#MGRTOP7 : 10 สิงหาฯ ทักษิณกลับไทย | ฉีกหน้ากาก ส.ส.ก้าวไกลลักทรัพย์
รวบตึงทุกเรื่องราว คัดข่าวเด็ด เบ็ดเสร็จในที่เดียว … MGR Online ขอนำเสนอ “Top 7 ข่าวฮอตในรอบ 7 วัน” สรุปข่าวเด่น ประเด็นฮอตที่พลาดไม่ได้ เป็นประจำทาง mgronline.com
(สรุปข่าวถึงวันที่ 30 ก.ค. 2566)
อันดับ 1 : 10 สิงหาฯ ทักษิณกลับไทย อุ๊งอิ๊งประกาศวันเกิดพ่อ 74 ปี ตำรวจนครบาลเตรียมเส้นทาง-สถานที่ไว้แล้ว
การเมืองร้อนสัปดาห์นี้ เมื่อวันที่ 26 ก.ค. ซึ่งเป็นวันคล้ายวันเกิดนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่หนีคดีทุจริตไปต่างประเทศยาวนานถึง 15 ปี เมื่อ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคเพื่อไทย ระบุว่า นายทักษิณจะกลับมาในวันที่ 10 ส.ค. ที่สนามบินดอนเมือง แม้ทั้งดีใจ ทั้งเป็นห่วง แต่ก็เคารพการตัดสินใจของพ่อเสมอ และย้ำว่าพ่อเป็นคนไทยคนหนึ่ง ประสบชะตากรรมถูกกระทำแสนสาหัส การตัดสินใจกลับบ้านครั้งนี้พ่อพูดอย่างจริงจังตั้งแต่ต้นปี 2565 แม้จะอยู่บนพื้นฐานของความเป็นมนุษย์ และในฐานะคนไทยคนหนึ่ง แต่คำนึงถึงอย่างที่สุดต่อความสบายใจ และกังวลห่วงใยของทุกคน
ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 12 ก.ค. กองบัญชาการตำรวจนครบาล มีการประชุมเตรียมความพร้อมในการรักษาความปลอดภัยบุคคลสำคัญ กรณีมีผู้ต้องหาตามหมายจำคุกเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรไทย โดยเครื่องบินโดยสาร ณ ท่าอากาศยานดอนเมือง หรือสุวรรณภูมิ โดยกำหนดเส้นทางหลักและรองจากสนามบินมายังศาลฎีกา และต่อไปยังเรือนจำพิเศษกรุงเทพ จากกรณีดังกล่าว พล.ต.ต.โชคชัย งามวงศ์ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ระบุว่า ยังไม่มีข้อมูลหรือได้รับการประสานเรื่องการเดินทางอย่างเป็นทางการ แต่ได้เตรียมพร้อมพื้นที่ เส้นทางการเดินทางอย่างรัดกุม และเตรียมสถานที่ บช.ปส.หากส่งศาลฎีกาไม่ทัน
ด้านนายอายุตม์ สินธพพันธุ์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ ชี้แจงว่า เมื่อนายทักษิณเข้ามาไทยต้องว่าไปตามหมายศาล ซึ่งนายทักษิณถือเป็นผู้ต้องขังสูงอายุ หากมีโรคประจำตัวต้องเข้ารับการรักษาต่อเนื่อง คล้ายกรณีของนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อดีตอธิบดีดีเอสไอ
อันดับ 2 : ฉีกหน้ากาก ส.ส.ก้าวไกลลักทรัพย์ เสรีพิศุทธิ์ฟาด กกต.จ่อฟันขาดคุณสมบัติเรียกชดใช้จัดเลือกตั้งซ่อม
ล่อกันเองซะแล้วสำหรับ 8 พรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาล หลังทัวร์ด้อมส้มผู้สนับสนุนพรรคก้าวไกลโจมตี พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเสรีรวมไทย เพราะไปพูดพาดพิงศาสดาอย่างนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ และบริวารทั้งหลายเหล่านี้ แต่พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ไม่หวั่น ไปออกรายการโหนกระแสทางช่อง 3 เมื่อวันที่ 26 ก.ค. ก่อนปิดรายการทิ้งระเบิดลูกใหญ่ว่า ส.ส.ของพรรค เขต 3 จังหวัดระยอง เป็นอดีตนักโทษเคยติดคุก พร้อมระบุว่า จะดำเนินการเอาออก รวมถึงตำหนิเรื่องที่ทีมงานรักษาความปลอดภัยของ นายพิธา ก็เคยเป็นนักโทษเช่นกัน ถามกองเชียร์กลับว่าเอานักโทษที่เคยติดคุก ไปเป็น ส.ส. ได้ไง
สำหรับ ส.ส.ที่ถูกพาดพิง คือ นายนครชัย ขุนณรงค์ หรือ ไอซ์ ระยอง ส.ส.ระยอง เขต 3 พรรคก้าวไกล เคยเป็นนักโทษต้องคดีลักทรัพย์ในพื้นที่ จ.ชลบุรี เมื่อปี 2542-2543 ซึ่งคดีถึงที่สุดแล้ว โดยนายนครชัยให้การรับสารภาพ และศาลลงโทษจำคุก 1 ปี 6 เดือน ทำให้นายนครชัยยอมรับว่าเคยต้องโทษจำคุกจริง เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อ 24 ปีก่อน เชื่อไปว่าไม่ขาดคุณสมบัติ เพราะไม่ใช่ฐานความผิดที่บัญญัติไว้ตามรัฐธรรมนูญ พร้อมลาออกเพื่อแสดงความรับผิดชอบในสัปดาห์หน้า ขณะที่ กกต.ระบุว่า จะพิจารณาการลาออกพร้อมกับเรื่องความผิดทางอาญา และพิจารณาฟ้องแพ่งเพื่อเรียกค่าเสียหายในการจัดเลือกตั้งใหม่ต่อไป
