ข่าวสารกรุงเทพฯ

#MGRTOP7 : โรคเลื่อนประเทศไทย | แฉเพื่อใคร? ชูวิทย์ VS เศรษฐา




รวบตึงทุกเรื่องราว คัดข่าวเด็ด เบ็ดเสร็จในที่เดียว … MGR Online ขอนำเสนอ “Top 7 ข่าวฮอตในรอบ 7 วัน” สรุปข่าวเด่น ประเด็นฮอตที่พลาดไม่ได้ เป็นประจำทาง mgronline.com

(สรุปข่าวประจำวันที่ 31 ก.ค. – 5 ส.ค. 2566)


อันดับ 1 : โรคเลื่อนประเทศไทย ศาล รธน.เลื่อนคำร้องปมเสนอชื่อพิธาซ้ำ วันนอร์เลื่อนโหวตนายกฯ ทักษิณเลื่อนกลับไทย

การเมืองไทยอะไรก็เกิดขึ้นได้ เฉกเช่นเมื่อวันที่ 2 ส.ค. พรรคเพื่อไทยประกาศถอนตัวจัดตั้งรัฐบาลร่วมกับพรรคก้าวไกล แล้วเสนอชื่อนายเศรษฐา ทวีสิน เป็นนายกรัฐมนตรี ไม่สนับสนุนแก้ไขมาตรา 112 และจะไม่มีพรรคก้าวไกลอยู่ในพรรคร่วมรัฐบาล

แต่ความแน่นอนคือความไม่แน่นอน เมื่อวันที่ 3 ส.ค. ศาลรัฐธรรมนูญ เลื่อนการพิจารณาสั่งคำร้องของผู้ตรวจการแผ่นดิน ที่ยื่นคำร้องขอให้วินิจฉัยว่า กรณีรัฐสภามีมติตีความว่า การเสนอชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี (นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์) พิจารณาให้ความเห็นชอบซ้ำอีกครั้ง ต้องห้ามตามข้อบังคับการประชุมรัฐสภาข้อ 41 ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญมาตรา 272 ละเมิดสิทธิหรือเสรีภาพหรือไม่ ออกไปเป็นวันที่ 16 ส.ค. เวลา 09.30 น. เนื่องจากมีประเด็นสำคัญต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ และมีประเด็นเชิงหลักการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข จึงให้สำนักงานศาลฯ ไปศึกษาข้อมูล

ด้วยเหตุนี้ทำให้นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร สั่งเลื่อนวาระโหวตนายกรัฐมนตรีในวันที่ 4 ส.ค. ออกไปก่อนเพื่อรอศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ส่วนพรรคเพื่อไทยเลื่อนแถลงการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ แต่นายภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ยืนยันว่าได้เสียงสนับสนุนเพียงพอจะจัดตั้งรัฐบาล ขณะที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความในทวิตเตอร์ว่า ขอเลื่อนวันเดินทางกลับไทยจากวันที่ 10 ส.ค. ไปอีกไม่เกินสองสัปดาห์ วันเวลาจะแจ้งอีกครั้ง หมอเรียกให้ไปตรวจร่างกายก่อน กลายเป็นที่วิจารณ์ในหมู่นักการเมืองว่า เหตุเพราะการจัดตั้งรัฐบาลเพื่อไทยยังไม่เรียบร้อยหรือไม่?


อันดับ 2 : แฉเพื่อใคร? ชูวิทย์ VS เศรษฐา กล่าวหาเลี่ยงภาษีซื้อขายที่ดิน แสนสิริยืนยันทำธุรกรรมถูกกฎหมาย

หลังจากที่พรรคเพื่อไทยประกาศถอนตัวจัดตั้งรัฐบาลร่วมกับพรรคก้าวไกล เสนอชื่อนายเศรษฐา ทวีสิน เป็นนายกรัฐมนตรี พบว่าเมื่อวันที่ 3 ส.ค. นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตนัการเมืองและนักธุรกิจอาบอบนวด แถลงข่าวใช้ชื่อว่า “แฉเพื่อชาติ” โจมตีนายเศรษฐาสมัยเป็นผู้บริหารกลุ่มแสนสิริ กล่าวหาว่าเลี่ยงภาษีซื้อขายที่ดินบนถนนสารสิน 521 ล้านบาท โดยใช้วิธีแบ่งให้ผู้ถือหุ้น 12 ราย แล้วโอนให้แสนสิริ 12 คน 12 วันเพื่อให้จ่ายน้อยลง วันต่อมายื่นหนังสือถึงอธิบดีกรมสรรพากร ขอให้ตรวจสอบการเสียภาษีซื้อขายที่ดินระหว่างแสนสิริกับผู้ขาย ขณะที่พรรคเพื่อไทยยืนยันว่า นายเศรษฐามีคุณสมบัติครบถ้วนตามรัฐธรรมนูญ

