อนุทิน เผย ‘เพื่อไทย’ เลื่อนคุยตั้งรัฐบาล ย้ำเงื่อนไข ไม่แตะม.112-ไม่เอารบ.เสียงข้างน้อย
‘อนุทิน’ เผย ‘พท.’ เลื่อนถกคุยตั้งรัฐบาลไปก่อน ย้ำ เงื่อนไขร่วมรบ. คือไม่แตะม.112 และไม่เอารบ.เสียงข้างน้อย เป็นหน้าที่ พท.รวมให้ได้ 375 เสียง
เมื่อวันที่ 3 สิงหาคม ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.สาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีประธานรัฐสภาเลื่อนการโหวตนายกรัฐมนตรีออกไปก่อน เพื่อรอฟังคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญประเด็นการเสนอชื่อนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคและแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีซ้ำ ว่า ทางประธานรัฐสภาคงอยากให้ทุกอย่างมีความชัดเจนจะได้ไม่ต้องมีปัญหาในภายภาคหน้า จึงสั่งการให้มีการเลื่อนญัตติการเลือกนายกฯไปก่อน
เมื่อถามว่า ก่อนจะมีการเลื่อนโหวตนายกฯ ทาง ภท.ถูกทาบทามร่วมรัฐบาลจากพรรคเพื่อไทย (พท.) อย่างเป็นทางการหรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า เรามีการนัดพูดคุยกัน แต่ยังไม่ได้ทราบว่าจะคุยแล้วผลลัพธ์ออกมาเป็นอย่างไร แต่เมื่อมีการเลื่อนโหวตนายกฯ ที่นัดเอาไว้บ่ายวันนี้จึงมีการยกเลิกนัดแล้วเลื่อนออกไปก่อน โดยทาง พท.ได้โทรศัพท์ประสานงานเพื่อแจ้งว่าที่นัดกันไว้นั้นขอเลื่อนออกไปก่อน
ถามว่า สถานการณ์ที่เกิดขึ้นสะท้อนให้เห็นว่าการโหวตนายกฯ จะเกิดความไม่ราบรื่นอีกหรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า ทุกคนอยากให้มีความชัดเจน พอมีการยื่นไปที่ศาลรัฐธรรมนูญตีความในเรื่องต่างๆ เพื่อความชัดเจน เขาจึงอยากให้มีการชี้ขาดออกมาเสียก่อนที่จะดำเนินการใดๆ ต่อไป
ผู้สื่อข่าวถามว่า ถือว่าดีหรือไม่ เพราะจะได้เปิดโอกาสให้ พท.มีเวลาในการเจรจากับพรรคต่างๆ นายอนุทินกล่าวว่า จะถือว่าดีไม่ได้ เพราะรัฐบาลใหม่ควรจะได้รับการจัดตั้งโดยเร็ว เลือกตั้งมาจะครบ 3 เดือนอยู่แล้ว และรัฐบาลรักษาการก็ทำอะไรไม่ได้ ถึงแม้ว่าจะมีอำนาจเต็ม ดังนั้น จึงอยากให้มีรัฐบาลอย่างเป็นทางการได้เข้ามาทำงานให้เร็วที่สุด
เมื่อถามว่า ทาง ภท.ยังมีคำถามและสงสัยอะไรในตัวนายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกฯของ พท.อยู่หรือไม่ เพราะทางนายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ออกมาแฉข้อมูลเรื่องต่างๆ นายอนุทินกล่าวว่า ภท.ได้แจ้งพรรคแกนนำจัดตั้งรัฐบาลไปแล้วว่าเรามีแนวทางอย่างไร เป็นไปตามที่ ภท.มีแถลงการณ์ไปแล้ว คือต้องไม่แตะต้อง ไม่แก้ไขมาตรา 112 ไม่จัดตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อย และไม่สามารถทำงานร่วมกับพรรคก้าวไกล (ก.ก.) ได้ ส่วนเรื่องของพรรคอื่นเราไปยุ่ง หรือไปก้าวล่วงอะไรไม่ได้ ภท.มีกรอบอยู่แค่นี้ ถ้าเขายังอยู่ในกรอบก็ต้องเป็นเรื่องของพรรคใครพรรคมัน
