โรงแรมเอราวัณ: พบสารไซยาไนด์ในแก้วกาแฟ สรุป 4 ประเด็นตำรวจคลี่ปมเวียดนามเสียชีวิต 6 คนที่โรงแรมแกรนด์ ไฮแอท
ไม่ถึง 24 ชั่วโมง หลังจากพบร่างผู้เสียชีวิตชาวเวียดนาม 6 ราย ที่โรงแรมแกรนด์ ไฮแอท เอราวัณ ย่านราชประสงค์ ตำรวจนครบาลเปิดเผยความคืบหน้าผลการสืบสวน พบสารพิษในคราบถ้วยกาแฟทั้งหมดในที่เกิดเหตุ และสันนิษฐานว่าหนึ่งในผู้เสียชีวิตเป็นผู้ก่อเหตุ
กรณีพบผู้เสียชีวิตชาวเวียดนาม 6 ราย เป็นชาย 3 หญิง 3 ภายในโรงแรมย่านราชประสงค์ พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) แถลงว่า จากการตรวจสอบการเข้าออกจากกล้องวงจรปิด ณ เวลานี้ ยืนยันว่าในที่เกิดเหตุที่ห้องพักหมายเลข 502 มีเพียงผู้เสียชีวิตทั้ง 6 รายที่เข้าออก ไม่มีบุคคลอื่น และตรวจพบสารไซยาไนด์ที่ถ้วยกาแฟทั้ง 6 ใบที่เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานเก็บมาตรวจพิสูจน์
“ยืนยันว่าการพบศพทั้ง 6 ศพ… แสดงว่า 1 ใน 6 ผู้เสียชีวิต ทำให้เกิดเหตุครั้งนี้ขึ้น” พล.ต.ต.นพศิลป์ กล่าว “ในเบื้องต้นเราพบสารไซยาไนด์ ที่แก้วทั้ง 6 ใบ”
รอง ผบช.น. ให้ข้อมูลด้วยว่า ได้สอบถามพูดคุยกับญาติของหนึ่งในผู้เสียชีวิต ซึ่งได้ให้ข้อมูลว่า มีคู่สามีภรรยาที่เสียชีวิต ได้นำเงินลงทุนให้กับหญิงอีกรายที่เสียชีวิตไปดำเนินการ แต่การดำเนินการไม่เป็นผล จึงได้นัดหมายไปเคลียร์ที่ญี่ปุ่น ทว่าติดปัญหาเรื่องวีซา จึงเปลี่ยนมานัดหมายที่ประเทศไทยแทน โดยญาติติดใจว่าหนึ่งในผู้เสียชีวิตในกลุ่มนี้ ทำให้ญาติของตนเสียชีวิต
“กรณีดังกล่าวเป็นเรื่องส่วนตัวของบุคคลทั้ง 6 ราย ไม่ได้เกี่ยวกับแก๊งอาชญากรที่มาก่อเหตุในไทย”
บีบีซีไทยสรุปประเด็นสำคัญที่ตำรวจนครบาลแถลงความคืบหน้าการสอบสวน
“1 ใน 6 ทำให้เกิดเหตุครั้งนี้”
พล.ต.ต.นพศิลป์ รอง ผบช.น. กล่าวว่าจากการสืบสวนทั้งพยานบุคคลและหลักฐานการเข้าพัก พบว่าผู้เข้าพักทั้ง 6 คน เดินทางเข้าไทยในช่วงระหว่างวันที่ 4-12 ก.ค. โดย 2 ใน 6 คน เป็นสามีภรรยาที่เดินทางมาจากนครโฮจิมินห์ของเวียดนาม โดยการเข้าเช็คอินที่โรงแรม แต่ละคนเข้ามาเช็คอินด้วยตนเอง
“ไม่มีผู้ใดแปลกปลอมเข้ามาพักร่วม โดยมีแค่ 6 คน มาพักตามบุ๊กกิ้งดังกล่าว”
ส่วนการเข้าออกที่ห้องพักหมายเลข 502 บริเวณชั้น 5 ซึ่งเป็นที่เกิดเหตุ จากการตรวจสอบกล้องวงจรปิด ณ เวลานี้ ยืนยันได้ว่ามีเพียงแค่ผู้เสียชีวิต 6 คน ที่เข้าไปภายในห้อง ไม่มีบุคคลอื่น นอกจากเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่เข้าไปตรวจสอบเหตุจากทางประตูด้านหลัง
ส่วนไทม์ไลน์การเสียชีวิต ช่วงเวลาสุดท้ายที่พนักงานโรงแรมเข้าไปเสิร์ฟอาหาร คือ 13.57 น. ของวันที่ 15 ก.ค.
