ข่าวสารกรุงเทพฯ

พระองค์ภา : หัวใจไม่ไร้หวัง ไม่เชื่อโลกโซเชียล ของพสกนิกรผู้รักองค์ภา


ที่มาของภาพ, Tossapol Chaisamritpol / BBC Thai

คำบรรยายภาพ,

เซลฟีกับพระองค์ภา – ภาพทรงคุณค่าที่สุดในชีวิตของวรวิมล

ข้าราชการในชุดขาวเดินขวักไขว่ เข้าออกอาคารภูมิสิริมังคลานุสรณ์ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย แต่คนกลุ่มหนึ่งในชุดสีส้มสดใส ไม่ว่าจะนานกี่ชั่วโมง ยังคงปักหลักอยู่ที่เดิม บริเวณปากทางเข้าอาคาร ในมือถือพระบรมฉายาลักษณ์ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา หรือที่พวกเขาเรียกพระนามสั้น ๆ ว่า “พระองค์ภา”

หญิงชราผมสีดอกเลาคนหนึ่ง นั่งอยู่บนรถเข็นวีลแชร์ แต่เธอไม่ใช่คนไข้ของโรงพยาบาล แต่เป็นหนึ่งในกลุ่มคนที่พร้อมใจสวมเสื้อยืดสีส้มของมูลนิธิอาสาเพื่อนพึ่ง (ภาฯ) มาให้กำลังใจ “พระองค์ภา” อยู่ห่าง ๆ ด้วยความหวังว่า คำภาวนาของพวกเขา จะส่งผ่านกำแพง ให้พระองค์หายจากอาการพระประชวรในเร็ววัน 

“เราอยู่ตรงนี้ เราอยู่ข้างล่างนี้นะเพคะ อยากให้ท่านรับทราบ เรามาอยู่ตรงนี้ อยากให้ท่านหายไว ๆ  มาเป็นมิ่งขวัญกำลังใจของพวกเรา” วรวิมล ณ ระนอง วัย 72 ปี บอกกับบีบีซีไทย ในมือของเธอเป็นภาพถ่ายเซลฟีของเธอกับ “พระองค์ภา”

อดีตศิษย์เก่ารุ่นพี่คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ นัดแนะกับผองเพื่อนวัยกลางคน ที่เรียกตนเป็น “ขาประจำการรับเสด็จ” เพื่อมาให้กำลังใจ และรับเสด็จพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10 และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ที่โรงพยาบาล หนึ่งวันหลังทราบข่าวในสังคมออนไลน์ เมื่อวันที่ 15 ธ.ค. 2565

แม้จะทราบข่าวการประชวรจากโลกอินเทอร์เน็ต และกรุ๊ปไลน์ แต่ วรวิมล ไม่เชื่อข้อมูลอื่นใด ที่นอกเหนือจากในแถลงการณ์ของสำนักพระราชวัง และพูดคุยกับบีบีซีไทย ด้วยรอยยิ้ม และสีหน้าเต็มเปี่ยมด้วยความหวังตลอดการสัมภาษณ์

“ไม่เชื่อเลย อย่างที่เห็นในหลวง และพระราชินีเสด็จมา แล้วก็เสด็จกลับ เราก็รู้สึกใจชื้นแล้วว่า (สถานการณ์) ไม่เหมือนกับที่ใคร ๆ เขียน ใคร ๆ พูด ไม่งั้นท่าน (ในหลวง-พระราชินี) จะต้องอยู่นานกว่านี้ แต่นี่ท่านก็อยู่และตามเวลาที่เหมาะสม แล้วท่านก็เสด็จกลับ”

ที่มาของภาพ, Thai News Pix

คำบรรยายภาพ,

กลุ่มของวรวิมล รอรับเสด็จในหลวง-พระบรมราชินี รพ.จุฬาฯ

สภากาชาดไทยประกาศว่า จะเปิดให้ลงนามถวายพระพร สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภาฯ ตั้งแต่วันที่ 16 ธ.ค. เวลา 08.00–16.00 น. ณ ชั้น 1 อาคารภูมิสิริมังคลานุสรณ์​ รพ.จุฬาลงกรณ์ ไม่เว้นวันหยุดราชการ

