ประมวลข่าวทั่วไทยประจำวันที่ 15 พฤศจิกายน …
ประมวลข่าวทั่วไทยประจำวันที่ 15 พฤศจิกายน 2566
ประมวลข่าวทั่วไทยประจำวันที่ 15 พฤศจิกายน 2566
การเมือง/มั่นคง
ศาลรัฐธรรมนูญนัดพิจารณาคดีนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ และพรรคก้างไกล ต่อในวันพุธหน้า
ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ประชุมพิจารณาคดีที่นายธีรยุทธ สุวรรณเกษร (ผู้ร้อง) ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 ว่า การกระทำของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล (ผู้ถูกร้องที่ 1) และพรรคก้าวไกล(ผู้ถูกร้องที่ 2) ที่เสนอร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ ..) พ.ศ… กฎหมายอาญา มาตรา 112 โดยใช้เป็นนโยบายในการหาเสียงเลือกตั้งและยังคงดำเนินการอย่างต่อเนื่อง เป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 วรรคหนึ่ง หรือไม่ ศาลรัฐธรรมนูญ พิจารณาโดยการอภิปรายและกำหนดนัดพิจารณาคดีต่อในวันพุธที่ 22 พฤศจิกายน 2566 เวลา 09.30 น.
นอกจากนี้ ยังพิจารณาคดีที่ คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 82 ว่า สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 101(6) ประกอบ มาตรา 98 (3) หรือไม่ กรณีเป็นผู้ถือหุ้นในบริษัท ไอทีวี จำกัด (มหาชน) ซึ่งประกอบกิจการหนังสือพิมพ์หรือสื่อสารมวลชนใดๆ อยู่ในวันที่สมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อ เป็นเหตุให้สมาชิกภาพของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของผู้ถูกร้องสิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 101 (6) ประกอบมาตรา 98 (3) ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้ผู้ถูกร้องหยุดปฏิบัติหน้าที่จนกว่าศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 82 วรรคสอง และขอให้ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้ตำแหน่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของผู้ถูกร้องว่างลงนับแต่วันที่ศาลรัฐธรรมนูญอ่านคำวินิฉัยให้แก่คู่กรณีฟังตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 1-5 วรรคหนึ่ง (2) และศาลรัฐธรรมนูญ มีคำสั่งรับคำร้องนี้ไว้พิจารณาวินิจฉัยและสั่งให้ผู้ถูกร้องหยุดปฏิบัติหน้าที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรนับแต่วันที่ 19 กรกฎาคม 2566 จนกว่าศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัย ต่อมาผู้ถูกร้องยื่นคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหา พร้อมบัญชีระบุพยานเอกสาร พยานบุคคล และพยานวัตถุ ฉบับลงวันที่ 2 ตุลาคม 2566 และบัญชีระบุพยานบุคคล เพิ่มเติม ครั้งที่ 1 ฉบับลงวันที่ 18 ตุลาคม 2566 ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาโดยการอภิปรายและกำหนดนัดพิจารณาคดีต่อในวันพุธที่ 22 พฤศจิกายน 2566 เวลา 09.30 น.
ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ยังพิจารณากรณีที่ประธานสภาผู้แทนราษฎร ส่งคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคสาม ประกอบมาตรา 82 ว่า ความเป็นรัฐมนตรีของ นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (5) ประกอบมาตรา 187 ว่า นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม (ผู้ถูกร้อง) ยังคงไว้ ซึ่งหุ้นส่วนและยังคงเป็นผู้ถือหุ้นและเจ้าของห้างหุ้นส่วนจำกัด บุรีเจริญคอนสตรัคชั่น อย่างแท้จริง ซึ่งจะทำให้ผู้ถูกร้องเข้าไปเกี่ยวข้องกับการบริหารจัดการหุ้นหรือกิจการของห้างหุ้นส่วน เป็นการกระทำอันเป็นการต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 187 ประกอบพระราชบัญญัติการจัดการหุ้นส่วนและหุ้นของรัฐมนตรี พ.ศ. 2543 มาตรา 4 (1) เป็นเหตุให้ความเป็นรัฐมนตรีของผู้ถูกร้องสิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (5) หรือไม่ ผู้ร้องจึงส่งคำร้องเพื่อขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคสาม ประกอบมาตรา 82 และศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาข้อเท็จจริงตามคำร้องและเอกสารประกอบคำร้องแล้วมีคำสั่งรับคำร้องนี้ไว้พิจารณาวินิจฉัยและสั่งให้ผู้ถูกร้องหยุดปฏิบัติหน้าที่รัฐมนตรีตั้งแต่วันที่ 3 มีนาคม 2566 จนกว่าศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัย ศาลรัฐธรรมนูญ พิจารณาโดยการอภิปราย ทั้งนี้ คดีอยู่ระหว่างคู่กรณีมาตรวจพยานหลักฐานและพยานบุคคลยื่นบันทึกถ้อยคำยืนยันข้อเท็จริงหรือความเห็น จึงกำหนดนัดพิจารณาคดีต่อในวันพุธที่ 29 พฤศจิกายน 2566 เวลา 09.39 น.