ด้านนายอภิชาติ จูตระกูล ประธานกรรมการ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) รายงานต่อตลาดหลักทรัพย์ฯ ชี้แจงว่าสัญญาซื้อขายที่ดินแปลงดังกล่าว กำหนดให้ผู้ขายรับผิดชอบภาษีอากร ค่าธรรมเนียม ค่าใช้จ่ายในการโอนกรรมสิทธิ์ทั้งหมด ประกอบกับเป็นหน้าที่ตามกฎหมายของผู้ขายเสียภาษีอากร ส่วนแสนสิริมีหน้าที่ชำระราคาให้ครบถ้วนตามที่ตกลงกัน และรับโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินเท่านั้น ขณะที่นายเศรษฐาอนุมัติเพียงแค่ราคาและมูลค่าเงินลงทุนเท่านั้น ที่เหลือเป็นเรื่องของทีมสรรหาที่ดิน ซึ่งเป็นการซื้อขายที่ดินตามปกติ ในธุรกิจการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ทั่วไป ยืนยันว่าดำเนินการถูกต้องตามกฎหมาย โปร่งใส ตรวจสอบได้


อันดับ 3 : ขุดลึกพลุระเบิดมูโนะ สะพัดจ่ายส่วยเดือนเป็นแสน ทำเด้ง 5 ตำรวจ สองผัวเมียหนีไปมาเลย์แต่ไปไม่รอด

กรณีโกดังเก็บพลุดอกไม้ไฟระเบิดที่ตลาดมูโนะ อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส เมื่อวันที่ 29 ก.ค. มีผู้เสียชีวิต 12 ราย บาดเจ็บ 121 คน บ้านเรือนและร้านค้าเสียหายกลายเป็นเมืองร้าง ชาวบ้านได้รับผลกระทบ 681 ครัวเรือน หลังตำรวจ สภ.มูโนะ ออกหมายเรียกนายสมปอง ณะกุล และ น.ส.ปิยะนุช พึ่งวีรวัฒน์ เจ้าของโกดัง เมื่อวันที่ 1 ส.ค. ปรากฎว่าไม่มาตามนัด โดยทั้งคู่ออกจากบ้านเมื่อวันที่ 27 ก.ค. ไปยังประเทศมาเลเซียผ่านด่านสะเดา จ.สงขลา เมื่อวันที่ 29 ก.ค. หนำซ้ำ นายสมปองเคยถูกดำเนินคดีค้าดอกไม้เพลิงโดยไม่ได้รับอนุญาตจากนายทะเบียนท้องที่ เมื่อปี 2559 แต่อัยการจังหวัดนราธิวาสสั่งไม่ฟ้อง

นอกจากนี้ยังมีการเปิดโปงว่า ธุรกิจส่งออกพลุและดอกไม้ไฟบริเวณชายแดนไทย-มาเลเซีย จ่ายค่ารายเดือนให้เจ้าหน้าที่รัฐแทบทุกหน่วย ตั้งแต่ 2 หมื่นบาทถึงหลักแสนบาท ส่งต่อเป็นทอดๆ ถึงผู้บังคับบัญชา ทำให้ พล.ต.ต.อนุรุธ อิ่มอาบ ผบก.ภ.จว.นราธิวาส มีคำสั่งย้าย 4 เสือโรงพักมูโนะ ประกอบด้วย พ.ต.อ.สุธาเวชช์ ธารีไทย ผกก.สภ.มูโนะ, พ.ต.ท.อาลี วาเด็ง รอง ผกก.ป, พ.ต.ต.นเชษฐ์ มณีโชติ สว.ป.และ พ.ต.ท.จรัญ อินทรา สว.สส. ออกจากพื้นที่ แถมด้วย จ.ส.ต.มาหามัดฟาโร ตันยีนายู หรือจ่าฟาโร ผบ.หมู่งานจราจร สภ.มูโนะ หลังมีข้อมูลระบุว่าทำหน้าที่เก็บส่วยจากนักธุรกิจสีเทาในพื้นที่ตลาดมูโนะ