และนี่คือเรื่องราวแห่งความเชื่อมั่น ความเศร้าสลดใจ และเสียงสวดมนต์พร้อมใจถวายพระพร ด้วยความเชื่อเปี่ยมล้นว่า “พระองค์ภา” จะหายประชวรเร็วไว หลังหมดพระสติ ด้วยพระอาการทางพระหทัย เมื่อวันที่ 14 ธ.ค. ในจังหวัดนครราชสีมา

“มือขาอ่อน”

อีกฟากหนึ่ง แต่ไม่ห่างไกลจากกลุ่มพสกนิกรชุดส้มของ วรวิมล หญิงวัยเลยกลางคนในชุดขาว นั่งอยู่บนม้านั่งไม้ ถือพระบรมฉายาลักษณ์ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภาฯ อยู่ในมือ เธอนั่งอยู่บริเวณนี้มาตั้งแต่เช้าตรู่แล้ว แต่ ณ เวลาที่พูดคุยกับบีบีซีไทยในช่วงสาย เสียงของเธอยังเปี่ยมไปด้วยเสียงสะอื้นไห้อยู่เป็นพัก ๆ

“รู้สึกช็อก มือขาอ่อนไปหมดเลย ทำอะไรไม่ถูก เรารับเสด็จพระองค์ท่านมานาน เลยอยากมาให้กำลังใจพระองค์ท่าน” มณีรัตน์ เลาวเลิศ วัย 64 ปี จาก จ.สมุทรสาคร กล่าว

เธอบอกบีบีซีไทยว่า มักไปรอรับเสด็จพระองค์ภาอยู่เสมอ เพราะประทับใจในพระจริยวัตรที่ “ไม่ถือพระองค์” และ “ใกล้ชิดประชาชนมาก” จึงเป็นเหตุผลที่เธอ “รัก” พระองค์มาก และทราบดีว่า สิ่งที่เธอทำได้คือการให้กำลังใจอยู่ห่าง ๆ และใกล้ชิดได้มากที่สุดเพียงหน้าโรงพยาบาล

ที่มาของภาพ, Thai News Pix

คำบรรยายภาพ,

มณีรัตน์ เลาวเลิศ (ซ้าย)

“เราก็จะอธิษฐานพระสยามเทวาธิราช ขอให้พระองค์ท่านหายประชวร มีพระชนมายุยิ่งยืนนาน เพราะเราเห็นพระราชกรณียกิจของพระองค์ท่านมาตลอด พระองค์ท่านเหมือนเข้มแข็ง ทำงานเหมือนผู้ชาย ไม่ใช่ผู้หญิง ถ้าเป็นเราคงทำไม่ได้แบบนี้” 

“ถ้าไม่ติดธุระอะไร ก็จะมาทุกวันให้ได้”

วันนั้น ณ ดุสิตธานี

ก่อนปี พ.ศ. 2523 ขณะที่ วรวิมล ทำงานเป็นพนักงานแผนกประชาสัมพันธ์ โรงแรมดุสิตธานี เธอได้รับเสด็จ “พระองค์ภา” ขณะทรงพระเยาว์ เป็นครั้งแรก

เธอได้ถวายงานและได้รับพระราชทานโอกาสปรนนิบัติ (เล่นกับ) พระองค์ภาอย่างใกล้ชิด ซึ่งเป็นความทรงจำที่เธอยังจดจำได้มาถึงทุกวันนี้

นับแต่วันนั้น เธอยอมรับว่า รับเสด็จพระองค์ และพระบรมวงศานุวงศ์ มานับครั้งไม่ถ้วน และแม้จะทำงานในต่างประเทศ เธอก็ยังได้รับโอกาสรับเสด็จสมาชิกราชวงศ์จักรี