เศรษฐกิจ/ท่องเที่ยว
นายกรัฐมนตรี พบผู้บริหาร Open AI ซึ่งเป็นที่นิยมสูงสุดในยุคนี้ พร้อมเดินหน้าเชิญชวนตั้งสาขาในไทย
ภารกิจของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ที่นครซานฟรานซิสโก สหรัฐอเมริกา โดยเปิดเผยว่า ได้มีโอกาสพบกับนายแซม อัลท์แมน ผู้บริหารสูงสุดของบริษัท Open AI ซึ่งมีผลงานเด่น คือ ChatGPT และเป็นคนที่มีชื่อเสียงที่สุดในโลกคนหนึ่ง ที่จะพาไปเยี่ยมชมบริษัท ซึ่งเป็นเรื่องที่น่ายินดี โดยมีศูนย์วิจัย (Research Center) อยู่ที่อังกฤษและสหรัฐอเมริกา แต่ยังขาดในเอเชีย จึงเป็นหน้าที่ของไทยที่ต้องไปโน้มน้าวให้เข้ามาตั้งศูนย์วิจัยในไทย ซึ่งถือเป็นภารกิจหลักที่จะทำให้สำเร็จต่อไป
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรี ยังมองว่าทำเลที่ตั้งที่เหมาะสมที่คาดว่า บริษัท Open AI จะสนใจคือ จังหวัดเชียงใหม่ หรือภูเก็ต เพราะเป็นจังหวัดที่มีระบบนิเวศ (Eco system) ที่เหมาะสม แต่ยังต้องดูประเด็นอื่นประกอบด้วย ซึ่งทั้งหมดต้องขึ้นอยู่กับความพึงพอใจของลูกค้าเป็นสำคัญไม่สามารถไปบังคับกำหนดทิศทางได้ อย่างไรก็ตาม ส่วนตัวเชื่อว่าการที่ผู้บริหารสูงสุดอันดับ 1 เปิดโอกาสให้เข้าพบ ย่อมแสดงว่ามีความสนใจประเทศไทยแและถือเป็นเรื่องที่ดี
นายกรัฐมนตรี พบนักศึกษาไทยในมหาวิทยาลัยสแตนเฟิร์ด นครซานฟรานซิสโก เชิญชวนให้กลับมาทำงานที่ไทย
นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ซึ่งอยู่ระหว่างการเยือนนครซานฟรานซิสโก สหรัฐอเมริกา โดยนายกรัฐมนตรีได้พบหารือผู้บริหารมหาวิทยาลัยสแตนเฟิร์ด และพบปะนักศึกษาไทย ที่มหาวิทยาลัยสแตนเฟิร์ด (Stanford University) โดยนายกรัฐมนตรีกล่าวกับนักศึกษาไทยว่า หน้าที่ของรัฐบาลคือ ทำให้นักศึกษาเห็นว่าประเทศไทยมีอนาคตและเชิญชวนให้พยายามกลับมาทำงานต่อที่ไทย และในการเดินทางมาเข้าร่วมประชุมเอเปค ครั้งที่ 30 นี้ รัฐบาลได้เชิญชวนนักลงทุนต่างประเทศหลายรายมาร่วมหารือและในอนาคตอันใกล้เตรียมลงนาม MOU กับหลายบริษัทที่ลงทุนอยู่ในไทยเพื่อขยายงานที่เมืองไทย เพื่อรองรับการกลับไปของนักศึกษาที่อยู่ต่างประเทศ
นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวถึงการเลือกไปเยี่ยมชมมหาวิทยาลัยสแตนเฟิร์ด เพราะเป็นมหาวิทยาลัยระดับโลกที่ดีที่สุดในโลกมหาวิทยาลัยหนึ่งและมาเพื่อให้เห็นว่ารัฐบาลนี้มีความตั้งใจจริงที่จะทำให้เกิดการลงทุนครั้งใหญ่ เพื่อสร้างโอกาสสร้างงานให้นักศึกษาไทยในต่างประเทศให้กลับไปเป็นกำลังสำคัญของชาติไปมีอนาคตที่ดีกว่าที่เมืองไทย
เกษตรกรรม/สิ่งแวดล้อม
เชิญชวนประชาชนลอยกระทงปีนี้ เน้นไม่สร้างภาระต่อสิ่งแวดล้อม ช่วยสืบสานประเพณีของไทย