เมื่อถามว่า ขณะนี้มีการเผยแพร่คลิปที่นายเศรษฐาเคยระบุตอนหาเสียงว่าจะแก้ไขมาตรา 112 ออกมาเช่นกัน นายอนุทินกล่าวว่า คงต้องฟังนายเศรษฐาและ พท.ชี้แจง สิ่งนี้ตนไม่อยากให้ผู้สื่อข่าวไปจี้ไปไชอะไรมากนัก เพราะเวลาหาเสียงบางทีการพูดอะไรก็เป็นไปตามสถานการณ์ในห้วงเวลานั้นๆ
ถามว่า ภท.มีเงื่อนไขหรือไม่ว่าก่อนจะตกลงเข้าร่วมรัฐบาลกับใคร แคนดิเดตนายกฯของพรรคนั้นๆ จะต้องมีหลักประกันว่าได้เสียงถึง 375 เสียง นายอนุทินกล่าวว่า ตรงนั้นเป็นหลักประกันไม่ได้ ใครจะมาประกันได้ ทุกคนต้องช่วยๆ กัน ภท.มีเงื่อนไขหลักตามที่แถลงการณ์ของพรรคไปแล้ว
เมื่อถามว่า หากการร่วมรัฐบาลกับ พท.โดยไม่มีพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) กับพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ทาง ภท.ยอมรับได้หรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า ข้อจำกัดมีแค่ในแถลงการณ์ของ ภท. เรื่องการจัดตั้งรัฐบาลเราจะต้องไม่ไปก้าวก่ายพรรคแกนนำ เมื่อถามย้ำว่า แสดงว่าไม่มีสัญญาใจกับพรรค 2 ลุงใช่หรือไม่ ว่าถ้าจะไปไหนต้องไปด้วยกัน นายอนุทินกล่าวว่า การแพคกับขั้วเดิมตอนนี้มันเป็นเสียงข้างน้อย ซึ่ง ภท.บอกแล้วว่าเราไม่จัดรัฐบาลเสียงข้างน้อย เพราะอยากให้รัฐบาลมีความมั่นคง ซึ่งรัฐบาลที่มีความมั่นคงคือรัฐบาลเสียงข้างมาก เมื่อถามอีกว่า ถ้าจะไปคือไปทั้ง 3 พรรค ทั้ง ภท. รทสช.และ พปชร.ใช่หรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า อย่างนั้นคงไม่ได้ แต่ละพรรคต้องมีแนวทางของตัวเอง จูงมือกันไปก็คงไม่ได้ เพราะไม่เคยเห็นว่าพรรคใหญ่ๆ มีใครเขาทำกัน
เมื่อถามว่า มีเสียงวิจารณ์ว่าถ้าไม่มี รทสช.และ พปชร.ก็จะฝ่าด่าน ส.ว.ได้ยาก นายอนุทินกล่าวว่า เป็นสิทธิของพรรคที่เป็นแกนนำที่จะต้องไปเคลียร์และไปทำความเข้าใจ ซึ่ง ส.ว.บอกมาเหมือนกันว่าคราวที่แล้วที่ ส.ว.ไม่สามารถโหวตให้ได้เพราะอะไร รวมถึงเหตุผลที่เป็นกังวลของ ส.ว.ได้ถูกแก้ไขแล้ว ดังนั้น ก็ต้องเชื่อว่าไม่น่าจะมีปัญหาอะไร
ถามว่า ในฐานะที่ ภท.เป็นพรรคอันดับ 3 หากเกิดปัญหาขึ้นจริงพร้อมหรือไม่ที่จะเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล นายอนุทินกล่าวปนหัวเราะว่า อย่าให้มีปัญหาดีกว่า เราเป็นพรรคอันดับ 3 ถ้าเราสนับสนุนให้มีรัฐบาลโดยเร็วได้โดยไม่ขัดกับแนวทาง หรือนโยบายของ ภท. เราก็พร้อมให้การสนับสนุน เพราะประเทศต้องมีรัฐบาล