เมื่อบ่ายวันที่ 5 ก.ค. นายสมปอง และ น.ส.ปิยะนุชเข้ามอบตัวกับตำรวจ สภ.สะเดา จ.สงขลา หลังถูกออกหมายจับ สารภาพว่าซื้อสินค้าพลุดอกไม้ไฟมาจากประเทศจีน ขนจากท่าเรือแหลมฉบัง จ.ชลบุรี พักไว้ที่บางกล่ำ จ.สงขลา ก่อนส่งต่อมายังที่นี่


อันดับ 4 : ศึกคนลูกทุ่ง ตั๊กแตน VS จ๊ะ นงผณี ปมแซงคิว เอม ตามใจตุ๊ด โดนหางเลข พบเจ้าภาพนัดชนกันทุกคน

การปะทะคารมระหว่างสองนักร้องสาวเพลงลูกทุ่ง เมื่อวันที่ 1 ส.ค. ตั๊กแตน ชลดา (พบพร ภาคินทร์) โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กถึงกะเทยรักเพื่อนที่เป็นนักร้องลูกทุ่งคนนึง รักเพื่อนแบบไม่ลืมหูลืมตา เพื่อนทำเลวกับรุ่นพี่ แทนที่จะดูเหตุผลกลับเข้าข้าง พาดพิงว่านิสัยต่ำ ความคิดต่ำ และเตือนว่าดังได้ก็ดับได้ อย่าผยอง งานนี้ชาวเน็ตปล่อยคำใบ้กันเพียบ สุดท้ายหวยไปออกที่ จ๊ะ นงผณี มหาดไทย ซึ่งมีเพื่อนสนิทอย่าง เอม ตามใจตุ๊ด (วิทวัส รัตนบุญบารมี) อีกฝ่ายจึงโพสต์ภาพข่าว พร้อมแคปชั่นทำนองว่าไม่ได้มีปัญหากัน ไม่เคยเจอกัน ส่วนเอม ตามใจตุ๊ด กล่าวว่า โยงไปด่ากันสนุกปาก ตนไปทำอะไรให้ เกลียดไรนักหนา

ต่อมา ตั๊กแตน ชลดา โพสต์ทำนองว่า คู่กรณีคงไม่ได้อยากมีปัญหาแล้ว จะจบเรื่องนี้โดยไม่เอ่ยชื่อว่าเป็นใคร คราวหน้าถ้ามีแบบนี้อีกจะไม่พูดลอยๆ แล้ว ใครไม่เข้าใจให้ไปย้อนดูโพสต์เก่าช่วงเดือน เม.ย.-พ.ค. ทำเอาอีกฝ่ายประกาศจะไม่ยกมือไหว้ เกลียดคือเกลียด พร้อมตบแค่โทร.มา ฝั่งตั๊กแตนก็ไม่ยอม ลั่นเสียความรู้สึก ไม่จำเป็นต้องคุย สานสัมพันธ์กับคนไร้มารยาท ต่อมา ตั๊กแตน ชลดา โพสต์ขอโทษเอม ตามใจตุ๊ด เพราะคิดไปเอง แต่ไม่กล่าวถึงจ๊ะ นงผณี ส่วนลำไย ไหทองคำ ยืนยันว่าไม่ได้เป็นต้นเหตุ สำหรับสาเหตุที่แท้จริงมาจากหลายเดือนก่อนไปงานเดียวกัน นัดเวลาชนกัน 11.30 น. ทุกคน เลยคิดไปว่าแซงคิว

ขณะที่เจ้าภาพผู้ประสานงาน ได้ออกมาโพสต์ยอมรับผิดว่าทุกอย่างเป็นความผิดของตน ที่ประสานงานไม่เคลียร์ ความผิดพลาดที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ ขอรับผิดแต่เพียงผู้เดียว ขอโทษทั้งตั๊กแตน ชลดา และ จ๊ะ นงผณี อีกครั้ง


อันดับ 5 : ไล่ออกอาจารย์ซื้องานวิจัย มช.-ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ กระทรวงอุดมศึกษาฯ พบ 109 คนเข้าข่าย