นายเถลิงศักดิ์ เพ็ชรสุวรรณ รองปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมกล่าวว่า กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เชิญชวนประชาชนร่วมงานลอยกระทงปีนี้ตรงกับวันที่ 27 พฤศจิกายน โดยเน้นไม่สร้างภาระปัญหาให้กับแหล่งน้ำ แม่น้ำและสิ่งแวดล้อม เช่น 1 กระทง 1 ครอบครัว ลอยกระทงออนไลน์ ใช้วัสดุธรรมชาติทำกระทงจําพวกหยวกกล้วย ใบตอง ใบไม้ ดอกไม้ ซึ่งทุกคนต้องรักษาประเพณีลอยกระทงควบคู่กับรักษาสิ่งแวดล้อมไปพร้อมกันให้ได้ ด้วยการเลือกกระทงที่ไม่เป็นขยะ หรือสร้างภาระให้สิ่งแวดล้อม
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และกระทรวงวัฒนธรรม จะหารือร่วมกันทำให้ประเพณีลอยกระทงปีนี้เป็นไปอย่างสนุกสนาน ดึงดูดนักท่องเที่ยวและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมด้วย
ด้านนายปวิช เกศววงศ์ รองอธิบดีกรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า อยากเชิญชวนประชาชนทุกคนร่วมอนุรักษ์สืบสานประเพณีลอยกระทง ควบคู่กับรักษาสิ่งแวดล้อม ด้วยการงดใช้กระทงโฟมและไม่ใช้กระทงทำจากขนมปัง เพราะจะทำให้น้ำเน่าเสีย ถือเป็นการลดปริมาณขยะลงแหล่งน้ำได้ส่วนหนึ่ง ที่สำคัญไม่ดัดแปลงกระทงโดยใช้วัสดุต่างๆ ที่อาจทําให้เกิดขยะตกค้างและกีดขวางการระบายน้ำจนสร้างผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
ขณะที่ นายนพดล พลเสน เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า จำเป็นต้องประชาสัมพันธ์และรณรงค์ให้ประชาชนและผู้ขายกระทงมีความตระหนักและให้ความร่วมมืออย่างดีเกี่ยวกับแนวทางการลอยกระทงรักษ์โลก ซึ่งกําลังเป็นวิถีในการดําเนินชีวิตรักษาสภาพแวดล้อมอยู่ในเทรนด์ของโลกยุคใหม่
สังคม
เร่งรัดให้ทุกหน่วยงานเพิ่มประสิทธิภาพคลินิกส่งเสริมการมีบุตรคุณภาพ แก้ปัญหาเด็กเกิดน้อย
นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยถึงปัญหาภาวะเด็กเกิดน้อยที่เป็นปัญหาของหลายประเทศทั่วโลก ว่า จากข้อมูลระบุว่าหากไม่มีการแก้ไขใดๆ ภายในปี 2643 ค่าเฉลี่ยการมีบุตรของผู้หญิงทั่วโลกจะลดเหลือเพียง 1.7 คน ไทยจะเป็นหนึ่งใน 23 ประเทศของโลกที่ได้รับผลกระทบจากภาวะนี้มากที่สุด โดยอัตราการเจริญพันธุ์ของประเทศจะปรับลดลงถึงต่ำสุดและประชากรของประเทศจะเหลือเพียงครึ่งหนึ่งของที่มีอยู่ในปัจจุบัน
กระทรวงสาธารณสุข เร่งรัดให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพิ่มประสิทธิภาพของคลินิกส่งเสริมการมีบุตรคุณภาพ เช่น คลินิกส่งเสริมการมีบุตรของกรมอนามัยทั้งสิ้น 12 แห่งใน 12 ศูนย์อนามัยทั่วประเทศ ที่พร้อมให้คำปรึกษา ศูนย์ส่งเสริมการมีบุตรและรักษาผู้มีบุตรยากทั่วประเทศ 107 แห่ง ใน 16 จังหวัด เป็นสถานพยาบาลภาครัฐ 16 แห่ง สถานพยาบาลเอกชน 91 แห่ง ที่มีการเตรียมความพร้อม 100% ทั้งนี้ ได้เตรียมจัดทำแคมเปญใหญ่ Give Birth Great World การเกิดคือ การให้ที่ยิ่งใหญ่ เป็นโครงการระดับประเทศและอาจเชิญชวนประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคนี้เข้าร่วม ด้วยการเปลี่ยนทัศนคติของการเกิดเป็นการให้ที่ยิ่งใหญ่ของโลก
