื่องของการบริหารจัดการนโยบายมากกว่า

เศรษฐกิจ/ท่องเที่ยว

นายกรัฐมนตรี ยืนยันการขอเสียงสนับสนุนโครงการเงินดิจิทัล เป็นการรับฟังทุกเสียง นำมาปรับปรุงให้ดีขึ้น

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวถึงกรณีเรียกร้องให้ประชาชนส่งเสียงสนับสนุนโครงการดิจิทัล Wallet 10,000 บาท ยืนยันว่าเรื่องนี้ไม่ได้เป็นการแบ่งแยกประชาชน หรือเป็นการปลุกระดม แต่เป็นเพียงการรับฟังทุกเสียงจากประชาชน อยากให้ออกมาแสดงความคิดเห็น เพื่อนำไปปรับปรุงเพียงหนเดียว ยืนยันว่าเรื่องนี้เป็นนโยบายที่ดี

ส่วนที่มาของเงินยืนยันว่า จะขอแถลงเพียงครั้งเดียว ย้ำพร้อมรับฟังกรณีที่ฝ่ายค้านท้วงติงในทุกเรื่องและทุกขั้นตอน จึงมีคณะทำงานและคณะอนุกรรมการขึ้นมา ทั้งนี้ยังไม่อยากพูดเรื่องนี้ เพราะยังไม่เรียบร้อยและอาจสร้างความไม่เข้าใจเกิดขึ้นได้

เกษตรกรรม/สิ่งแวดล้อม

ยังมีอุทกภัยในพื้นที่ 6 จังหวัด ภาพรวมสถานการณ์ระดับน้ำลดลงเกือบทุกพื้นที่

กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) กระทรวงมหาดไทย ในฐานะกองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกลาง (กอปภ.ก.) รายงานจากสถานการณ์ฝนตกหนักในช่วงที่ผ่านมา ทำให้ระหว่างวันที่ 26 กันยายน – 16 ตุลาคม 2566 เกิดสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ 37 จังหวัด ประชาชนได้รับผลกระทบ 61,692 ครัวเรือน โดยในปัจจุบัน (ข้อมูลวันที่ 16 ต.ค. 66 เวลา 06.00 น.) ยังคงมีสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ 6 จังหวัด ได้แก่ เพชรบูรณ์ พิษณุโลก ร้อยเอ็ด กาฬสินธุ์ อุบลราชธานี และนครศรีธรรมราช ประชาชนได้รับผลกระทบ 14,054 ครัวเรือน

ภาพรวมสถานการณ์ระดับน้ำลดลงเกือบทุกพื้นที่ ยังคงมีที่จังหวัดกาฬสินธุ์และอุบลราชธานีที่มีระดับน้ำเพิ่มขึ้น สำหรับการแก้ไขปัญหาและให้การช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย โดยสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดได้ประสานจังหวัด องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่ช่วยเหลือผู้ประสบภัยและแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนอย่างเร่งด่วน โดยระดมกำลังเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการพร้อมเครื่องจักรกลด้านสาธารณภัย อาทิ เครื่องสูบส่งน้ำระยะไกล เครื่องสูบน้ำ รถเคลื่อนย้ายผู้ประสบภัย รถผลิตน้ำดื่ม รถประกอบอาหาร เพื่อแก้ไขปัญหา เร่งระบายน้ำ และบรรเทาความเดือดร้อนแก่ประชาชนที่ได้รับผลกระทบ

สำหรับพื้นที่ที่สถานการณ์คลี่คลายแล้วได้ระดมกำลังเจ้าหน้าที่ฟื้นฟูพื้นที่ประสบภัยให้กลับสู่ภาวะปกติโดยเร็ว เพื่อให้ประชาชนสามารถกลับมาดำเนินชีวิตได้ตามปกติโดยเร็วที่สุด รวมถึงจัดเจ้าหน้าที่เข้าสำรวจและจัดทำบัญชีความเสียหาย เพื่อดำเนินการช่วยเหลือตามระเบียบกระทรวงการคลังฯ ต่อไป

ทั้งนี้ ประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากสาธารณภัย สามารถแจ้งเหตุและขอความช่วยเหลือทางไลน์ “ปภ.รับแจ้งเหตุ 1784” และสายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง นอกจากนี้ ประชาชนยังสามารถติดตามประกาศการแจ้งเตือนภัยได้ที่แอปพลิเคชัน “THAI DISASTER ALERT” ทุกที่ ทุกเวลา