เมื่อต้นปี 2566 ที่ผ่านมามีการเปิดประเด็นว่ามีนักวิชาการในไทยจ่ายเงินซื้องานวิจัยที่ตัวเองไม่ได้ทำ เพื่อใส่ชื่อตัวเองเป็นเจ้าของผลงานและตีพิมพ์ในวารสารวิชาการต่างประเทศ โดยพบว่ามีนักวิชาการถูกตั้งข้อสังเกต รายแรกเป็น “ดร. ส.” อาจารย์ประจำภาควิชากิจกรรมบำบัด คณะเทคนิคการแพทย์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ รายที่สอง “อาจารย์ ว.” อาจารย์ประจำภาควิชาการพยาบาลชุมชน ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ โดยมีข้อสังเกต คือ งานวิจัยที่ทั้งสองคนได้ร่วมกันทำเกี่ยวกับ “วัสดุนาโน” ซึ่งไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับสาขาที่เรียนมา เรื่องนี้มีการเรียกร้องให้ตรวจสอบและจัดการขั้นเด็ดขาดเพราะเป็นเรื่องร้ายแรง

เมื่อวันที่ 31 ก.ค. ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ ออกประกาศว่า ได้ดำเนินการตรวจสอบในเรื่องดังกล่าวจนเป็นที่ยุติ พบว่าบุคลากรรายดังกล่าวมีพฤติการณ์กระทำความผิดวินัยร้ายแรง อันเกี่ยวเนื่องจากพฤติการณ์ที่ผิดปกติของการตีพิมพ์ผลงานวิจัย และได้ลงโทษทางวินัยร้ายแรงและพ้นจากการเป็นบุคลากรของราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์แล้ว ต่อมาวันที่ 3 ส.ค. มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ แจ้งผลการพิจารณากรณีบุคลากรซื้อขายผลงานทางวิชาการ ล่าสุดมีคำสั่งลงโทษไล่ออกสำหรับการกระทำความผิดวินัยอย่างร้ายแรง พร้อมออกคำสั่งให้คืนเงินตามจำนวนที่ได้รับไป จากการใช้ผลงานที่มิชอบให้กับมหาวิทยาลัย

ขณะที่กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ตรวจสอบพบอาจารย์ที่เข้าข่ายซื้อขายงานวิจัย 109 คน ใน 33 มหาวิทยาลัย สอบสวนทางวินัยแล้ว 9 คน ไม่มีความผิดตามข้อกล่าวหา 21 คน ส่วนที่เหลืออยู่ระหว่างการตรวจสอบ


อันดับ 6 : ปู ไปรยา สละโสดนักธุรกิจต่างชาติ แต่งงานปลายปีนี้ที่แอล.เอ. สหรัฐอเมริกา แฟนคลับยินดีกันตรึม

เตรียมสละโสดแล้ว สำหรับนักแสดงสาว ปู ไปรยา สวนดอกไม้ ลุนด์เบิร์ก เมื่อวันที่ 3 ส.ค. ได้ออกมาประกาศข่าวดีกับสื่อมวลชนว่า กำลังจะเข้าพิธีแต่งงานกับเจ้าบ่าวนักธุรกิจชาวต่างชาติ ที่อายุห่างกันถึง 12 ปี ซึ่งจะจัดขึ้นที่นครลอสแองเจลิส สหรัฐอเมริกา ในช่วงปลายปีนี้ เจ้าตัวกล่าวว่า คบกันมาสักพักหนึ่งแล้ว เริ่มจากการเป็นเพื่อน แล้วก็เพิ่มมาอีกระดับหนึ่ง จนเขาขอแต่งงาน ที่ผ่านมาคบกันแบบปิดมาโดยตลอด เพราะฝ่ายชายไม่เล่นโซเชียลฯ อยู่เงียบๆ แต่ครั้งนี้ก็ไม่ได้เปิด นักข่าวเห็นก่อน ไม่ได้เปิด ไม่ได้ปิด ก็พูดความจริง ฝ่ายชายเป็นคนนิสัยดีมาก น่ารักมาก ทำงานเก่ง เอาใจ ให้คำปรึกษาเราตลอด