“ตอนนั้น เป็นพนักงานบริการลูกค้า (กราวด์สตาฟ) ให้ยูไนเต็ด แอร์ไลน์ ที่สนามบินลอสแองเจลิส (ในสหรัฐฯ) ทางบริษัทบอกว่ามีคนสำคัญมาก ๆ มา เราก็มาดู ตายแล้ว! เป็นสมเด็จพระเทพฯ” วรวิมล ย้อนอดีตที่เธอเป็นหญิงไทยคนเดียวของทั้งสนามบินแอลเอ รับเสด็จ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในระหว่างเสด็จพระราชดำเนินเยือนสหรัฐอเมริกา เมื่อกว่า 10 ปีก่อน

ที่มาของภาพ, Worawimol Na Ranong

คำบรรยายภาพ,

วรวิมล (ซ้ายสุด ชุดสีขาว) รับเสด็จพระองค์ภาในวัยทรงพระเยาว์

ที่มาของภาพ, Worawimol Na Ranong

แต่โอกาสสำคัญที่เธอไม่มีวันลืม และปรากฏเป็นหลักฐานเป็นรูปถ่ายอยู่ในสองมือ คือ การถ่ายเซลฟีกับพระองค์ภา เมื่อวันที่ 1 พ.ย. 2562

“จริง ๆ แล้ว ไม่เคยรับเสด็จในวัง ส่วนมากจะรับเสด็จข้างถนน แต่วันนี้บอกตัวเองว่า ลองเข้าไปในวังแล้วกัน จะไปนั่งที่ประตูวิเศษไชยศรี (พระบรมมหาราชวัง)”

“ในหลวงและสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เสด็จมา พอดีพระองค์ภาก็เสด็จมาด้วย ความที่เราเป็นธรรมศาสตร์ด้วยกัน เลยอยากใกล้ชิดกับท่าน เลยเข้าไปกราบบังคมทูลท่าน ‘ขอเซลฟีได้ไหมคะ’ ท่านก็บอกว่าได้” เป็นที่มาของรูปเซลฟีด้วยมือถือ ที่เธอประทับใจจนต้องปรินต์ขยายออกมาเป็นที่ระลึก

บีบีซีไทยถามเธอถึงเหตุผลที่ประทับใจและ “รัก” ในพระองค์ท่าน วรวิมล ตอบว่า ไม่เพียงเพราะเคยศึกษาคณะนิติศาสตร์ ธรรมศาสตร์ เหมือนกัน แต่เพราะพระองค์ภาทรงพระราชกรณียกิจที่ช่วยเหลือพสกนิกรชาวไทยมากมาย อาทิ มูลนิธิอาสาเพื่อนพึ่ง (ภาฯ) ยามยาก เป็นต้น อีกทั้ง เธอรู้สึกว่า พระองค์ทรงงานอย่างมาก และอาจจะมากเกินไป

ที่มาของภาพ, Worawimol Na Ranong

คำบรรยายภาพ,

“ขอเซลฟีได้ไหมคะ ท่านก็บอกว่าได้” วรวิมล

โพชฌังคปริตร

เมื่อตะวันเริ่มลับฟ้า เสียงสวดมนต์เสียงกังวานค่อย ๆ ดังขึ้นจากพระอุโบสถ วัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร เมื่อเข้าไปภายใน ที่นั่งหลายสิบฝั่งซ้ายมือเป็นคณะสงฆ์ของวัด ส่วนซีกขวามือ เป็นเหล่าตำรวจในชุดสีกากี ชายชุดเหลือง และผู้ที่ผูกผ้าพันคอเหลืองของจิตอาสาพระราชทาน

คณะสงค์ ข้าราชการตำรวจ และจิตอาสาเหล่านี้ กำลังสวดมนต์อย่างพร้อมเพรียง เป็นมนต์บท “โพชฌังคปริตร” ที่นิยมสวดในเวลาที่บุคคลที่เกี่ยวข้องและคนที่เคารพนับถือ ไม่สบาย

