ข่าวสารกรุงเทพฯ

ประมวลข่าวทั่วไทยประจำวันที่ 23 พฤศจิกายน …



ประมวลข่าวทั่วไทยประจำวันที่ 23 พฤศจิกายน 2566

ประมวลข่าวทั่วไทยประจำวันที่ 23 พฤศจิกายน 2566

การเมือง/มั่นคง

นายกรัฐมนตรี ยืนยันไม่เคยก้าวก่ายการขอตำแหน่งผู้กำกับ

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่คณะกรรมาธิการตำรวจ สภาผู้แทนราษฎร เตรียมเชิญนายกรัฐมนตรีชี้แจงประเด็นการกล่าวถึงการขอตำแหน่งผู้กำกับในที่ประชุมพรรคเพื่อไทยในวันที่ 7ธันวาคมนี้ ว่าได้ชี้แจงไปแล้ว ยืนยันไม่ได้ก้าวก่ายหากมีการเรียกไปชี้แจงก็ว่ากันไปตามขั้นตอน

ส่วนเหตุนักเรียนอาชีวะทะเลาะวิวาท ได้มีการกำชับผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติเพิ่มเติมหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ยังไม่ทราบเรื่องนี้ ขอไปรับฟังปัญหาก่อน

ป.ป.ส.อายัดทรัพย์ สว.อุปกิต เพิ่มอีก 285 ล้านบาท เตรียมประสานอัยการสูงสุดตรวจสอบทรัพย์สินในต่างประเทศ

พลตำรวจโท ภาณุรัตน์ หลักบุญ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ รักษาราชการแทนเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบรามยาเสพติด หรือ ป.ป.ส. เปิดเผยความคืบหน้าในการยึดอายัดทรัพย์สิน นายอุปกิต ปาจรียางกูร สมาชิกวุฒิสภา ว่า เมื่อวันที่ 15 พ.ย.ที่ผ่านมา ได้มีคำสั่งอายัดทรัพย์สินของนายอุปกิตครั้งแรก เป็นบัญชีธนาคารในประเทศรวม 28 บัญชี มูลค่าประมาณ 3 ล้านบาท และวานนี้ได้มีคำสั่งอายัดที่ดินจำนวน 29 แปลง มูลค่า 282 ล้านบาท และหลังจากนี้ยังต้องมีกระบวนการสืบทรัพย์ให้ชัดเจนและพิจารณาคำสั่งยึดอายัดทรัพย์สินเพิ่มเติม ซึ่งจะมีปฏิบัติการเร็ว ๆ นี้

นอกจากนี้ จากการสืบสวนทราบว่า ยังมีทรัพย์สินเป็นเงินของนายอุปกิตที่ถูกถ่ายโอนไปยังต่างประเทศอีกประมาณ 600 ล้านบาท ทาง ป.ป.ส.จะต้องประสานผ่านทางอัยการสูงสุด ให้ประสานความร่วมมือกับทางกองการต่างประเทศ เพื่อดำเนินการยึดอายัดทรัพย์สินต่อไป

เศรษฐกิจ/ท่องเที่ยว

นายกรัฐมนตรี รับฟังการนำเสนอ “ประเทศเป้าหมายสำคัญสำหรับการทูตเศรษฐกิจเชิงรุก”

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เข้ารับฟังการนำเสนอ เรื่อง “ประเทศเป้าหมายสำคัญสำหรับการทูตเศรษฐกิจเชิงรุก” ณ วิเทศสโมสร กระทรวงการต่างประเทศ โดยนายกรัฐมนตรี กล่าวขอบคุณทุกภาคส่วนที่มาประชุมร่วมกัน ถือเป็นมิติใหม่ของการทำงานในการทำการทูตเชิงรุกในอนาคต ซึ่งจากการบรรยายสรุปชื่นชมว่ามีความครบถ้วนสมบูรณ์ โดยส่วนของกระทรวงพาณิชย์ ได้กล่าวถึง 7C : Common Goal ประกอบด้วย Customer-centric / Co-creation / Cooperation / Connectivity / Care / Can do มีแนวทางที่สรุปได้อย่างชัดเจน ถึงแม้การทำงานจะเจออุปสรรค แต่ถ้ามี Can Do Attitude และสามารถทำลายกำแพงได้ เชื่อว่าศักยภาพไทยจะได้นำมาเผยแพร่ในเวทีโลกอย่างแน่นอน