สภาพอากาศยังคงแปรปรวน เริ่มเข้าสู่ช่วงปลายฝนต้นหนาวปลายตุลาคมนี้

ว่าที่ร้อยตรี ธนะสิทธิ์ เอี่ยมอนันชัย รองอธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา กล่าวว่า ในช่วงสัปดาห์นี้ วันที่ 16 – 19 ต.ค. 66 ความกดอากาศสูงกำลังอ่อน หรือมวลอากาศเย็นจากประเทศจีนปกคลุมประเทศไทยตอนบน ขณะร่องมรสุมพาดผ่านภาคตะวันออกและภาคใต้ตอนบน เข้าหย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรงบริเวณทะเลจีนใต้ ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ยังคงพัดปกคลุมทะเลอันดามันและอ่าวไทย ลักษณะเช่นนี้ทำให้ภาคใต้มีฝนฟ้าคะนองและมีฝนตกหนักถึงหนักมาก หลังจากนั้นความกดอากาศสูง หรือมวลอากาศเย็นอีกระลอกจากประเทศจีนจะแผ่ลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบนและทะเลจีนใต้ ทำให้บริเวณดังกล่าวมีฝนฟ้าคะนองเกิดขึ้นได้

สำหรับบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบน มีคลื่นสูง 1 – 2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างและอ่าวไทยตอนล่างมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร ขอให้ประชาชนบริเวณภาคใต้ระวังอันตรายจากลมกระโชกแรง ฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม รวมทั้งเพิ่มความระมัดระวังในการสัญจรผ่านบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง ชาวเรือควรเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองไว้ด้วย

ส่วนช่วง 20 – 25 ต.ค.66 มวลอากาศเย็นจะแผ่ลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบน ทำให้ลมหนาว เริ่มพัดปกคลุมภาคเหนือ ภาคอีสานตอนบน ทำให้มีฝนในช่วงแรกๆ บริเวณภาคเหนือ ภาคอีสาน ภาคกลาง ส่วนใหญ่ยังเป็นฝนเล็กน้อยถึงปานกลาง

อย่างไรก็ตาม สภาพอากาศยังคงมีการเปลี่ยนแปลงได้ในระยะนี้ เนื่องจากปลายเดือนตุลาคมเป็นช่วงเปลี่ยนจากฤดูฝนเข้าสู่ฤดูหนาว ทำให้บริเวณประเทศไทยตอนบนลักษณะอากาศจะแปรปรวนโดยมีฝนฟ้าคะนองในหลายพื้นที่และมีอากาศหนาวเย็นในตอนเช้าเป็นระยะๆ โดยเฉพาะภาคเหนือและภาคอีสาน ทั้งนี้ กรมอุตุนิยมวิทยาขอให้ประชาชนติดตามประกาศจากเว็บไซต์กรมอุตุนิยมวิทยา หรือโทร 0-2399-4012-13 และ 1182 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง

สังคม

อพยพคนไทยในอิสราเอลกลับประเทศ เที่ยวแรกอย่างอบอุ่นและประสบความสำเร็จ แรงงานไทยทุกคนปลอดภัย

เมื่อเวลา 06.50 น. เครื่องบิน A340-500 ของกองทัพอากาศเที่ยวบินแรกที่เดินทางไปอพยพคนไทยในอิสราเอล เดินทางถึงท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 6 เป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยมีนายสุทิน คลังแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พร้อมด้วยพลอากาศเอก เสกสรร คันธา เสนาธิการทหารอากาศ ผู้แทนผู้บัญชาการทหารอากาศ ตัวแทนจากกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงแรงงาน กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กรมการกงสุล กรมประชาสัมพันธ์ เจ้าหน้าที่กองทัพอากาศ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมมารอต้อนรับและให้กำลังใจกับแรงงานไทย 130 คนด้วยความอบอุ่น

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวให้โอวาทและให้กำลังใจแก่ทีมที่ออกไปปฏิบัติภารกิจและแรงงานไทยที่เดินทางกลับประเทศว่า ดีใจที่เห็นทุกคนกลับมาอย่างปลอดภัยและสามารถปฏิบัติภารกิจในการอพยพคนไทยกลับมาอย่างสำเร็จด้วยดี นอกจากนี้ ได้ชี้แจ้งจำนวนแรงงานไทยที่ไม่ได้กลับมาตามจำนวนที่แจ้งไว้ 138 คน ที่รอการตรวจสอบอยู่ ซึ่งคาดว่าอาจเกิดจากความพร้อมของตัวบุคคล รวมถึงเส้นทางภาวะสงครามที่เป็นอุปสรรค

สำหรับการเดินทางกลับประเทศไทย ได้มีการตรวจร่างกายเพื่อตรวจสอบความพร้อมบินของผู้โดยสารโดยทีมแพทย์ทหารอากาศ และการตรวจความปลอดภัยก่อนขึ้นเครื่องบินโดยเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยบนอากาศยานและมีลูกเรือดูแลอำนวยความสะดวกตลอดเส้นทางการบิน ซึ่งภาพรวมของผลการปฎิบัติภารกิจในครั้งนี้ เป็นไปด้วยความเรียบร้อยตามที่กองทัพอากาศวางแผนไว้ เมื่อเดินทางถึงสนามบินดอนเมือง ผู้โดยสารจะผ่านกระบวนการตรวจร่างกาย การตรวจคนเข้าเมือง การตรวจสอบสิทธิ ก่อนเดินทางไปสถาบันบำราศนราดูรเป็นลำดับต่อไป ก่อนแยกย้ายกลับภูมิลำเนา นอกจากนี้ แผนการบินของกองทัพอากาศมีอีก 5 เที่ยวบิน โดยเที่ยวบินถัดไปจะออกเดินทางไปประเทศอิสราเอลโดยใช้เส้นทางเดิมในวันที่ 18 ตุลาคมนี้