ด้าน พญ.อัจฉรา นิธิอภิญญาสกุล รักษาราชการแทนอธิบดีกรมอนามัย เปิดเผยว่า ข้อมูลจากสถิติสาธารณสุข ปี 2565 พบว่าประเทศไทยมีจำนวนเด็กเกิดใหม่ลดลงเหลือเพียง 485,085 คน ซึ่งเป็นจำนวนการเกิดที่ต่ำที่สุดและเป็นครั้งแรกในรอบ 70 ปี ที่ประเทศไทยมีเด็กเกิดใหม่ต่ำกว่า 500,000 คน สวนทางกับจำนวนผู้สูงอายุที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น โดยในปี 2565 มีประชากรผู้สูงอายุมากถึงกว่า 12 ล้านคน ทั้งนี้ ภายในปี 2626 หรือ 60 ปีจากนี้ หากปล่อยให้เป็นเช่นนี้ต่อไป ประชากรไทยจาก 66 ล้านคนจะลดเหลือเพียง 33 ล้านคน และประชากรสูงอายุ 65 ปีขึ้นไป จะเพิ่มจาก 8 ล้านคน เป็น 18 ล้านคน ส่งผลให้เกิดภาวะพึ่งพิงเพิ่มขึ้น งบประมาณในการรักษาสุขภาพเพิ่มขึ้น ส่วนวัยทำงาน อายุ 15-64 ปี จะลดลงจาก 46 ล้านคนเหลือเพียง 14 ล้านคน ซึ่งหมายถึงจำนวนแรงงานที่ลดลง ผลผลิตโดยรวมของประเทศลดลงและภาษีที่จัดเก็บได้ลดลง ขณะที่ประชากรวัยเด็กอายุตั้งแต่ 0 – 14 ปีจะลดจาก 10 ล้านคน เหลือเพียง 1 ล้านคน เท่านั้น
กระทรวงมหาดไทย เดินหน้าขับเคลื่อนนโยบายน้ำประปาดื่มได้ ลดภาระค่าใช้จ่าย ยกระดับคุณภาพชีวิตให้ประชาชน
นายอนุทิน ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย พร้อมด้วยผู้บริหารระดับสูงกระทรวงมหาดไทย ตรวจเยี่ยมการประปาส่วนภูมิภาค (กปภ.) ณ อาคารประปาวิวัฒน์ กปภ. สำนักงานใหญ่ กรุงเทพมหานคร พร้อมมอบหมายภารกิจและนโยบายการดำเนินงานให้แก่การประปาส่วนภูมิภาค โดยให้พัฒนาระบบสาธารณูปโภคด้านน้ำประปา ให้น้ำประปาในทุกพื้นที่มีความสะอาด มีมาตรฐานที่สามารถใช้สำหรับการอุปโภคและบริโภค (ดื่ม) ตามนโยบายน้ำประปาดื่มได้ ซึ่งถือเป็นนโยบายหลักที่กระทรวงมหาดไทยให้ความสำคัญ เพื่อช่วยลดค่าใช้จ่ายและยกระดับคุณภาพชีวิตให้กับประชาชน โดยให้ประสานองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ร่วมกันจัดหาแหล่งน้ำดิบและให้เร่งทำการศึกษาวิธีการใช้น้ำจากเขื่อนรัชชประภา (เขื่อนเชี่ยวหลาน) โดยให้ศึกษาความเป็นไปได้ในการเดินท่อเพื่อนำน้ำไปใช้ประโยชน์ในพื้นที่หลายจังหวัดทางภาคใต้ทั้งทางฝั่งอันดามันและฝั่งอ่าวไทย ให้มีแหล่งน้ำที่สามารถใช้ประโยชน์ได้เพิ่มขึ้น เพื่อสร้างความมั่นคงทางสาธารณูปโภค ให้นักท่องเที่ยวและประชาชนในพื้นที่มีความมั่นใจและมีความสะดวกสบายในทุกมิติ ซึ่งจะส่งผลให้สามารถเพิ่มรายได้สู่ชุมชนได้จากหลายภาคส่วนด้วย