สำหรับการประชุมและรับฟังการนำเสนอ ในการประชุมเอกอัครราชทูตและกงสุลใหญ่ ผู้ช่วยทูตฝ่ายพาณิชย์และฝ่ายส่งเสริมการลงทุนในช่วงเวลา 2 วันที่ผ่านมานี้ ทำให้มีความชัดเจนในนโยบายการทำงาน ทำงานร่วมมือกันในหลายภาคส่วน เพื่อนำศักยภาพของไทยไปสู่เวทีโลก ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีชื่นชมแนวทางการจัดประชุมร่วมกันของหน่วยงานที่ประกอบเป็นทีมไทยแลนด์นี้ และนายกรัฐมนตรีได้ระบุว่า ขอฝากอนาคตของประเทศไทยไว้ในมือทุกคนด้วย

การพิจารณาพระราชบัญญัติกู้เงิน 5 แสนล้านบาท อยากให้ผ่านทุกขั้นตอนเพื่อความโปร่งใส

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวถึงการกล่าวปาฐกถา ในงาน The standard economy forum ในหัวข้อ future, ready, Thailand เศรษฐกิจไทยในอนาคตแห่งความเปลี่ยนแปลง ถึงการออกพระราชบัญญัติกู้เงิน 5 แสนล้านบาท เพื่อใช้ในโครงการดิจิทัลวอลเล็ต ว่าระหว่างเข้ามาบริหารประเทศ ได้พูดคุยกันหลายภาคส่วนและเป็นเรื่องที่เรียกร้องกันมา ซึ่งการพิจารณาพระราชบัญญัติกู้เงิน ต้องผ่านความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีและคณะกรรมการกฤษฎีกาในการดูความถูกต้องเป็นไปตามหลักนิติธรรม รวมทั้งต้องเข้าสู่ระบบรัฐสภา เพื่อเปิดโอกาสให้มีการชี้แจงรายละเอียด จึงอยากให้ผ่านในทุกๆ ขั้นตอน แม้อาจจะมีความล่าช้า แต่เป็นเรื่องที่โปร่งใสและตรวจสอบได้

นายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า ยังไม่ได้พูดคุยกรอบเวลากับคณะกรรมการกฤษฎีกา แต่ได้พูดคุยเพียงครั้งเดียว โดยคณะกรรมการกฤษฎีกาขอให้ทำให้ถูกต้องตามขั้นตอน ส่วนตัวไม่ทราบว่ารัฐบาลได้ส่งหนังสือสอบถามการออกพระราชบัญญัติกู้เงินให้กับคณะกรรมการกฤษฎีกาแล้วหรือไม่ คงต้องสอบถามเรื่องนี้จากนายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เพราะยังมีขั้นตอนอีก ยืนยันว่ายังอยู่ในกรอบระยะเวลาที่จะเริ่มดำเนินโครงการได้ในเดือนพฤษภาคมปีหน้า

เกษตรกรรม/สิ่งแวดล้อม

รัฐบาลเตรียมโอนเงินค่าบริหารจัดการข้าวให้ชาวนากว่า 4 ล้านครัวเรือนทั่วประเทศ 28 พฤศจิกายนนี้

นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวถึงผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายและบริหารข้าวแห่งชาติ (นบข.) ร่วมกับ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายทรงศักดิ์ ทองศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย และผู้แทนจากสมาคมที่เกี่ยวข้อง ในการดูดซับผลผลิตข้าวเพื่อพยุงราคาให้เป็นธรรมต่อเกษตรกร ว่า ที่ประชุมมีมติชดเชยอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 4 ให้กับโรงสีที่รับซื้อข้าวจากเกษตรกรเพื่อช่วยลดปัญหาข้าวล้นตลาด ภายใต้โครงการชดเชยดอกเบี้ยให้ผู้ประกอบการค้าข้าวในการเก็บสต็อก ปีการผลิต 2566/67 เป้าหมาย 4 ล้านตัน โดยคณะกรรมการนโยบายและมาตรการช่วยเหลือเกษตรกร ( คชก.) จะเป็นผู้จ่ายเงินชดเชยไปก่อนประมาณ 780 ล้านบาท และเตรียมเสนอต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรีอนุมัติในวันอังคารที่ 28 พฤศจิกายนนี้ พร้อมใช้วันดังกล่าวเริ่มคิกออฟจ่ายเงินให้ชาวนาทั่วประเทศไร่ละ 1,000 บาท เป็นค่าบริหารจัดการข้าวที่มีไปมติแล้ว รวม 4.68 ล้านครัวเรือน อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีได้ มีมติอนุมัติให้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ( ธ.ก.ส.) เป็นผู้จ่ายเงินชดเชยให้เกษตรกรและมอบหมายให้สถาบันเกษตรกร เป็นผู้รับซื้อข้าวจาก เกษตรกรรายย่อยที่ไม่มียุ้งฉางเก็บสต็อกไปฝากสถาบันเกษตรกร จะได้รับเงินชดเชย 1,000 บาทต่อตันโดยเกษตรกรจะได้รับเงินกรณีดังกล่าว500 บาทต่อตัน ส่วนเกษตรกรที่มียุ้งฉางเก็บสต็อกจะได้รับ 1,500 บาทต่อตัน พร้อมย้ำให้สมาคมชาวนาดูแลการเก็บเกี่ยวให้ได้ข้าวคุณภาพดี ดูแลผลผลิต การเก็บเกี่ยวให้ดีเพื่อขายข้าวได้ราคาที่ดี

ด้านนายวัฒนศักย์ เสือเอี่ยม อธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวว่า ปัจจุบันราคาข้าวปรับตัวเพิ่มขึ้นทั้งราคาข้าวสารและข้าวเปลือกทุกชนิดโดยอยู่ที่ 14,300 บาทต่อตัน และได้มีการเปิดจุดตลาดนัดหารือโรงสี ทำให้ราคาเพิ่มขึ้นอีก 250 บาทต่อตัน เป็น 14,550-15,300 บาทต่อตัน

ปภ.ประสาน 10 จังหวัดภาคใต้ เฝ้าระวัง ติดตามสถานการณ์น้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก น้ำล้นตลิ่ง

นายไชยวัฒน์ จุนถิระพงศ์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เปิดเผยว่า ได้ประสาน 10 จังหวัด ได้แก่ สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ปัตตานี ยะลา นราธิวาส ภูเก็ต กระบี่ และตรัง โดยเฉพาะพื้นที่ที่มีฝนตกสะสมมากกว่า 90 มิลลิเมตร ในช่วงเวลา 24 ชั่วโมง พื้นที่ที่เกิดน้ำท่วมเป็นประจำ ให้เฝ้าระวังติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด

พร้อมแจ้งเตือนประชาชนให้เฝ้าระวังระดับน้ำที่เพิ่มสูงขึ้น เตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์น้ำและเตรียมพร้อมอพยพหากสถานการณ์มีความรุนแรง นอกจากนี้ ให้ประสานองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องปรับการบริหารน้ำในแหล่งกักเก็บน้ำและน้ำในลำน้ำให้สอดคล้องกันตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ และสัมพันธ์กับการขึ้น-ลงของน้ำทะเล โดยเร่งระบายและพร่องน้ำเพื่อรองรับสถานการณ์ฝนที่คาดว่าจะตกหนัก อีกทั้งจัดเตรียมวัสดุอุปกรณ์ เครื่องจักรกลด้านสาธารณภัย รวมถึงเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการให้พร้อมปฏิบัติการให้ความช่วยเหลือประชาชนตลอด 24 ชั่วโมง

สำหรับประชาชนที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัย ขอให้ติดตามข้อมูลระดับน้ำ สถานการณ์ ประกาศแจ้งเตือนจากทางราชการอย่างใกล้ชิดและเตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์ภัยที่อาจเกิดขึ้นในระยะนี้ โดยสามารถติดตามประกาศการแจ้งเตือนภัยที่แอปพลิเคชัน “THAI DISASTER ALERT” และหากได้รับความเดือดร้อนจากสาธารณภัย สามารถแจ้งเหตุและขอความช่วยเหลือทางไลน์ “ปภ.รับแจ้งเหตุ1784” รวมถึงสายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง

ปภ.เตือนระวังเพลิงไหม้จากพลุดอกไม้ไฟ โคมลอยในช่วงเทศกาลวันลอยกระทง

นายไชยวัฒน์ จุนถิระพงศ์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) กล่าวว่า ช่วงเทศกาลลอยกระทง มักเกิดอุบัติเหตุจากการจุดพลุดอกไม้ไฟและการปล่อยโคมลอย ทำให้เสี่ยงต่อการเกิดเพลิงไหม้ได้รับอันตราย เพื่อความปลอดภัย ขอให้ประชาชนเล่นพลุ ดอกไม้ไฟฯ อย่างถูกวิธี ห้ามจุดพลุดอกไม้ไฟบริเวณใกล้แนวสายไฟ แหล่งชุมชน สถานีบริการน้ำมันและวัตถุไวไฟ ซึ่งมีความเสี่ยงต่อการเกิดระเบิดและเพลิงไหม้ รวมถึงไม่โยนพลุดอกไม้ไฟใส่กลุ่มคนและควรอยู่ให้ห่างจากบริเวณจุดพลุดอกไม้ไฟในระยะไม่ต่ำกว่า 10 เมตร และไม่ดัดแปลงพลุ หรือดอกไม้ไฟให้มีเสียงดังหรือแรงอัดสูง อีกทั้งหลีกเลี่ยงการนำพลุดอกไม้ไฟที่จุดไฟไม่ติดมาจุดไฟซ้ำ เพราะก่อให้เกิดอันตรายรุนแรงได้ หลังจากเล่นพลุดอกไม้ไฟ ควรตรวจสอบสถานที่เล่นให้เรียบร้อย เก็บเศษพลุดอกไม้ไฟและดับประกายไฟให้หมด เพื่อป้องกันเพลิงไหม้

ส่วนผู้ที่ปล่อยโคมลอยในช่วงเทศกาลลอยกระทง ควรปล่อยโคมลอยบริเวณที่โล่งแจ้ง ห่างจากแหล่งชุมชนและแนวสายไฟ เลือกใช้โคมลอยที่ได้มาตรฐาน โดยโครงทำจากวัสดุธรรมชาติ เช่น กระดาษบาง ไม้ไผ่ เชือก และไม่ตกแต่งด้วยวัสดุติดไฟได้ง่าย ไม่ดัดแปลงโคมลอยให้ลอยในอากาศได้เป็นเวลานาน และห้ามปล่อยโคมลอยบริเวณโดยรอบสนามบินหรือช่วงที่เครื่องบินขึ้น – ลง เพราะจะรบกวนทัศนวิสัยในการบิน อาจก่อให้เกิดอันตรายต่ออากาศยานได้ ควรปล่อยโคมลอยในช่วงเวลาและบริเวณที่กำหนดไว้

หากได้รับความเดือดร้อนจากอุบัติภัย สามารถแจ้งเหตุและขอความช่วยเหลือทางไลน์ “ปภ.รับแจ้งเหตุ 1784” และสายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง

สังคม

กระทรวงมหาดไทย เร่งเปิดระบบรับลงทะเบียนออนไลน์ ขอความช่วยเหลือแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบ เริ่ม 1 ธันวาคมนี้

นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยว่า เพื่อให้การแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบเป็นไปด้วยความเรียบร้อย มีประสิทธิภาพ สามารถแก้ไขปัญหาให้กับประชาชน หรือลูกหนี้ที่ได้รับผลกระทบจากหนี้นอกระบบได้ทันที จึงได้สั่งการไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัดและนายอำเภอทุกอำเภอ เร่งตั้ง “ศูนย์อำนวยการแก้ไขหนี้นอกระบบ” พร้อมทั้งกำหนดให้มีการประชุมคณะกรรมการอำนวยการแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบ ซึ่งมีผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นผู้อำนวยการศูนย์ฯ เป็นประจำทุกสัปดาห์หรือทุกเดือนตามที่เห็นสมควร และประชาสัมพันธ์ให้ลูกหนี้นอกระบบที่มีความประสงค์ขอรับการช่วยเหลือ หรือให้ทางราชการแก้ไขปัญหา ลงทะเบียนขอรับความช่วยเหลือได้ตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2566 เป็นต้นไป

