ข่าวสารกรุงเทพฯ

มาเลเซียประกาศขึ้นทะเบียน GI “ข้าวสังข์หยดเมืองพัทลุง” และ …



มาเลเซียประกาศขึ้นทะเบียน GI “ข้าวสังข์หยดเมืองพัทลุง” และ “ข้าวหอมมะลิทุ่งกุลาร้องไห้”

นายนภินทร ศรีสรรพางค์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า รัฐบาลมีนโยบายสำคัญในการยกระดับซอฟต์พาวเวอร์ของไทยให้เข้มแข็ง ซึ่งสินค้า GI เป็นหนึ่งในสินค้าที่มีอัตลักษณ์และมีศักยภาพแข่งขันในเวทีโลก กระทรวงพาณิชย์จึงมอบหมายให้กรมทรัพย์สินทางปัญญาเร่งเดินหน้าส่งเสริมสินค้า GI ไทยในทุกมิติ โดยเฉพาะการยื่นขอรับความคุ้มครองในต่างประเทศ เพื่อขยายตลาดและเพิ่มมูลค่าสินค้า

ล่าสุด เมื่อวันที่ 26 กันยายน 2566 สำนักงานทรัพย์สินทางปัญญามาเลเซีย (MyIPO) ได้ประกาศขึ้นทะเบียน GI “ข้าวสังข์หยดเมืองพัทลุง” และ “ข้าวหอมมะลิทุ่งกุลาร้องไห้” ในประเทศมาเลเซียเรียบร้อยแล้ว ส่งผลให้ในปัจจุบันมีสินค้า GI ไทยได้รับการขึ้นทะเบียนในต่างประเทศ รวม 8 รายการ ครอบคลุมกว่า 30 ประเทศ ได้แก่ 1) ข้าวหอมมะลิทุ่งกุลาร้องไห้ ในสหภาพยุโรป จีน มาเลเซียและอินโดนีเซีย 2) ข้าวสังข์หยดเมืองพัทลุง ในสหภาพยุโรป มาเลเซียและอินโดนีเซีย 3) กาแฟดอยช้าง ในสหภาพยุโรปและญี่ปุ่น 4) กาแฟดอยตุง ในสหภาพยุโรป ญี่ปุ่น และกัมพูชา 5) เส้นไหมไทยพื้นบ้านอีสาน ในเวียดนาม 6) ผ้าไหมยกดอกลำพูน ในอินเดียและอินโดนีเซีย 7) มะขามหวานเพชรบูรณ์ ในจีนและเวียดนาม และ 8) ลำไยอบแห้งเนื้อสีทองลำพูน ในเวียดนาม โดยยังมีส้มโอทับทิมสยามปากพนัง อีก 1 สินค้าที่มาเลเซียอยู่ระหว่างพิจารณา

ทั้งนี้ ชาวมาเลเซีย บริโภคข้าวเป็นอาหารหลัก จึงนำเข้าข้าวจากต่างประเทศกว่าร้อยละ 30 ตามความต้องการบริโภคภายในประเทศ ซึ่งข้าวไทยได้รับความนิยมในประเทศมาเลเซีย โดย “ข้าวหอมมะลิทุ่งกุลาร้องไห้” ปลูกในฤดูนาปีบนพื้นที่ทุ่งกุลาร้องไห้ ด้วยสภาพพื้นที่เป็นแอ่งกระทะขนาดใหญ่ ดินเป็นดินร่วนปนทรายมีความอุดมสมบูรณ์ต่ำ ความแห้งแล้งและความเค็มในดิน ส่งผลให้ข้าวเกิดความเครียดและหลั่งสารหอม ข้าวจึงมีความหอมตามธรรมชาติมากกว่าข้าวจากแหล่งอื่น โดยมีผลผลิตข้าวหอมมะลิทุ่งกุลาร้องไห้ รวม 5 จังหวัดกว่า 24,500 ตัน/ปี ราคาเฉลี่ยกิโลกรัมละ 55 บาท สร้างรายได้กว่า 266 ล้านบาท/ปี สำหรับ “ข้าวสังข์หยดเมืองพัทลุง” ปลูกในจังหวัดพัทลุง เมล็ดข้าวเรียวเล็ก อ่อนนุ่ม ข้าวกล้องมีสีแดงจนถึงแดงเข้ม ข้าวสารมีสีขาวปนแดงแกมชมพูเป็นเอกลักษณ์ มีผลผลิตข้าวสังข์หยดเมืองพัทลุง 8,000 ตัน/ปี สร้างรายได้กว่า 104 ล้านบาท/ปี




ข้อมูลข่าวและที่มา

ผู้สื่อข่าว : เอกวิณ กากะนิก

ผู้เรียบเรียง : ธนพิชฌน์ แก้วกา

แหล่งที่มา : สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย



Source link