จากการสอบปากคำพนักงานโรงแรม รอง ผบช.น. ระบุว่า พนักงานให้ข้อมูลว่าตอนเข้าไปพบแค่เพียงหญิงวัย 56 ปี สัญชาติอเมริกัน ที่เป็นผู้รับอาหารและเครื่องดื่ม พนักงานยืนยันว่าได้นำอาหารทั้งหมดวางไว้บนโต๊ะสี่เหลี่ยม ส่วนชุดชาวางที่โต๊ะกลม ซึ่งจากที่เกิดเหตุพบว่ากลายเป็นโต๊ะที่วางอาหาร
“ทางพนักงานบอกว่าจะขอชงชาให้ แต่ผู้หญิงรายนี้บอกว่าไม่ต้อง เดี๋ยวทำเอง เมื่อพนักงานออกมาแล้ว ผู้หญิงคนนี้ อยู่ห้องคนเดียว”
หลังจากนั้นช่วงเวลาตั้งแต่ 14.03-14.17 น. บุคคลอีก 5 ราย ได้ลากกระเป๋าเดินทางเข้าไปในห้อง และหลังจากนั้นไม่ปรากฏความเคลื่อนไหวว่ามีบุคคลใดออกมาจากห้องอีกเลย
“การรวมตัวกันดังกล่าว พูดง่าย ๆ ว่า ทุกคนมาอยู่ที่ห้องพักในเวลา 14.17 น. และหลังจากนั้นไม่พบการเดินออกมาอีก”
หลังจากไล่เรียงลำดับเวลาการเข้าออกของบุคคลทั้ง 6 คน จากภาพวงจรปิดและปากคำของพนักงานโรงแรม รอง ผบช.น. ยืนยันว่า หนึ่งในผู้เสียชีวิต 6 คน เป็นผู้ที่ก่อเหตุสลดดังกล่าว
“ขอยืนยันว่าการพบศพทั้ง 6 ศพ แสดงว่า 1 ใน 6 คนนั้น หลังจากที่พนักงานนำถ้วยชา กาน้ำชา เข้าไปในห้องเมื่อ 13.57 น. และออกมา นั่นคือจุดสตาร์ทของเหตุการณ์ แสดงว่ามี 1 ใน 6 ทำให้เกิดเหตุครั้งนี้ขึ้น” พล.ต.ต.นพศิลป์ ระบุ
พบสารไซยาไนด์ที่ถ้วยกาแฟทั้ง 6 ใบ
กระบอกน้ำแสตนเลส และถ้วยกาแฟ 6 ใบ ที่ถูกดื่มจนหมดแล้ว และมีผงอยู่ที่ก้นถ้วย เป็นวัตถุพยานสำคัญที่ ผบช.น.ระบุในการแถลงเมื่อคืนที่ผ่านมา
พล.ต.ต.นพศิลป์ รอง ผบช.น. กล่าวยืนยันว่า ในเบื้องต้นพบสารไซยาไนด์ที่แก้วทั้ง 6 ใบ แต่ปริมาณสารมีมากน้อยแค่ไหนต้องรอผลตรวจพิสูจน์
พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผู้บัญชาการสำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ (ผบช.สพฐ.ตร.) ให้ข้อมูลเพิ่มเติมด้วยว่า ยังพบสารไซยาไนด์ที่กาน้ำชาในที่เกิดเหตุ และการเก็บตัวอย่างเลือดของชายเสียชีวิตที่นั่งพิงกำแพงอยู่ พบว่าเลือดมีส่วนผสมของไซยาไนด์เช่นเดียวกัน ส่วนอื่น ๆ อยู่ระหว่างการทยอยรายงานผลว่าจะพบด้วยหรือไม่
ส่วนการตรวจพิสูจน์สารพิษในร่างกาย รอง ผบช.น. กล่าวว่า ยังอยู่ระหว่างรอผลการตรวจชันสูตรพลิกศพจากนิติเวชอย่างละเอียด