นอกจากนี้ กปภ.ได้ตอบรับนโยบายตามข้อสั่งการ ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในการขยายเวลาชำระค่าน้ำประปา เพื่อแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายสำหรับผู้มีรายได้น้อยที่มีค่าน้ำประปาคงค้างไม่เกิน 150 บาท/เดือน ให้สามารถค้างชำระค่าน้ำประปาได้ 3 เดือน รวมเป็นจำนวนเงินไม่เกิน 450 บาท จากเงื่อนไขเดิมที่สามารถค้างชำระค่าน้ำประปาได้เพียง 2 เดือน โดยจะเริ่มดำเนินการในเดือนพฤศจิกายนนี้ – มกราคม ปี 2567
กรมการจัดหางาน เร่งทำงานเชิงรุกลงพื้นที่หารือสถานประกอบการ รวบรวมตำแหน่งงาน 1 ล้านอัตรา
นายสมชาย มรกตศรีวรรณ ผู้ตรวจราชการกระทรวงแรงงาน รักษาราชการแทนอธิบดีกรมการจัดหางาน เปิดเผยว่า กรมการจัดหางานรับข้อสั่งการจากนายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ตั้งเป้าผลักดันให้เกิดการจ้างงาน 1 ล้านอัตราทั่วประเทศ ภายในปี 2567 โดยมีเป้าหมายเพื่อรองรับคนหางาน นักศึกษาจบใหม่ที่กำลังเข้าสู่ตลาดแรงงานและแรงงานทุกคนที่ต้องการกลับเข้าสู่ระบบการจ้างงาน กรมการจัดหางานจึงทำงานเชิงรุกลงพื้นที่หารือกับสถานประกอบการที่มีศักยภาพในการจ้างงานจำนวนมากและมีสวัสดิการที่ดีตามกฎหมาย รวมทั้งเป็นบริษัทที่คนหางานส่วนใหญ่คาดหวังที่จะทำงานด้วย เพื่อทำหน้าที่เป็นตัวกลางในการประสานระหว่างสถานประกอบการภาคเอกชนและสถานศึกษา เพื่อให้เกิดความร่วมมือในการส่งเสริมและฝึกทักษะแรงงานที่ตรงกับความต้องการของสถานประกอบการ
ล่าสุดได้มีการหารือร่วมกับบริษัท บีวายดี ออโต้ (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งเข้ามาลงทุนตั้งโรงงานผลิตรถยนต์พลังงานไฟฟ้า ในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรม ดับบลิวเอชเอ จังหวัดระยอง และวิทยาลัยเทคโนโลยีภาคตะวันออก (อี.เทค.) เพื่อสนับสนุนความร่วมมือด้านฝึกทักษะแรงงานด้านยานยนต์ไฟฟ้า ผ่านโครงการ 3 ม. มีงาน มีเงิน มีวุฒิการศึกษาเพิ่ม เพื่อให้นักเรียน นักศึกษา ที่ขาดทุนทรัพย์ สามารถมีงานทำ มีรายได้และได้เรียนต่อไปพร้อมกับการมีงานทำ
ทั้งนี้ ทางบริษัท บีวายดีฯ แจ้งตำแหน่งงานด้านการผลิตและช่างเทคนิคกับกรมการจัดหางานในปี 2566 จำนวน 300 อัตรา และในปี 2567 จำนวนมากกว่า 3,000 อัตรา และยังพร้อมรับนักเรียนปีสุดท้ายเข้าฝึกทักษะแรงงานด้านยานยนต์ไฟฟ้า เพื่อเตรียมรับเข้าทำงานหลังเรียนจบด้วย ผู้ที่สนใจทำงานกับบริษัท บีวายดี ออโต้ (ประเทศไทย) จำกัด หรือต้องการค้นหาตำแหน่งงานจากสถานประกอบการอื่นๆ สามารถสมัครงานได้ที่เว็บไซต์ “ไทยมีงานทำ.doe.go.th” หรือแอปพลิเคชัน “ไทยมีงานทำ” ซึ่งเป็นระบบการให้บริการจัดหางานภาครัฐ ไม่มีค่าใช้จ่าย
ข้อมูลข่าวและที่มา
ผู้สื่อข่าว : ธนพิชฌน์ แก้วกา
ผู้เรียบเรียง : ธนพิชฌน์ แก้วกา
แหล่งที่มา : หน่วยงานสำนักข่าว