ข่าวสารกรุงเทพฯ

สว.สมชาย ค้าน ตั้ง”ทักษิณ” เป็นที่ปรึกษาฯ – สำนักข่าวไทย อสมท


รัฐสภา 22 ก.ย.- “สว.สมชาย” ค้านตั้ง “ทักษิณ” เป็นที่ปรึกษาฯชี้ ไม่ง่าย ต้องผ่านหลายขั้นตอน ขอรัฐบาลใจเย็น เกรงเป็นคลื่นใต้น้ำ พร้อมแนะกระบวนการสร้างความสมานฉันท์ในสังคม

นาย สมชาย แสวงการ สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) กล่าวถึงกรณีที่ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯ มีแนวคิดจะให้ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นที่ปรึกษารัฐบาล โดยมองว่า ต้องดูหลักนิติธรรมที่ นายเศรษฐา แถลงต่อสภาฯ  ในการควบคุมนักโทษเด็ดขาด ว่าจะดำเนินการอย่างไร ให้เกิดกระบวนการยุติธรรมที่น่าเชื่อถือ โดยหลักแล้วยนายทักษิณ เป็นนายกฯที่ มีคุณงามความดี แต่ก็มีคดีติดตัวที่ศาลฎีกามีคำพิพากษา จำคุก 3 คดี รวม 10 ปี ได้รับพระราชทานลดโทษเหลือ 1 ปี คิดว่าเพื่อให้เกิดหลักนิติธรรมและการปรองดองสมานฉันท์ในประเทศ ควรที่จะพิจารณาควบคู่กัน คือ นายทักษิณ ต้องเข้าสู่ระบบยุติธรรมไทยอย่างตรงไปตรงมา นักโทษหลายคดี ที่เคยเป็นอดีตรัฐมนตรี อดีตแกนนำที่เคยเป็นคู่ขัดแย้งต่างๆ ก็เข้าสู่กระบวนการทั้งสิน การที่นายเศรษฐาพูดถึงนายทักษิณในลักษณะจะดึงมาช่วยงานรัฐบาลนั้น จะต้องผ่านด่านตรงนี้ก่อน คือการที่นายทักษิณ น้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณ รับการลดโทษเหลือ 1 ปี เข้าสู่กระบวนการอย่างแท้จริง โดยไม่ได้หมายความว่าต้องกลับไปเข้าไปอยู่ในเรือนจำ แต่ สามารถให้อยู่ในเขตโรงพยาบาลได้จนครบ 1 ปี

“ส่วนเกณฑ์การขอลดโทษเพิ่มเติม คิดว่านายทักษิณได้มามากพอสมวรแล้ว ก็สมควรที่จะดำเนินการให้เป็นแบบอย่าง เพราะตัวนายทักษิณเองก็เคยพูดเสมอว่า อยากเห็นประเทศไทย มีรัฐบุรุษเรื่องการตกเป็นคดีความ เช่น เนลสัน แมนเดล่า อองซาน ซูจี นายกฯ มาเลเซีย เกาหลีใต้ หรือ ประธานาธิบดี อินโดนีเซีย ที่เกิดความขัดแย้งต่างๆ ก็เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมทั้งนั้น ไม่ใช่ได้คืบจะเอาศอก ได้ศอกจะเอาวา” นายสมชาย กล่าว

นายสมชาย กล่าวว่า เห็นว่ารัฐบาลปรองดองสมานฉันท์ในขณะนี้ ที่ นายเศรษฐา เป็นนายกฯ ควรจะหยิบเรื่องของคดีที่มีความขัดแย้งในอดีต ไม่ว่าจะเป็นการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตร ในปี  2547-48  การชุมนุมของกลุ่ม นปช.ในปี 2549-2553 ที่มีการบาดเจ็บล้มตายของ ทหาร ตำรวจ ประชาชน ทั้งหลาย รวมถึงคดีปิดสนามบิน เผาศาลากลาง ฯลฯ ที่ไม่ทำให้เกิดการเสียชีวิต ไม่ว่าจะเป็นการเสียหายเรื่องทรัพย์สินราชการ เรื่องเหล่านี้ ควรจะได้เข้ามาอยู่ในคณะกรรมการปรองดองพิจารณา ออก พ.ร.ก.นิรโทษกรรม ให้กับทุกฝ่าย ไม่ว่าจะเป็นเสื้อเหลือง เสื้อแดง หรือสีไหนๆก็ตาม  เว้นแต่คดี ม.112 ซึ่งเป็นเรื่องส่วนบุคคล