ที่มาของภาพ, Thai News Pix

คำบรรยายภาพ,

สวดพระพุทธมนต์ถวายพระพรชัยมงคล

พระมหานพพร อริยญาโณ ผู้ช่วยเจ้าอาวาส เล่าว่า “บทนี้ก็มีเรื่องสืบมาตั้งแต่พุทธประวัติว่า มีพระมหาเถระอาพาธ พระพุทธเจ้าก็นำบทสวดนี้ไปสวดให้ท่านฟัง… ให้ท่านมีพละกำลังหายป่วย และสบายขึ้นมา”

นี่เป็นการสวดพระพุทธมนต์ เจริญจิตตภาวนาถวายพระพรชัยมงคลแด่สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภาฯ ตามประกาศของสำนักเลขาธิการมหาเถรสมาคม เมื่อวันที่ 15 ธ.ค.

ในประกาศระบุว่า สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณสมเด็จพระสังฆราชสกลมหาสังฆปรินายก ประธานคณะกรรมการมหาเถรสมาคม ทรงมีพระบัญชาโปรดให้สำนักเลขาธิการมหาเถรสมาคมแจ้งวัดทุกวัดทั่วราชอาณาจักรและวัดไทยในต่างประเทศ ให้คณะสงฆ์พร้อมด้วยพุทธศาสนิกชนร่วมกันเจริญพระพุทธมนต์และเจริญจิตภาวนาเป็นพิเศษต่อจากการสวดมนต์ทำวัตรเช้าและทำวัดเย็นเพื่อถวายพระพรชัยมงคลแด่สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภาฯ ทุกวัน นับแต่บัดนี้ 

พระมหานพพร อริยญาโณ อธิบายว่า การสวดมนต์นั้น แม้ผู้ฟัง “อาจไม่ทราบคำแปล แต่ก็เป็นสื่อให้ผู้ได้ยินเจริญศรัทธาแล้วก็จิตใจก็พลอยสงบไปด้วย แม้แต่ผู้สวดเองก็มีจิตสงบ”

ที่มาของภาพ, Thai News Pix

คำบรรยายภาพ,

“ให้ท่านมีพละกำลังหายป่วย และสบายขึ้นมา” พระมหานพพร อริยญาโณ

ที่มาของภาพ, Thai News Pix

คำบรรยายภาพ,

มนต์บท “โพชฌังคปริตร”

ส่วนทางวัดนั้น ปกติจะทำวัดเช้าและทำวัดค่ำอยู่แล้ว ประกาศของมหาเถรสมาคม จึงไม่ได้เป็นการร้องขอที่มากเกินกำลัง โดยทางวัดก็จะนำบทสวดสำคัญ ไม่เพียงแต่ โพชฌังคปริตร มาสวด ซึ่งล้วนแต่เป็นบทสวดมนต์ที่เกี่ยวข้องกับราชสำนัก ทั้งสิ้น

รวมถึงทางวัดได้ “ประพันธ์บทเกี่ยวกับการถวายพระพร และอำนวยพร ซึ่งล้วนแต่เป็นเรื่องที่ให้พระราชสำนักมีเกษมสำราญ” โดยเฉพาะด้วย

อย่างไรก็ดี สังคมออนไลน์ทั้งเฟซบุ๊กและทวิตเตอร์ มีการพูดถึงการประชวรของสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภาฯ ด้วยแง่มุมที่หลากหลาย แต่สำหรับ วรวิมล แล้ว ตอนนี้ สิ่งที่เธอจะเชื่อถือเพียงอย่างเดียว คือ ประกาศของสำนักราชวัง

“ไม่ฟังใครละ คือไม่ฟังอะไรเลย ในไลน์ ในอะไร เราจะคอยฟังแต่สำนักพระราชวังอย่างเดียว” วรวิมล บอกกับบีบีซีไทย



Source link