ขณะที่ผู้จัดการส่วนตัวอย่าง เอ ศุภชัย ศรีวิจิตร ได้โพสต์คลิปในไอจีสตอรี่ ขณะที่ ปู ไปรยา ได้เดินทางมาสวัสดีพร้อมแจ้งข่าวดีที่บ้าน โดย ปู ไปรยาได้ชวน เอ ศุภชัย ไปร่วมงานแต่งในช่วงปลายปีที่แอลเอ เอ ศุภชัย สอบถามว่าช่วงวันไหน ปู ไปรยา จึงกระซิบว่า วันที่ 11 เดือน 11 (พฤศจิกายน) ซึ่งเจ้าตัวยืนยันว่าจะเดินทางไปร่วมงานอย่างแน่นอน เมื่อถามว่าเจอว่าที่เจ้าบ่าวที่ไหน ปู ไปรยา เล่าว่า คุณแม่ไปเจอ ที่ร้านตัดผม แถวสุขุมวิท ก่อนจะได้พูดคุยว่าอยากแนะนำให้รู้จักกับลูกสาว ท่ามกลางแฟนคลับแสดงความยินดีเป็นจำนวนมาก อย่างไรก็ตาม ปู ไปรยา ยืนยันว่าจัดที่แอล.เอ.รอบเดียว ไม่มีบินกลับมาฉลองที่ไทย


อันดับ 7 : สิ้นคุณแม่ประมวล มารดาม้า อรนภา ตำนาน “ห่อหมกแม่คุณม้าอรนภา” ช่วยชีวิตลูกยามทัวร์การเมืองลง

นักแสดง พิธีกร และนางแบบชื่อดัง ม้า อรนภา กฤษฎี ได้สูญเสียคุณแม่ไปอย่างไม่มีวันกลับ เมื่อนางประมวล แสงสาคร มารดาของ ม้า อรนภา เสียชีวิตลงอย่างสงบด้วยโรคมะเร็งปอด เมื่อเวลาประมาณ 16.00 น. วันที่ 3 ส.ค. รวมอายุได้ 99 ปี

โดยมีพิธีบำเพ็ญกุศลที่วัดธาตุทอง พระอารามหลวง ถนนสุขุมวิท แขวงพระโขนงเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพฯ ท่ามกลางคนบันเทิงมาร่วมไว้อาลัย ม้า อรนภา กล่าวว่า คุณแม่แข็งแรง แต่ตอนหลังอายุมากขึ้นจะเหนื่อยง่าย จึงไม่ให้แม่ทำอะไรมาก และไม่ต้องลงมาข้างล่างเพราะห่อหมกมีลูกน้องทำอยู่ วันหนึ่งคุณแม่เท้าบวมมากจึงพาไปโรงพยาบาล ปรากฎว่ามีภาวะน้ำท่วมปอด แพทย์จึงให้รักษาตัวที่โรงพยาบาล ใช้วิธีฉีดยาเพื่อดึงน้ำออก เมื่อเอ็กซเรย์พบลิ้นหัวใจเริ่มมีหินปูนเข้าไปเกาะ ทำให้เลือดไหลเวียนไม่ดีเท่าที่ควร จึงไม่ค่อยแข็งแรง ตนได้รับคำสอนจากแม่เรื่องความอดทน มีวิริยะอุตสาหะ สู้อย่างไม่ยอมแพ้

สำหรับนางประมวล แสงสาคร ประกอบอาชีพขายห่อหมกที่ถนนเจริญรัถ หน้าร้านเสริมสวยพนิตนาฏ ย่านวงเวียนใหญ่ แขวงและเขตคลองสาน กรุงเทพฯ สืบทอดมาจากบรรพบุรุษที่เคยรับใช้เจ้านายในวังหลัง สมัยเจ้าพระยารัตนพิมพาภิบาล (ม.ร.ว.สวัสดี อิศรางกูร) มีจุดเด่นที่เนื้อสัมผัสเนียนเบาแบบชาววังโบราณ ก่อนหน้านี้เมื่อเดือน ส.ค. 2563 ม้า อรนภา วิจารณ์การชุมนุมของเยาวชนกลุ่มด้อมส้ม ถูกทัวร์การเมืองกดดันในเน็ต ก่อนจะถูกปลดและขอลาออกจากการเป็นพิธีกรไป 3 รายการ มาช่วยแม่ขายห่อหมกที่บ้าน ก่อนนำห่อหมกขายที่โครงการ K-Village สุขุมวิท 26 มีคนอุดหนุนเรื่อยๆ มาถึงปัจจุบัน



Source link