“เรื่องที่ นายเศรษฐา ควรทำก่อนที่จะเชิญคุณทักษิณมาเป็นที่ปรึกษา คือการทำเรื่องนี้ให้เกิดความปรองดองสมานฉันท์ แท้จริงแล้วถ้าเป็นไปได้ นายทักษิณอยู่ครบในเรือนจำ 1 ปี เรื่องของการปรองดองอภัยซึ่งกันและกันโดยให้ทุกฝ่ายยอมรับกับสังคม และเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมเปลี่ยนผ่าน ทำพร้อมๆ กันเสร็จภายใน 1 ปี ผมคิดว่าสมบูรณ์กว่า แต่หากปล่อยคุณทักษิณออกมาก่อน แล้วคนอื่นยังอยู่ในคดี สังคมอาจจะไม่สงบ จะเกิดคลื่นใต้น้ำไปยังรัฐบาลคุณเศรษฐาได้” นายสมชาย กล่าว

นายสมชาย กล่าวว่าการตั้ง นายทักษิณ เป็นที่ปรึกษารัฐบาล ส่วนตัวคิดว่าไม่จำเป็น เพราะมีอดีตนายกรัฐมนตรีหลายคนที่สามารถขอคำปรึกษาได้ เช่น นาย สมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายชวน หลีกภัย นายอานันท์ ปันยารชุน นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หรือแม้กระทั่ง นางสาว ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร โดยให้อยู่นอกตำแหน่งที่ปรึกษารัฐบาลจะดีกว่า และไปขอคำปรึกษาได้ทั้ง อดีตนายกรัฐมนตรี และอดีตรัฐมนตรีคลัง หลายๆท่านในอดีต

“ผมคิดว่ายังเร็วเกินไป ที่นายกฯ จะมาตอบในเรื่องนี้ คิดว่าเรื่องนี้กระทบความเชื่อมั่นในรัฐบาล กระทบกระบวนการยุติธรรม เรื่องของศรัทธาการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม  ถ้าหากเป็นไปได้ก็อย่าไปตั้งเลยจะดีกว่า ขอคำปรึกษาแบบไม่เป็นทางการดีแล้ว” กล่าว

ส่วนการที่ นายเศรษฐา ได้ไปแสดงวิสัยทัศน์ในเวทีระดับโลก นายสมชาย กล่าวว่า  การไปทำหน้าที่หลายเรื่องก็ถือว่าดี น่าชื่นชม อย่างเช่นคำถามเกี่ยวกับความเป็นกลาง ระหว่างสหรัฐอเมริกา กับ จีน ที่เป็นขั้วขัดแย้ง ก็ตอบได้ดี กระทรวงต่างประเทศช่วยทำการบ้านมาดี เพราะประเทศไทยเล็กเกินกว่าที่เป็นคู่ขัดแย้งกับใคร

“ที่ผ่านมาแนวทางของ พระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 สมานสัมพันธ์ กับมิตรประเทศทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น ทางรัสเซีย หรือ ยุโรป วันนี้รัฐบาลก็ต้องเดินแนวเดิมของรัฐบาล พลเอกประยุทธ์ นั่นคือการประสานทุกฝ่าย ไม่เลือกข้างใดข้างหนึ่ง” นายสมชาย กล่าว

นาย สมชาย กล่าวว่า นายเศรษฐา เป็นนายกฯ ของคนทั้งประเทศ และการปรองดองระหว่างรัฐบาลขั้วเก่าและใหม่ อะไรที่จะทำให้เกิดความขัดแย้งต้องระมัดระวังอย่าให้เกิดขึ้น

“อย่าพึ่งไปใจด่วนใจเร็ว อาจจะเป็นเทรนด์ของภาคเอกชน โดยซีอีโอบริษัท สั่งแล้วต้องได้ทุกอย่าง แต่ผมคิดว่าบางเรื่อง ฟังเสียงติติงก่อน อ่านช้าไปนิดนึง แต่จะเกิดความมั่นคงยั่งยืนกว่า อย่างกรณีเรื่องของ เงินดิจิทัล วอลเล็ต หรือการจะไปยุบเลิกโครงการ แลนด์บริดจ์ คิดว่ารัฐบาลต้องทบทวนให้ดี  เพราะกระทบความเชื่อมั่นในการลงทุน  วันนี้เราเห็นว่าวิกฤตเศรษฐกิจ ยังมีอยู่ทั่วโลก ถ้ารัฐบาลต่อยอดจากรัฐบาลชุดที่แล้ว รัฐบาลนี้ก็จะได้ผลพวง สามารถต่อยอดเดินหน้าประเทศไทยให้เป็นประเทศพัฒนา มีความโปร่งใส ซื่อสัตย์ สุจริต จะดีกว่า”นายสมชาย กล่าว.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม





Source link