แนะช่วงเทศกาลกินเจ เลือกกินผัก ผลไม้ ปลอดภัย ใส่ใจล้างมือ สร้างสุขภาพดี

นายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข ตรวจเยี่ยมเสริมพลัง “กินเจ กินผัก ปลอดภัย ใส่ใจการล้างมือ” ที่กรมอนามัยจัดขึ้น พร้อมกล่าวว่า สิ่งที่กระทรวงสาธารณสุขเน้นย้ำมากช่วงเทศกาลกินเจของทุกปีคือ สุขอนามัยการปรุงประกอบอาหารและคุณค่าทางโภชนาการ เพราะร้านค้าจะนิยม

ปรุงอาหารเจในปริมาณมากมาวางจำหน่าย อาจพบความเสี่ยง เช่น อาหารที่ปรุงไม่สะอาด ไม่ถูกสุขลักษณะ อาจส่งผลเสียต่อสุขภาพ ดังนั้น การเลือกซื้ออาหารเจก่อนเลือกซื้อผู้บริโภคควรคำนึงถึงความสะอาด ความปลอดภัย คุณค่าและราคา รวมถึงการเลือกกินอาหารอุ่นร้อน ใช้ช้อนกลางส่วนตัว หมั่นล้างมือ เพื่อป้องกันโรค นอกจากนี้ ผู้บริโภคควรเลี่ยงอาหารที่มีแป้งและไขมันมาก อาหารเจส่วนใหญ่ประกอบด้วย แป้ง ธัญพืช ถั่ว งา เต้าหู้ อาจทำให้ขาดโปรตีนและธาตุเหล็กได้

จึงควรเลือกพืชที่ทดแทนโปรตีน ได้แก่ ถั่วเมล็ดแห้ง โปรตีนเกษตร เต้าหู้ และผักใบเขียวเข้ม ซึ่งมีธาตุเหล็กสูง เลือกผักผลไม้ให้หลายสี เพื่อให้ได้วิตามินและแร่ธาตุครบตามที่ร่างกายต้องการ และลด หวาน มัน เค็ม ควรเลือกกินอาหารจากร้านอาหารที่สะอาดผ่านมาตรฐานอาหารสะอาด รสชาติอร่อย : Clean Food Good Taste สำหรับผักสด ผลไม้ โปรตีนเกษตร ต้องแน่ใจว่ามาจากแหล่งผลิตที่เชื่อถือได้ โดยเลือกซื้อวัตถุดิบจากตลาดที่ผ่านการรับรองมาตรฐานตลาดสดน่าซื้อ วิถีใหม่ ของกรมอนามัย มีจำนวน 1,565 แห่งทั่วประเทศ ซึ่งผ่านระดับดีและดีมาก จำนวน 1,351 แห่ง หรือร้อยละ 85.82 และตลาดที่ผ่านการรับรองจากหน่วยงานราชการ อีกทั้งเครื่องปรุงรสต้องมีเครื่องหมาย อย. เครื่องหมาย มอก. เป็นต้น ที่สำคัญก่อนกินหรือก่อนนำผักและผลไม้มาปรุงอาหาร ต้องล้างให้สะอาดทุกครั้ง ด้วย 3 วิธีคือ การล้างด้วยน้ำไหล สามารถลดสารพิษได้ร้อยละ 25-65 การล้างด้วยผงฟู หรือเบคกิ้งโซดาช่วยลดสารพิษได้ถึงร้อยละ 90-95 และการล้างด้วยน้ำส้มสายชู ช่วยลดสารพิษได้ร้อยละ 60-84 และยังสามารถล้างไข่พยาธิได้

ด้านแพทย์หญิงอัจฉรา นิธิอภิญญาสกุล รักษาราชการแทนอธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า ผู้ปรุง ผู้เสิร์ฟ และประชาชนควรหมั่นล้างมือด้วยน้ำและสบู่ โดยยึดหลัก 2 ก่อน 5 หลัง 7 ขั้นตอนคือ ล้างมือก่อนทำอาหารและรับประทานอาหาร และ 5 หลัง หลังเข้าห้องส้วม หยิบจับ สิ่งสกปรก เยี่ยมผู้ป่วย สัมผัสหรือเล่นกับสัตว์ และหลังกลับมาจากนอกบ้านโดยการล้างมือทุกขั้นตอนทำ 5 ครั้ง สลับกันทั้ง 2 ข้าง เพื่อป้องกันโรค




ข้อมูลข่าวและที่มา

ผู้สื่อข่าว : ธนพิชฌน์ แก้วกา

ผู้เรียบเรียง : ธนพิชฌน์ แก้วกา

แหล่งที่มา : หน่วยงานสำนักข่าว



Source link