โดยสามารถลงทะเบียนได้ที่เว็บไซต์ https://debt.dopa.go.th หากไม่สามารถดำเนินการได้เองสามารถเดินทางไปลงทะเบียนด้วยตนเองได้ที่ที่ว่าการอำเภอ และหากอยู่ในกรุงเทพมหานคร ให้ลงทะเบียนที่สำนักงานเขตได้ทุกแห่ง หรือผ่านช่องทางสายด่วนศูนย์ดำรงธรรม 1567 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมทั้งได้สั่งการให้ศูนย์ดำรงธรรมอำเภอเร่งดำเนินการให้ความช่วยเหลือลูกหนี้นอกระบบที่ได้แจ้งเรื่องร้องเรียนไว้แล้วและเจ้าหน้าที่ประจำศูนย์อำนวยการแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบในการรับลงทะเบียนลูกหนี้นอกระบบและให้คำปรึกษาเรื่องหนี้นอกระบบ เพื่อสามารถแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนได้อย่างทันท่วงที

นอกจากนี้ กระทรวงมหาดไทย กำหนดมาตรการเฝ้าระวัง ป้องกัน โดยได้สั่งการให้อำเภอใช้กลไกการไกล่เกลี่ยและประนีประนอมข้อพิพาททางแพ่งตามกฎหมายในการแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบ พร้อมทั้งกำชับกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และคณะกรรมการหมู่บ้าน (กม.) เฝ้าระวังสอดส่องบุคคล หรือกลุ่มบุคคลที่มีพฤติการณ์เป็นผู้กระทำความผิด เช่น นายทุนปล่อยเงินกู้นอกระบบ การทวงถามหนี้โดยการข่มขู่ ใช้ความรุนแรง ฯลฯ โดยให้รายงานศูนย์ดำรงธรรมฯ เพื่อดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป

ส่วนมาตรการปราบปราม หากพบกลุ่มบุคคลที่มีพฤติการณ์เป็นนายทุนปล่อยเงินกู้นอกระบบ หรือการเรียกรับดอกเบี้ยเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด ให้ชุดปฏิบัติการพิเศษฝ่ายปกครองเร่งดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง พร้อมทั้งประสานการปฏิบัติกับทุกหน่วยงานในพื้นที่ ดำเนินการปราบปรามผู้ที่กระทำผิดกฎหมาย ให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ รวดเร็วและเป็นธรรม

หากกำลังประสบปัญหาหนี้นอกระบบ หรือปัญหาหนี้สินรายย่อย สามารถขอรับความช่วยเหลือได้ ณ ที่ว่าการอำเภอทุกแห่ง สำนักงานเขตของกรุงเทพมหานครทุกเขต หรือโทรสายด่วนศูนย์ดำรงธรรม 1567 เพื่อร่วมหาแนวทางให้ความช่วยเหลือต่อไป

กระทรวงสาธารณสุข เดินหน้าเมืองสุขภาพดี เริ่มน่านโมเดลเป็นแห่งแรก

นายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวในการเป็นประธานเปิดงานแสดงผลงานและการประชุมพัฒนาเมืองต้นแบบด้านสุขภาพ ที่จัดขึ้น ณ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย จังหวัดน่าน ว่า เศรษฐกิจสุขภาพ เป็นหนึ่งในนโยบายมุ่งเน้นที่สำคัญของกระทรวงสาธารณสุขและรัฐบาล เพื่อสร้างต้นแบบพื้นที่อายุยืน (Blue Zone) “หนึ่งเขตสุขภาพ หนึ่งพื้นที่อายุยืน” ในทุกจังหวัด ภายใต้การพัฒนาเมืองต้นแบบสุขภาพ เมืองสุขภาพดี วิถีชุมชน คนอายุยืน โดยปักหมุด Kick Off ที่จังหวัดน่าน (Nan Healthy Cities MODELs) เป็นแห่งแรก เนื่องจากมีบริบทของเมืองที่เอื้อต่อการเป็นเมืองสุขภาพดี ในทุกมิติ

