สถานการณ์ “เพื่อไทย” ฉีกขั้ว “ก้าวไกล” ชิงตั้งรัฐบาล : “ทักษิณ” กลับบ้าน มั่นใจเอาอยู่
ลองวีกเอนด์ ประชาชนได้พักผ่อนหย่อนใจห้วงวันหยุดยาว
แต่ที่ไม่พักก็คือยุทธการชิงอำนาจการเมือง เกมวิ่งผลัดจัดขั้วตั้งรัฐบาล ยื้อแย่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรี ที่ยังชักเย่อ เอาล่อเอาเถิดกันมานานกว่า 2 เดือนไปแล้วนับจากวันเลือกตั้ง
แนวโน้มสถานการณ์ยังไม่ตกผลึก สภาพขึงพืดกันตึงเป๊ะ
ล่าสุดเกมมาถึงจุดหักเหสำคัญ เมื่อตัวละครที่มีบทบาทสูงอย่างนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ผู้มีบารมีตัวจริงเสียงจริงของพรรคเพื่อไทย
ตัดสินใจ “ตีไพ่” เดิมพัน ปั่นกระแสครึกโครม
ผ่านการประกาศโดย “อุ๊งอิ๊ง” แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ลูกสาวหัวแก้วหัวแหวน เปิดแผนรอรับพ่อกลับบ้าน
ยืนยันนายทักษิณจะบินกลับประเทศไทยในวันที่ 10 สิงหาคมนี้
ล็อกพิกัดเครื่องบินลงที่ท่าอากาศยานดอนเมือง ระบุชัดๆลงวัน ว. เวลา น. ถือว่าเป็นรูปธรรม หยั่งน้ำหนักความเป็นไปได้มากสุด ในจำนวน 18 ครั้งที่ “นายห้างดูไบ” ประกาศกลับบ้าน
งานนี้ไม่น่าจะมีหักมุม “คืนตั๋ว” เหมือนที่ผ่านมา
อีกทั้งสังเกตว่า รอบนี้ไม่มีเสียงเจี๊ยวจ๊าวจากขบวนการต่อต้าน บรรดาขาประจำทั้งสลิ่ม กปปส.และแนวร่วมม็อบพันธมิตรเสื้อเหลือง ออกมาส่งเสียงเอะอะโวยวาย โห่ไล่โจทก์เก่า
เงียบเป็นเป่าสาก สงบปาก สงบคำ ไม่หือไม่อือ
แถมยังแบะท่าเปิดทาง อำนวยความสะดวกให้ “ทักษิณ” กลับบ้านแบบไม่มีอะไรค้างคา
ประเมินสถานการณ์มีความเป็นไปได้สูง ในระดับที่ “บิ๊กเด่น” พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร.เปิดแผนเผชิญเหตุรอรับตัวอดีตผู้นำอย่างเป็นทางการ ด้วยการมอบหมายให้ พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข ผู้ช่วย ผบ.ตร.ดูแลทั้งด้านความปลอดภัยและการจราจร
ตามกระบวนการรับตัว “ผู้ต้องหา” หนีคดี
โดยจะมีเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง (ตม).แสดงหมายจับ ก่อนควบคุมตัวไปให้พนักงานสอบสวน สน.ดอนเมือง ลงบันทึกการจับกุม จากนั้นจะนำตัวส่งศาลพิจารณา แต่หากศาลปิดหรือหมดเวลาทำการ ก็จะนำตัวอดีตนายกฯไปควบคุมไว้ที่สถานควบคุมพิเศษ โรงเรียนพลตำรวจบางเขน โดยเจ้าหน้าที่ได้มีการเตรียมพื้นที่ไว้รอรับแล้ว
ข้ามช็อตไปถึงแนวทาง “ไกด์ไลน์” ล่วงหน้า
โดยนายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯฝ่ายกฎหมายในฐานะรักษาการ รมว.ยุติธรรม ไล่เรียงขั้นตอน ที่ทางกรมราชทัณฑ์ได้มีการเตรียมพร้อมล่วงหน้าตั้งแต่ที่นายทักษิณประกาศรู้กันทั่วบ้านทั่วเมือง จะกลับมาในวันเกิดแล้ว
พร้อมรับตัวไปคุมขังตามคำพิพากษาคดีถึงที่สุดแล้ว 3 คดี รวมโทษทั้งหมดจำคุก 10 ปี
ส่วนโอกาสจะขอพระราชทานอภัยโทษหรือไม่ เป็นสิทธิของผู้ต้องขังทุกคนอยู่แล้ว เพียงแต่เงื่อนไขคือต้องอยู่ระหว่างการรับโทษ ต้องเข้าห้องขังก่อน เมื่อรับโทษแล้วก็สามารถยื่นขอพระราชทานอภัยโทษได้ตั้งแต่วันแรก
แต่ต้องคิดให้ดี เพราะถ้าเขียนฎีกา ยื่นขอพระราชทาน อภัยโทษไปแล้วไม่โปรดเกล้าฯลงมา ก็จะไม่สามารถยื่นได้อีก ภายใน 2 ปี
ขีดเส้นใต้ ปมที่นายวิษณุกระตุกเตือนต้อง “คิดให้ดี”
จุดนี้น่าจะต้องชั่งใจกันหนักๆในจังหวะก่อนถึงดีเดย์ 10 สิงหาคม ในอารมณ์กลับบ้านเท่ๆโดยไม่ติดคุก อย่างที่นายทักษิณเคยประกาศไว้ ไม่น่าจะได้เห็นฉากแบบนั้น
ว่ากันตามขั้นตอนการรับตัว“ผู้ต้องหา” หนีคดี ไม่รู้ว่ากองเชียร์เสื้อแดงจะได้เข้าถึงตัวหรือไม่
ตำรวจเสียง แข็ง ต้องดำเนินการเหมือนบุคคลทั่วไป ไม่มีสิทธิพิเศษ
แต่ทั้งหมดทั้งปวง ถ้าไม่มั่นใจ คงไม่กล้ากลับมาเสี่ยง ระดับโคตรเซียนเกมอำนาจอย่าง “ทักษิณ”ที่โบยบินเย้ยฝ่ายไล่ล่าในเมืองไทยมากว่า 20 ปี
ไม่ชัวร์ ไม่เอาตัวมาติดคุกยาวแน่
และที่สำคัญเหนืออื่นใด ต้องมั่นใจความปลอดภัยในชีวิต นั่นหมายถึงต้องมีหลักประกันอำนาจอยู่ในมือ เป็นฝ่ายคุมกลไกรัฐได้
ตามเงื่อนไขสถานการณ์มันจึงเชื่อมโยงกับ “ซุปเปอร์ดีล” ภาพข่าวที่ “ทักษิณ” มาปักหลักที่เขตปกครองพิเศษฮ่องกง เป็นฐานบัญชาการเคลื่อนที่
โดยมีแกนนำพรรคเพื่อไทยบินไปรับนโยบาย รวมถึงหัวขบวนพรรคร่วมรัฐบาลเดิมทั้งพรรคพลังประชารัฐ ภูมิใจไทย ชาติไทยพัฒนา รวมไทยสร้างชาติ ไปยันค่ายประชาธิปัตย์ ถูกเรียกไปร่วมวงเจรจาจัดสมการรัฐบาล
บางกระแสระบุมีบิ๊กทหารชื่อดังและ “นายทุนใหญ่” อยู่ด้วย
รวมไปถึง “ไพร่หมื่นล้าน” นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ผู้นำความคิดของกองทัพก้าวไกล ก็ยังมีชื่ออยู่ในบัญชีคณะบุคคลที่เดินทางไปพบ “นายห้างดูไบ”
จับเข่าคุยกันในที่ลับ แต่ถูกปล่อยโพยในที่แจ้ง
“นายใหญ่” แสดงให้เห็นถึง “พลังภายใน” ขั้นสุดยอด พร้อมๆกับการปล่อยสมการจับขั้วรัฐบาลสารพัดสูตร ทั้ง “มีเรา ไม่มีลุง” หรือ “มีลุง ไม่มีเรา” ไปยัน “ไม่มีทั้งลุง ไม่มีทั้งเรา”
