ข่าวสารกรุงเทพฯ

ราคาข้าวในเอเชีย พุ่งสูงสุดในรอบ 15 ปี เหตุเอลนีโญฉุดกำลังผลิตในไทย-อินเดียระงับส่งออก


 

สำนักข่าวบลูมเบิร์ก รายงานวานนี้ (30 พ.ย.) ว่า ราคาข้าวในเอเชีย พุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบ 15 ปี โดยราคาข้าวขาวไทยหัก 5% ซึ่งเป็นเกณฑ์มาตรฐานของเอเชีย พุ่งขึ้น 57 ดอลลาร์สหรัฐในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา เป็น 640 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน ซึ่งจะเพิ่มความยากลำบากให้กับประชากรจำนวนหลายพันล้านคนในทวีปเอเชียและแอฟริกา ที่รับประทานข้าวเป็นอาหารหลัก สาเหตุจากปรากฏการณ์เอลนีโญ ที่ส่งผลกระทบต่อการเพาะปลูกในไทย รวมไปถึงมาตรการจำกัดการส่งออกของอินเดีย

 

ราคาข้าวขาวไทยหัก 5% ซึ่งเป็นเกณฑ์มาตรฐานของเอเชีย พุ่งขึ้น 57 ดอลลาร์สหรัฐในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา เป็น 640 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน หลังจากราคาชะลอตัวลงช่วงหนึ่ง ส่งผลให้ราคาข้าวเข้าใกล้ระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนต.ค. 2551 โดยราคาข้าว เคยแตะระดับดังกล่าวมาแล้วครั้งหนึ่งเมื่อช่วงต้นเดือนส.ค.ที่ผ่านมา เนื่องมาจากมาตรการจำกัดการส่งออกของอินเดีย ซึ่งเป็นผู้ส่งออกข้าวรายใหญ่อันดับ 1 ของโลก และคาดว่าจะคงมาตรการดังกล่าวถึงปี 2567 เนื่องจากนายกรัฐมนตรีนเรนทรา โมดี ต้องการคุมราคาข้าวในประเทศ ก่อนถึงการเลือกตั้ง โดยมาตรการคุมเข้มการส่งออกข้าวของอินเดีย ได้นำไปสู่การทำข้อตกลงอุปทานข้าวหลายฉบับ เนื่องจากเหล่าผู้บริโภครายใหญ่ต่างวิตกกังวลเกี่ยวกับอุปทานข้าว

 

ด้านนายชูเกียรติ โอภาสวงศ์ ประธานกิตติมศักดิ์ของสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย กล่าวว่า ความต้องการข้าวไทยเพิ่มขึ้นสูง จากประเทศผู้ซื้อที่ไม่คาดคิด อย่างบราซิลและฟิลิปปินส์ เป็นปัจจัยหนุนให้ราคาข้าวแพงขึ้น พร้อมระบุเสริมว่า ราคาข้าวในประเทศที่สูงขึ้นและเงินบาทแข็งค่า เป็นอีกปัจจัยที่หนุนราคาข้าว และชี้ว่า ช่วงเวลาปัจจุบันข้าวไทยกำลังขายดี เนื่องจากสต็อกข้าวของเวียดนามมีจำนวนเหลือน้อยลง

 

พร้อมกันนี้ ปรากฏการณ์เอลนีโญ ยังเป็นปัจจัยสำคัญที่หนุนราคาข้าวพุ่งสูง เนื่องจากก่อให้เกิดภาวะแห้งแล้งในพื้นที่เพาะปลูกในทวีปเอเชียนั้น โดยการผลิตข้าวของไทยมีแนวโน้มลดลง 6% ในปี 2566-2567 ขณะที่เวียดนามแจ้งให้ชาวนาปลูกข้าวรอบใหม่ให้เร็วขึ้น เนื่องจากมีความเสี่ยงเรื่องภัยแล้ง

 

ทั้งนี้ ข้าว ถือเป็นอาหารหลัก ของประชากรจำนวนหลายพันล้านคนทั่วโลก และมีปริมาณแคลอรี่มากถึง 60% ของสารอาหารทั้งหมด สำหรับผู้คนในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และแอฟริกา 

 

 





Source link