ในเวลาต่อมา กองบัญชาการตำรวจนครบาล ได้เปิดเผยผลการชันสูตรร่างผู้เสียชีวิตเบื้องต้น ไม่พบร่องรอยการถูกทำร้าย ไม่พบสารเสพติด จากการตรวจเลือดทั้ง 6 ราย มีลักษณะเลือดที่ออกฤทธิ์จากสารประเภท Super toxin ซึ่งคาดว่าจะเป็นสารไซยาไนด์
บุคคลที่ 7 ไม่เกี่ยวข้อง
พล.ต.ต.นพศิลป์ ระบุว่า บุคคลที่ 7 ที่มีชื่อจองเข้าพัก แต่ไม่ได้เข้าพัก เป็นน้องสาวของผู้เสียชีวิตรายหนึ่งที่เดินทางเข้ามาไทยพร้อมกันเมื่อวันที่ 4 ก.ค. แต่ได้เดินทางกลับไปก่อนแล้ว ตั้งแต่วันที่ 10 ก.ค. ไปยังเมืองดานัง ดังนั้น ในการสืบสวนตัวละครทั้ง 7 ราย ได้รายชื่อครบถ้วนแล้ว
“บุคคลที่ 7 ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุนี้” รอง ผบช.น. ระบุ
พบหลักฐานอื่น ๆ อีกหรือไม่
ส่วนการตรวจค้นกระเป๋าเดินทางทั้ง 8 ใบ พล.ต.ต.นพศิลป์ กล่าวว่าพบยาเม็ดบางชนิดที่ยังไม่สามารถระบุได้ แต่ไม่พบสิ่งของผิดกฎหมาย นอกจากนี้ยังพบเอกสารทางกฎหมายเรื่องการฟ้องร้องประเด็นที่ดินในกระเป๋าหนึ่งใบ
เปิดรายชื่อผู้เสียชีวิตทั้ง 6 ราย
ผู้เสียชีวิตทั้ง 6 ราย เป็นคนเชื้อสายเวียดนาม โดยในจำนวนนี้มี 2 รายที่มีสัญชาติอเมริกัน
- นางธิ เหงียน เฟือง อายุ 46 ปี สัญชาติเวียดนาม (เดินทางเข้าไทย 12 ก.ค. จากนครโฮจิมินห์)
- นางธิ เหงียน เฟือง ลาน อายุ 47 ปี สัญชาติเวียดนาม (เดินทางเข้าไทย 4 ก.ค.)
- นายดิน ทราน ฟู อายุ 37 ปี สัญชาติเวียดนาม (เดินทางเข้าไทย 12 ก.ค.)
- นายฮุง ดัง วาน อายุ 55 ปี สัญชาติอเมริกัน (เดินทางเข้าไทย 12 ก.ค.)
- นางเชอรีน ชอง อายุ 56 ปี สัญชาติอเมริกัน (เดินทางเข้าไทย 5 ก.ค.)
- นายฮง ฟาม ธาน อายุ 49 ปี สัญชาติเวียดนาม สามีของผู้เสียชีวิตหมายเลข 1 (เดินทางเข้าไทย 12 ก.ค.)
เปิดไทม์ไลน์ช่วง 14-16 ก.ค.
เจ้าหน้าที่ตำรวจแถลงลำดับเวลาการเข้าออกห้องที่เกิดเหตุในวันที่ 14-16 ก.ค. ดังนี้
วันที่ 14 ก.ค. 2567
- นางเชอรีน ชอง อายุ 56 ปี สัญชาติอเมริกัน (หมายเลข 5) เข้าเช็คอินที่ห้องหมายเลข 502 อีก 5 คนได้เข้ามาเยี่ยมที่ห้อง แต่แยกย้ายกลับไปนอนที่ห้องพักชั้น 7 ในช่วงกลางคืน
วันที่ 15 ก.ค. 2567
- 9.00 น. นายดิน ทราน ฟู (หมายเลข 3) มาที่ห้องหมายเลข 502
- เกือบ 11.00 น. นายดิน ทราน ฟู มาที่ห้องหมายเลข 502 อีกครั้ง
- 11.42 น. นายฮุง ดัง วาน (หมายเลข 4) สั่งอาหารมาที่ห้องพัก พร้อมด้วยแก้วน้ำชา 6 ใบ ในเวลาใกล้เคียงกัน นายดิน ทราน ฟู สั่งข้าวผัดเพิ่มอีกหนึ่งจาน และขอให้ส่งตอน 14.00 น.