แต่ทุกสูตรต้องมีพรรคเพื่อไทยเป็นแกนหลัก
“ทักษิณ” กดปุ่ม จิ้มเลือกพรรคร่วมรัฐบาลด้วยตัวเอง
ลาก “ธนาธร” ไปรับรู้เกม “ถีบทิ้ง” แบบนิ่มนวล สลัดค่ายก้าวไกลไปเป็นฝ่ายค้าน
ล้อไปกับจังหวะที่นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา ล็อกคิวโหวตนายกรัฐมนตรีรอบต่อไปในวันที่ 4 สิงหาคม หากไม่มีคำสั่งของศาลรัฐธรรมนูญแทรกคิว จะรวบหัวรวบหางให้จบ
เพื่อให้ทันเวลา ก่อน “ทักษิณ” กลับมาติดคุกอย่างปลอดภัย
ตามรูปเกมที่ลงล็อก เข้าเหลี่ยมทีม “นายห้างดูไบ” ที่วางหมากกลไว้ตั้งแต่การยื้อแย่งเก้าอี้ประธานสภาผู้แทนราษฎรจากทีมก้าวไกล จนสถานการณ์ไหลมาถึงการได้สิทธิเป็นแกนนำจัดรัฐบาล ล็อกเก้าอี้นายกรัฐมนตรี รองรับการเดินทางกลับบ้าน
ตามเกมอำนาจภาคบังคับโดยอัตโนมัติจากการฉีกขั้ว
“ทักษิณ” จะพลิกเป็นหัวขบวนของฝ่าย “อนุรักษ์นิยม” ตามที่ถูกนักวิชาการเปรียบเปรยว่า คืนร่างจากฝ่ายประชาธิปไตยจำแลง มาประจันหน้ากับกองทัพคนรุ่นใหม่ ค่ายก้าวไกล
ตามฟอร์มของโคตรเซียนเกมมวลชนตัวพ่อ ที่ประกาศศักดามาแล้วในการจัดตั้งกองทัพเสื้อแดง เป็นกองกำลังรบกับฝ่ายโค่นกระดานอำนาจมาตลอด 20 กว่าปี
“นายใหญ่” การันตีผลงาน เคลมกับฝ่าย “อำนาจเก่า” ในการบล็อกเกมบุกของกองทัพส้มได้
“ทักษิณ” คนเดียวที่ “เอาอยู่”
สไตล์ “นายใหญ่” ผู้พกความมั่นอกมั่นใจในตัวเองอย่างเต็มเปี่ยม
ตามเกม ดีลอำนาจในสภาใกล้จบ แต่เกมรบ นอกสภายังต้องลุ้นระทึกต่อไป
กับความท้าทายของ “ทักษิณ” ที่อาจเชี่ยวเชิงเกมมวลชน “จัดตั้ง” แต่ในสถานการณ์ที่กองทัพแดงฐานกำลังหลัก แตกฉานซ่านเซ็นทำให้พลังลดน้อยถดถอยลง
พรรคเพื่อไทยพ่ายแพ้เลือกตั้งใหญ่ เสียแชมป์ให้พรรคก้าวไกลในรอบกว่า 20 ปี
เทียบกับแนวร่วมพลังส้มที่แข็งแกร่งขึ้นทุกวัน
ม็อบ “ออร์แกนิก” เบ่งบาน ตามพัฒนาการธรรมชาติเด็กรุ่นใหม่ไฟอุดมการณ์คุโชน
แบบที่แนวร่วมนักศึกษาเริ่มก่อชนวนตามมหาวิทยาลัย ไล่จากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และศูนย์กลางหลักคือมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
“ม็อบเสื้อดำ” ชุมนุมขับไล่ สว.ลากตั้ง แสดงพลังต่อต้านการฉีกขั้วตั้งรัฐบาลฝืนมติประชาชน ที่มากันล้นแยกอโศก เต็มแยกราชประสงค์ นัดกันถี่ๆ มากันแน่นๆ เต็มถนน
สถานการณ์ม็อบรุ่นใหม่อาละวาดเลยเถิด เกิดขึ้นได้ทุกขณะ
พร้อมประจันหน้าทีม “ทักษิณ” ที่ต้องถือกระบองอำนาจรัฐ ฟัดกับ “ด้อมส้ม”.
“ทีมการเมือง”