เสียงสะท้อน ‘เสื้อแดง’ เพื่อไทยดีลข้ามขั้วตั้งรัฐบาล
เสียงสะท้อน‘เสื้อแดง’ ‘เพื่อไทย’ดีลข้ามขั้วตั้งรัฐบาล
ความเคลื่อนไหวพรรคเพื่อไทยในฐานะแกนนำจัดตั้งรัฐบาล หลังประกาศร่วมรัฐบาลกับพรรคภูมิใจไทย ปรากฏว่า กลุ่มแท็กซี่อิสระเพื่อสังคม แท็กซี่ทวงคืนความยุติธรรม และกลุ่มเสื้อแดงรักประชาธิปไตย แสดงออกเชิงสัญลักษณ์โดยนำเสื้อพรรคเพื่อไทยสีแดงใส่พานมาคืนที่ทำการพรรคเพื่อไทยและประกาศยุติการเป็นสมาชิกครอบครัวเพื่อไทยนั้น
จิ๋ว-วัฒนะชัย สืบศิริบุษย์ ประธานชมรมคนเสื้อแดงโคราช ยอมรับว่า ส่งผลต่อความรู้สึกของมวลชนคนเสื้อแดงมากพอสมควร เนื่องจากพรรคภูมิใจไทยเป็นหนึ่งในพรรคกลุ่มอำนาจเก่า และเป็นคู่แข่งทางการเมืองของพรรคเพื่อไทยในพื้นที่ภาคอีสานมาโดยตลอด ทำให้พรรคเพื่อไทยเสียมวลชนคนเสื้อแดงไปให้พรรคก้าวไกลมากพอสมควร แต่เชื่อว่าคนเสื้อแดงกับกลุ่มผู้สนับสนุนพรรคก้าวไกลก็เป็นกลุ่มฝ่ายประชาธิปไตยเดียวกัน ดังนั้นถึงแม้ว่าจะเสียมวลชนคนเสื้อแดงไป แต่ฝ่ายประชาธิปไตยยังเข้มแข็งอยู่
ช่วงหาเสียงเลือกตั้งที่ผ่านมา พรรคเพื่อไทยมีความมุ่งมั่นจะเข้ามาเปลี่ยนแปลงประเทศ จึงตั้งเป้าหมายไว้ว่าต้องแลนด์สไลด์เท่านั้น ดังนั้นจึงมีแคมเปญหาเสียงเข้มข้น
“ไล่หนู ตีงูเห่า” เพื่อให้ได้มาซึ่งคะแนนเสียง แต่เมื่อเลือกตั้งเสร็จแล้วทุกพรรคการเมืองก็ไม่ได้เป็นศัตรูกัน ด้วยสถานการณ์เปลี่ยนไป การจัดตั้งรัฐบาลจึงเป็นสิ่งที่ยากมาก
มั่นใจว่ากลุ่มคนเสื้อแดงรุ่นเก่าจะต้องเข้าใจดีว่าขณะนี้พรรคเพื่อไทยกำลังเผชิญกับอะไร เพราะรัฐธรรมนูญฉบับปี 2560 เขียนมาเช่นนี้ ถ้าพรรคเพื่อไทยไม่หาคะแนนเสียงจากทั้ง ส.ส.และ ส.ว.เพิ่มให้ได้เกินกึ่งหนึ่งของรัฐสภา ก็ไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ เมื่อพรรคเพื่อไทยจัดตั้งรัฐบาลไม่ได้ ก็อาจจะตกไปสู่พรรคอันดับที่ 3 อันดับที่ 4 ต่อไป ที่จะได้สิทธิเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ถ้าพรรคกลุ่มอำนาจเดิมได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล สิ่งที่คนฝ่ายประชาธิปไตยตั้งความหวังไว้ก็พังทลายหมด
ส่วนใครจะบอกว่าพรรคเพื่อไทยทิ้งอุดมการณ์ และไปจับมือกับพรรคขั้วอำนาจเก่าที่เป็นเผด็จการนั้น เรื่องนี้ขอยืนยันว่าพรรคเพื่อไทยไม่ได้ทิ้งอุดมการณ์ประชาธิปไตยแน่นอน และพรรคขั้วอำนาจเก่าที่เป็นเผด็จการนั้น ได้หมดสิ้นไปแล้วตั้งแต่เข้าสู่กระบวนการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 14 พฤษภาคมที่ผ่านมา ดังนั้นจึงต้องให้ความเป็นธรรมกับทุกพรรคการเมืองที่เข้าสู่การเลือกตั้งด้วย เพราะมาจากเสียงประชาชนตามระบอบประชาธิปไตยเหมือนกัน ดังนั้น การไปจับมือกับพรรคภูมิใจไทย จึงถือว่าพรรคเพื่อไทยไม่ได้หักหลังคนเสื้อแดงแต่อย่างใด