- 13.51-13.57 น. พนักงานโรงแรมเข้าไปเสิร์ฟอาหารที่ห้อง 502 พบว่ามีเพียง นางเชอรีน ชอง (หมายเลข 5) อยู่ในห้องเพียงคนเดียว และเป็นผู้รับอาหารและเครื่องดื่มชุดชา
- 13.57 น. เป็นต้นมา นางเชอรีน ชอง อยู่ที่ห้องเพียงคนเดียว
- 14.03 น. ผู้หญิงคนแรก คือ นางธิ เหงียน เฟือง อายุ 46 ปี (หมายเลข 1) ลากกระเป๋าเข้าห้อง 502
- 14.04 น. นายฮง ฟาม ธาน (หมายเลข 6) สามีของหญิงหมายเลข 1 ลากกระเป๋าเข้าห้อง 502
- 14.08 น. นายฮุง ดัง วาน (หมายเลข 4) เดินเข้าห้อง 502 ทำให้ ณ เวลานี้ มีคนอยู่ในห้อง 4 คน ได้แก่ นางเชอรีน ชอง (หมายเลข 5), นายฮุง ดัง วาน (หมายเลข 4), นางธิ เหงียน เฟือง (หมายเลข 1), นายฮง ฟาม ธาน (หมายเลข 6)
- 14:12-14:13 น. ทั้ง 6 คน เข้าไปอยู่ในห้อง 502
- 14.17 น. ผู้เสียชีวิตทั้ง 6 คน ที่ “ยืนอออยู่หน้าห้อง” เดินกลับเข้าไปในห้องพัก
- หลังจากเวลา 14.17 น. ไม่พบว่ามีใครเดินออกมาจากห้องอีก
วันที่ 16 ก.ค. 2567
- 16.30 น. ตำรวจได้รับแจ้งว่าพบผู้เสียชีวิต
จากการแถลงข้อมูลของรอง ผบช.น. ยังเปิดเผยข้อมูลของญาติผู้เสียชีวิตสองคน ซึ่งเป็นคู่สามีภรรยาที่มีอาชีพรับเหมาก่อสร้างถนนในเวียดนาม ได้แก่ นางธิ เหงียน เฟือง (หมายเลข 1) และนายฮง ฟาม ธาน (หมายเลข 6) ได้นำเงินลงทุน 10 ล้านบาทไทย มอบให้กับ นางเชอรีน ชอง (หมายเลข 5) ไปลงทุน สร้างโรงพยาบาลในญี่ปุ่น แต่การดำเนินการไม่เป็นผล จึงมีการทวงถามตลอดมาและได้นัดหมายไปเคลียร์ที่ญี่ปุ่น ทว่าติดปัญหาเรื่องวีซา จึงเปลี่ยนมานัดหมายที่ประเทศไทยแทน โดยญาติติดใจว่า นางเชอรีน ทำให้ญาติของตนเสียชีวิตในเหตุการณ์นี้
ทั้งนี้ผู้หญิงหมายเลข 2 ได้แก่ นางธิ เหงียน เฟือง ลาน มีลักษณะเป็นนายหน้าที่ชักชวนให้มาลงทุน
ตำรวจเปิดเผยด้วยว่า ชายชาวเวียดนามสัญชาติอเมริกัน และ นางเชอรีน ซึ่งเป็นคนเวียดนามสัญชาติอเมริกันเช่นกัน ยังไม่ทราบว่ามีความสัมพันธ์ในลักษณะใด พบเพียงว่าฝ่ายหญิงเป็นคนจองที่พัก ส่วนฝ่ายชายมีชื่อในบัตรเครดิตที่ใช้รูดจ่ายค่าโรงแรม
การแถลงข่าวของตำรวจนครบาล ยังยืนยันด้วยว่า ไม่มีผู้เสียชีวิตรายใดที่ติดหมายแดงอยู่ในระบบตำรวจสากล
