อาณาจักรน้ำเมา “ไทยเบฟ” ไล่ซื้อกิจการ-อัดงบลงทุน เสริมแกร่งตลาดเอเชีย
นายฐาปน สิริวัฒนภักดี กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) หรือ ไทยเบฟ ย้ำว่า ยุทธศาสตร์ขับเคลื่อนธุรกิจตามเป้าหมาย Passion 2025 เพื่อสร้างการเติบโตของธุรกิจ รายได้ และกำไร เพื่อขยายธุรกิจให้เชื่อมโยงสู่ภูมิภาคอาเซียน จากที่ผ่านมาที่ให้น้ำหนักในการขยายธุรกิจในประเทศไทยเป็นหลัก อีกทั้งยังมองเป็นการเพิ่มโอกาสทางการค้าจากกลุ่มอาเซียนบวก 9 ทั้งนี้ ยังมองไปถึงการเชื่อมโยงทางการค้ากับตลาดโลกในอนาคตได้มากขึ้น ปัจจุบันไทยเบฟครองอันดับ 9 ของเอเชีย ด้วยมูลค่า 3.92 แสนล้านบาท
เดินหน้าดันธุรกิจสุรา โตต่างแดน
“ไทยเบฟ” เดินหน้าเสริมสร้างตราสินค้าหลักอย่างรวงข้าว หงส์ทอง แสงโสม และเบลนด์ 285 ให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น ในประเทศเมียนมา แกรนด์ รอยัล วิสกี้ ก็ยังคงรักษาตําแหน่งวิสกี้อันดับหนึ่งไว้ได้ คาดอุปสงค์ต่อสินค้าและการเติบโตของธุรกิจจะยังคงดีอย่างต่อเนื่องไปจนถึงสิ้นปีนี้
สำหรับการรุกแผนการตลาดในต่างประเทศ ไทยเบฟเดินหน้าขยายกลุ่มสินค้าระดับพรีเมียม พร้อมเสริมความแข็งแกร่งให้กับช่องทางการจำหน่ายในต่างประเทศผ่านการเข้าซื้อธุรกิจลาร์เซน คอนญัก(Larsen Cognac) ในฝรั่งเศส 58.5 ล้านยูโร ธุรกิจที่ไทยเบฟต้องการซื้อมาร่วม 10 ปีแล้ว และคาร์โดรนา ดิสทิลเลอรี่(Cardrona Distillery) รวมถึงกิจการวิสกี้แบบซิงเกิลมอลต์ของนิวซีแลนด์ ด้วยงบไม่เกิน 1,000 ล้านบาท โดยการเข้าซื้อธุรกิจในครั้งนี้เป็นก้าวแรกในการเข้าสู่ตลาดคอนญักและตลาดสุราโลกใหม่ (New World Spirits) ที่จะเข้ามาเติมเต็มกลุ่มตราสินค้าสุราของไทยเบฟ
ทุ่มงบ 4 พันล้าน ยึดกัมพูชาฐานผลิตใหม่
“ไทยเบฟ” เตรียมแผนทุ่มเงินลงทุน 7,000 ล้านบาท แบ่งเป็นงบสำหรับลงทุนในธุรกิจเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และนอนแอลกอฮอล์ เพื่อผลิตเบียร์และชาเขียวในกัมพูชาราว 4,000 ล้านบาท ส่วนอีก 3,000 ล้านบาท จะไว้สำหรับลงทุนในไทย อาทิ ด้านระบบขนส่งต่างๆ โดยก่อนหน้านี้ตลาดกัมพูชาเป็นตลาดส่งออกของไทยเบฟอยู่แล้ว
แต่เล็งเห็นถึงศักยภาพของกัมพูชา ที่นอกจากจะเป็นฐานการผลิตแล้วนั้น ยังสามารถเชื่อมต่อด้านการขนส่งไปยังเวียดนามซึ่งเป็นตลาดใหญ่ของไทยเบฟด้วย จึงตัดสินใจควักงบ 4,000 ล้านบาท สำหรับลงทุนสำหรับทำโรงงานผลิตเบียร์ครั้งแรกที่ประเทศกัมพูชา และสำหรับเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ ซึ่งจะเริ่มกระบวนการสร้างให้เร็วที่สุด คาดใช้เวลา 2 ปีในการดำเนินงานตามขั้นตอนและกระบวนการต่างๆ ให้แล้วเสร็จ
นอกจากนี้ “ไทยเบฟ” จะมีการศึกษาเรื่องการเข้าไปลงทุนใน สปป.ลาว เพิ่มเติมภายในปี 2567 เนื่องจากเล็งเห็นว่าสปป.ลาว และกัมพูชา มีส่วนสำคัญในการเชื่อมต่อไปยังเวียดนามได้ และในส่วนของการเข้าไปขยายตลาดในจีนนั้น เป็นการเข้าไปเพื่อเรียนรู้สภาพตลาด รูปแบบการบริหารจัดการธุรกิจ เทคโนโลยีใหม่รูปแบบใหม่ ระบบขนส่งต่างๆ ทั้งนี้ ยังไม่ได้มีการลงทุนเพื่อเข้าไปควบรวมหรือเข้าซื้อกิจการ(M&A) ใดๆ ทั้งสิ้น แต่ปัจจุบันได้มีการร่วมกับพันธมิตรท้องถิ่นในการทำธุรกิจสุราพรีเมียมในมณฑลกวางตุ้ง เพิ่มเติมจากโรงงานสุราขาวที่มีในมณฑลยูนนาน
เสริมแกร่ง รอวันผงาดตลาดเอเชีย
“ฐาปน” บอกอีกว่า วันนี้ไทยเบฟ มีส่วนแบ่งตลาดเป็นอันดับ 1 ในอาเซียน ด้วยปริมาณการขายอยู่ที่ 2,300 ล้านลิตร ในส่วนของการแข่งขันในตลาดไทยที่มีผู้เล่นใหม่เข้ามาเสริมทัพ โดยรวมมองว่าภาพรวมตลาดน่าจะเติบโตขึ้น เนื่องจากมีการลงทุนใหม่ๆ เข้ามา และมองเป็นการแข่งขันอย่างสร้างสรรค์ เป็นโอกาสให้ได้มองเห็นจุดแข็งและจุดอ่อนของตัวเอง
รวมถึงได้ดูว่าไทยเบฟจะสามารถดำเนินธุรกิจเพิ่มเติมด้านไหนได้อีกหรือไม่ เพื่อรองรับความต้องการของผู้บริโภค รวมถึง PASSION 2025 ที่พร้อมซินเนอยีกับธุรกิจในเครือเพื่อเสริมความแข็งแกร่งในตลาดเอเชีย โดยเฉพาะในจีน จากปัจจุบันที่อยู่ใน Top 10 ของเอเชียแล้ว ส่วนรูปแบบจะเป็นอย่างไร “ไทยเบฟ” เองศึกษาแบบรอบด้าน ทั้งการนำ BeerCo เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์ เพื่อระดมทุน หรือการเพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นและการลงทุนในโปรเจ็กต์จัมโบ้ เป็นต้น
หน้า 15 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 43 ฉบับที่ 3,930 วันที่ 12 – 14 ตุลาคม พ.ศ. 2566