“แม้จะยอมรับว่า เราก็ไม่สบายใจ ไม่ชอบที่จะไปจับมือกับพรรคภูมิใจไทย หรือแม้แต่ไปจับมือกับพรรคของ 2 ลุง แต่ด้วยสถานการณ์เช่นนี้ ก็เข้าใจว่าพรรคเพื่อไทยมีความจำเป็นที่จะต้องทำ เพื่อให้จัดตั้งรัฐบาลได้สำเร็จก่อน” ประธานชมรมคนเสื้อแดงโคราชสะท้อนความเห็น
ส่วน ผศ.พรรณวดี ตันติศิรินทร์ ที่ปรึกษาเครือข่ายบทบาทสตรีเสื้อแดงภาคอีสาน จ.ขอนแก่น ให้ความเห็นว่า การเข้าร่วมหรือไม่เข้าร่วมจัดตั้งรัฐบาลร่วมกับพรรคเพื่อไทยของพรรคการเมืองต่างๆ โดยเฉพาะพรรคพลังประชารัฐและพรรครวมไทยสร้างชาติ ควรเป็นการตัดสินใจของ ส.ส.แต่ละคนอย่างอิสระ ไม่ใช่การทำตามคำสั่งของพรรค ทุกอย่างจึงจะจบลงด้วยดี เพราะหาก ส.ส.ต้องทำตามคำสั่งจากพรรคเท่ากับ ส.ส.เปรียบเสมือนพนักงานบริษัทที่ถูกสั่งให้ไปซ้ายไปขวาได้ วิจารณญาณของผู้เป็น ส.ส.สูญเสียไป
ดังนั้นทั้ง 2 พรรคการเมืองดังกล่าวต้องประกาศให้ชัดเจนว่า การเข้าร่วมหรือไม่เข้าร่วมกับพรรคเพื่อไทยในการจัดตั้งรัฐบาลนั้น ให้เป็นการตัดสินใจด้วยตัวของ ส.ส.เอง ซึ่ง ส.ส.ในพรรคพลังประชารัฐและพรรครวมไทยสร้างชาติ ก็มีคนของพรรคเพื่อไทยเก่าอยู่ เชื่อว่าจะสามารถร่วมงานกันได้
ส่วนตัวคิดว่าในเวลานี้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ก็คงจะลำบากใจ เพราะอาจถูกมองว่าหากมารวมกับพรรคเพื่อไทยจะถูกประชาชนที่สนับสนุนตำหนิ หากเป็นแบบนี้ ประเทศชาติก็เดินหน้าต่อไปไม่ได้ การจัดตั้งรัฐบาลจะเป็นไปไม่ได้เลย ทางออกที่ดีในตอนนี้ก็คือ คนที่เป็นหัวหน้าพรรคการเมืองต้องมีความชัดเจนว่า ให้อิสระ ส.ส.แต่ละคนในการเลือกด้วยตัวเองว่าจะออกเสียงสนับสนุนหรือไม่ เพื่อให้ประเทศเดินหน้าได้
หากพรรคพลังประชารัฐและพรรครวมไทยสร้างชาติจะเข้าร่วมจัดตั้งรัฐบาลกับพรรคเพื่อไทยเป็นเรื่องที่ยอมรับได้ แม้ที่ผ่านมาประชาชนฝ่ายประชาธิปไตยต่างบอบช้ำและบาดเจ็บจากรัฐบาลทหาร จากระบอบเผด็จการ จึงไม่แปลกที่ประชาชนจะปฏิเสธทหาร แต่ในเวลานี้โดยเฉพาะกลุ่มคนเสื้อแดงได้มอบหมายฉันทานุมัติให้พรรคเพื่อไทย ขั้นตอนต่อไปขึ้นอยู่กับผู้บริหารของพรรคเพื่อไทยจะบริหารจัดการอย่างไร เพื่อนำไปสู่การจัดตั้งรัฐบาลให้สำเร็จ เพราะธงคือการตั้งรัฐบาลโดยฝ่ายประชาธิปไตยให้สำเร็จ ไม่อย่างนั้น เรื่องจะไม่จบและอาจปูทางไปสู่การทำรัฐประหาร