ทั้งนี้ ในงานวันนี้ได้มีการแสดงผลงาน เพื่อให้คณะผู้บริหาร รวมทั้งนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดทั่วประเทศและผู้เกี่ยวข้องได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้และร่วมกันขับเคลื่อนนโยบายเศรษฐกิจสุขภาพ ผลักดันให้เกิดการพัฒนา Healthy Cities MODELs ยกระดับการดูแลสุขภาพและคุณภาพชีวิตที่ดีของประชาชนสอดคล้องตามบริบทของแต่ละพื้นที่ โดยมีจังหวัดน่านเป็นเมืองต้นแบบ และมี 7 จังหวัด ในเขตสุขภาพที่ 1 ได้แก่ เชียงใหม่ เชียงราย แพร่ พะเยา ลำปาง ลำพูน และแม่ฮ่องสอน ร่วมดำเนินการด้วย โดยจะขยายให้ครอบคลุม 12 จังหวัด ทั้ง 12 เขตสุขภาพ เพื่อให้ประชาชนและนักท่องเที่ยวได้รู้จักและยอมรับจังหวัดน่านรวมทั้งจังหวัดอื่นๆ ในมิติของการเป็นเมืองสุขภาพดี เกิดเป็น Brand Healthy Cities Model ของประเทศไทยต่อไป

กรมสุขภาพจิต ร่วมกิจกรรมดูแลสุขภาพใจวัยทำงาน เนื่องในเดือนแห่งสัปดาห์สุขภาพจิต เพื่อนดีดูแลใจด้วย วัดใจ.com

นายแพทย์ธิติ แสวงธรรม รองอธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าวว่า สืบเนื่องจากคณะรัฐมนตรีเห็นชอบให้วันที่ 1-7 พฤศจิกายนของทุกปีเป็นช่วงสัปดาห์สุขภาพจิต ในช่วงสามสัปดาห์ที่ผ่านมากรมสุขภาพจิตจึงได้จัดกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์เพื่อสร้างความตระหนักให้เล็งเห็นถึงความสำคัญของปัญหาสุขภาพจิต ซึ่งธีมงานในปีนี้ได้มีการนำเรื่องของการดูแลช่วยเหลือจากเพื่อนสู่เพื่อนภายใต้แนวคิด “เพื่อนแท้มีทุกที่ เพื่อนดีดูแลใจ” เพราะจากสถานการณ์ต่างๆ ที่ประเทศไทยได้พบในระยะ 2-3 ปี ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการเกิดโรคระบาด สถานการณ์ที่เกิดจากภัยธรรมชาติและความรุนแรง ต่างร่วมสร้างความเสียหายให้กับพี่น้องประชาชนทั้งทางกายและทางใจ ซึ่งการที่ประเทศไทยผ่านพ้นสถานการณ์ต่างๆ มาได้เป็นอย่างดีส่วนหนึ่งเกิดจากการที่ผู้ปฏิบัติทุกระดับมีเป้าหมายในการที่จะช่วยเหลือและบรรเทาเหตุเพื่อให้พี่น้องประชาชนกลับมาใช้ชีวิตดังเช่นปกติ โดยอีกส่วนที่สำคัญคือ เรื่องความเข้มแข็งทางใจของพี่น้องประชาชนที่นอกจากจะดูแลตนเอง ในหลายภาคส่วนยังพร้อมที่จะเป็นเพื่อนและหยิบยื่นมือเข้าช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ให้ก้าวข้ามสถานการณ์ที่ลำบากไปด้วยกัน

กรมสุขภาพจิตจึงขอสนับสนุนให้ทุกฝ่าย ร่วมกันรณรงค์ให้รู้เท่าทันสัญญาณใจของตนเองด้วย www.วัดใจ.com เพื่อรู้เท่าทันและเข้าถึงกระบวนการรักษาแก้ไขปัญหาได้อย่างทันท่วงที การมาร่วมให้ความรู้และแนะนำบริการทางสุขภาพจิตแก่บุคลากรและบริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) ในวันนี้ จึงถือว่ากรมสุขภาพจิตมาในฐานะเพื่อนดี ที่จะมาให้ความรู้และแนะนำบริการดูแลสุขภาพใจให้กับพี้น้องวัยทำงานต่อไป เพราะเราเชื่อว่าการดูแลจากการป้องกันปัญหาที่ดีย่อมดีกว่าการเจ็บป่วยและทำการรักษาอีกด้วย




ข้อมูลข่าวและที่มา

ผู้สื่อข่าว : ธนพิชฌน์ แก้วกา

ผู้เรียบเรียง : ธนพิชฌน์ แก้วกา

แหล่งที่มา : หน่วยงานสำนักข่าว



Source link