ส่วนนายดิน ทราน ฟู อายุ 37 ปี ช่างแต่งหน้าชื่อดังจากเมืองดานัง สื่อเวียดนาม vnexpress อ้างการให้สัมภาษณ์บิดาของเขาว่า ลูกชายได้รับการว่าจ้างจากหญิงเวียดนาม-อเมริกัน ให้เดินทางมาไทย 3 วัน เพื่อมาเป็นช่างแต่งหน้าส่วนตัวให้
ผลชันสูตรศพ พบไซยาไนด์ในร่างผู้เสียชีวิตทั้ง 6 ราย
รศ.นพ.กรเกียรติ วงศ์ไพศาลสิน หัวหน้าภาควิชานิติเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เปิดเผยผลการตรวจชันสูตรร่างผู้เสียชีวิตชาวเวียดนาม 6 ราย เบื้องต้นพบว่าน่าจะเสียชีวิตมาแล้วประมาณ 12-24 ชั่วโมง ส่วนการผ่าชันสูตรพลิกศพพบสารไซยาไนด์ในร่างผู้เสียชีวิตทั้ง 6 ราย
“สาเหตุการเสียชีวิตของทุกราย สันนิษฐานว่าเกิดจากพิษของสารไซยาไนด์ ซึ่งส่งผลต่อการขาดอากาศในระดับเซลล์ของอวัยวะที่สำคัญ คือ ระบบประสาทและหัวใจ น่าจะเป็นสาเหตุการตายของทุกรายที่เกิดขึ้น” รศ.นพ.กรเกียรติกล่าว
ทั้งนี้ ต้องมีการตรวจยืนยันอีกครั้งเกี่ยวกับตัวสารพิษ คาดว่าจะใช้เวลา 1-2 วัน
“ศพทุกรายมีร่องรอยของการขาดอากาศเกิดขึ้น ริมฝีปากเป็นสีม่วงเข้ม ใบหน้า และการตกสู่เบื้องต่ำของเลือดมีสีลักษณะพิเศษ รวมถึงปลายเล็บมือที่มีสีม่วงเข้ม ซึ่งเป็นการบ่งชี้ที่สำคัญว่าอาจจะมีการเสียชีวิตที่มีเรื่องการขาดอากาศร่วมด้วย” หัวหน้าศูนย์อำนวยการชันสูตรพลิกศพ จุฬาฯ ระบุ
รศ.นพ.กรเกียรติ ยังอธิบายถึงความเปลี่ยนแปลงของอวัยวะภายในและเลือดที่บ่งชี้ว่าได้รับสารพิษ ได้แก่
- การตรวจคัดกรองเลือดจากทั้ง 6 ราย เจอสารไซยาได์ทั้งหมด
- สีของเลือดเป็นสีที่แดงสด แตกต่างจากกรณีการตายทั่วไป ทำให้สันนิษฐานเบื้องต้นได้ว่า การเสียชีวิตอาจมีสารพิษบางอย่างเข้ามาเกี่ยวข้อง
- อวัยวะภายในไม่ได้พบร่องรอยสำคัญ แต่มีการคั่งของเลือดในอวัยวะต่าง ๆ ปริมาณมาก
ด้าน รศ.นพ.ฉันชาย สิทธิพันธุ์ คณบดีคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เสริมว่าจะมีการตรวจเชิงลึกเพื่อดูว่ามีความเข้มข้นของสารไซยาไนด์ในเลือดปริมาณเท่าใด และมีสารอื่นร่วมด้วยหรือไม่ เนื่องจากหากสันนิษฐานว่าไซยาไนด์เป็นสาเหตุการตายก็ต้องมีระดับที่สูงระดับหนึ่ง
“ถ้าประมาณ 1-2 มก. ต่อซีซี ผู้ป่วยจะมีอาการค่อนข้างหนัก แต่ถ้ารักษาทันอาจจะรอด แต่หากขึ้นไปเกิน 3 มก. จะเสียชีวิตทุกราย”