“ดังนั้นทุกพรรคต้องร่วมมือกันจัดตั้งรัฐบาลให้ได้ ไม่ไปลงถนนก่อความวุ่นวาย สร้างเงื่อนไขความขัดแย้งให้ทหารใช้เป็นข้ออ้างในการออกมาทำรัฐประหาร โดยอ้างการรักษาความสงบเรียบร้อย เรื่องนี้ประชาชนรู้ทันแล้ว และบอกตามตรงว่า หากยังเกิดความวุ่นวายอยู่ พรรคก้าวไกลจะถูกตำหนิ และเมื่อถึงการเลือกตั้งครั้งหน้าพรรคที่จะสูญพันธุ์ก็คือ พรรคก้าวไกล” เป็นอีกมุมมองของ ผศ.พรรณวดี
ส่วน ธนศักดิ์ แป้นมุข ผู้ช่วย สุรพงษ์ อึ้งอัมพรวิไล อดีต ส.ส.ปทุมธานี พรรคเพื่อไทย เสริมว่า พรรคเพื่อไทยสมควรจับมือกับทุกฝ่ายเพื่อให้เกิดความปรองดองของคนในชาติ และกลับมาฟื้นฟูเศรษฐกิจของชาติเพื่อปากท้องของพี่น้องประชาชนให้จัดตั้งรัฐบาลให้ได้ ส่วนรัฐธรรมนูญที่ติดขัดก็น่าจะแก้ไขเมื่อตั้งรัฐบาลได้แล้ว
ขณะที่แนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) แดงเชียงใหม่ โดย ด.ต.พิชิต ตามูล แกนนำ นปช.แดงเชียงใหม่ มองว่า พรรคเพื่อไทยต้องจัดตั้งรัฐบาลให้ได้ เพื่อปลดล็อกทางการเมืองที่ติดหล่มหรือกับดักรัฐธรรมนูญ และ ส.ว. มานานแล้ว เพื่อขับเคลื่อนประเทศไปข้างหน้า
ส่วนการจับมือกับพรรคภูมิใจไทยที่เป็นขั้วอำนาจเก่า เพื่อเป็นสารตั้งต้นจัดตั้งรัฐบาลนั้น เป็นโอกาสสลายขั้วทางการเมือง ดังนั้นแคมเปญพรรคเคยใช้หาเสียง “ไล่หนู ตีงูเห่า” จึงเป็นเพียงวาทกรรมเพื่อหาเสียงสนับสนุนเพิ่มเท่านั้น เพราะการเมือง ไม่มีมิตรแท้ ศัตรูถาวร ถ้าแบ่งสรรอำนาจ ผลประโยชน์ลงตัวได้ทุกอย่างจบซึ่งเป็นวังวน หรือวงจรการเมืองไทยมานานแล้ว
“ประเด็นสำคัญการจัดตั้งรัฐบาล คือ ต้องยึดพรรคการเมืองเป็นหลัก ไม่ควรยึดติดตัวบุคคล ส่วนตัวไม่ขัดข้อง ถ้าพรรคพลังประชารัฐของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ มาร่วม รวมทั้งพรรครวมไทยสร้างชาติ เพราะ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ประกาศวางมือทางการเมืองแล้ว ส่วนพรรคประชาธิปัตย์ ก็ยินดีรับ เพราะไม่ใช่คู่กรณี หรือศัตรูทางการเมือง ยกเว้นนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นคู่กรณีที่สั่งสลายม็อบคนเสื้อแดง ไม่สามารถยอมรับได้” แกนนำ นปช.แดงเชียงใหม่ให้ความเห็นตบท้าย
นี่เป็นส่วนหนึ่งของเสียงสะท้อนของคนเสื้อแดง ต่อกรณีที่พรรคเพื่อไทยดีลข้ามขั้วกับพรรคต่างๆ เพื่อจัดตั้งรัฐบาล!?!