อันดับ 3 : คนคอนโดช็อก! ศาลสั่งเพิกถอนใบอนุญาตแอชตัน อโศก อนันดาวุ่นเตรียมถกแก้แบบไม่ต้องทุบตึก
เมื่อวันที่ 27 ก.ค. ศาลปกครองสูงสุด พิพากษายืนตามศาลปกครองกลาง ให้เพิกถอนใบอนุญาตก่อสร้างอาคาร โครงการแอชตัน อโศก ซึ่งเป็นคอนโดมิเนียมสูง 51 ชั้น มีห้องพัก 668 ยูนิต ตั้งอยู่ในซอยสุขุมวิท 21 แขวงคลองเตยเหนือ เขตวัฒนา กทม. มูลค่าโครงการ 6,480 ล้านบาท และเพิกถอนใบอนุญาตให้โครงการดังกล่าวใช้ที่ดินสถานีสุขุมวิท การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) เป็นทางเข้า-ออก สู่ถนนอโศกมนตรี โดยศาลเห็นว่า ที่ดินที่ใช้เป็นที่ตั้งของอาคารไม่เป็นไปตามที่กฎหมายควบคุมอาคารกำหนด ส่วนที่ดินของ รฟม. ที่ใช้เป็นทางเข้า-ออกโครงการ ขัดต่อวัตถุประสงค์การเวนคืนที่ดิน
ด้านนายชานนท์ เรืองกฤตยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อนันดา ดิเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) ขอเวลาหารือหน่วยงานต้นเรื่องคือ รฟม. และกรุงเทพมหานคร เพื่อหาทางออกร่วมกัน เพราะบริษัทฯ ได้ดำเนินการถูกต้องตามกฎหมาย เรื่องที่เกิดขึ้นบริษัทฯ ได้รับความเสียหาย รวมทั้งลูกบ้าน ลูกค้า และผู้ถือหุ้น เป็นกรณีแรกที่เกิดขึ้นกับวงการอสังหาริมทรัพย์ของไทย หากต้องทุบตึกทิ้ง จะส่งผลกระทบกับลูกบ้าน 580 ครอบครัว ที่เข้ามาอยู่แล้ว อย่างไรก็ตาม รายงานข่าวแจ้งว่า ทางอนันดาฯ เตรียมขอเข้าพบนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯ กทม. รวมถึงผู้ว่าฯ รฟม. เพื่อหารือถึงแนวทางการแก้ปัญหาโดยที่ไม่ต้องทุบตึก
อันดับ 4 : พลุระเบิดสองครั้งซ้อน โรงงานดอยสะเก็ดบึ้ม โกดังพลุสุไหงโก-ลกก็บึ้มตาย 12 ศพ ปกครองสั่งคุมเข้ม
อุบัติเหตุจากพลุและดอกไม้ไฟเกิดขึ้นสองครั้งในระยะเวลาห่างกันไม่ถึงสัปดาห์ เหตุการณ์แรกเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 24 ก.ค. เกิดเหตุโรงงานพลุและดอกไม้ไฟระเบิดที่บ้านสันทุ่งใหม่ หมู่ 14 ต.สันปูเลย อ.ดอยสะเก็ด จ.เชียงใหม่ ทำให้บ้านและตัวโรงงานพังถล่มลงมา รวมถึงบ้าน 2 ชั้น ที่อยู่ติดกันพังเสียหายทั้งหลัง และบ้านที่อยู่ในละแวกใกล้เคียงได้รับผลกระทบ มีผู้บาดเจ็บ 10 คน ในจำนวนนี้ อาการสาหัส 3 คน ส่วนใหญ่ถูกแรงอัดระเบิดและสะเก็ดไฟตามร่างกาย บางคนโดนสิ่งของล้มทับ สาเหตุเกิดจากคัตเอาต์ไฟระเบิดและไฟลุกไหม้ ไปติดกองพลุและดอกไม้เพลิง เกิดระเบิดเสียงดัง คนงานและญาติได้รับบาดเจ็บ
อีกเหตุการณ์หนึ่งเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 29 ก.ค. โกดังเก็บพลุและดอกไม้เพลิงระเบิด ภายในตลาดมูโนะ ริมถนนสายตากใบ-สุไหงโก-ลก หมู่ 1 ต.มูโนะ อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส ทำให้โกดังพังถล่มลงมาหมดทั้งหลัง บ้านเรือนประชาชนและร้านค้าที่อยู่ข้างเคียงในรัศมี 500 เมตร ได้รับผลกระทบเสียหายอีกกว่า 200 หลัง มีผู้เสียชีวิต 12 ราย บาดเจ็บ 121 ราย แยกเป็นบาดเจ็บปานกลาง 9 ราย สาหัส 1 ราย กลับบ้านแล้ว 111 ราย สาเหตุเกิดจากช่างรับจ้างต่อเติมโกดังเชื่อมเหล็กเกิดสะเก็ดไฟตกใส่กล่องกระดาษเก็บดอกไม้เพลิงที่กองอยู่จำนวนมากจนเกิดระเบิดดังสนั่นหวั่นไหว ฉีกร่างคนงานเสียชีวิตทันที 5 ราย
ภายหลัง นายแมนรัตน์ รัตนสุคนธ์ อธิบดีกรมการปกครอง สั่งการนายอำเภอทั้ง 878 อำเภอทั่วประเทศ ตรวจสอบผู้รับใบอนุญาตให้ทำ สั่ง นำเข้า หรือค้าดอกไม้เพลิง แล้วแจ้งผู้ว่าราชการจังหวัด เพื่อหามาตรการในการป้องกันควบคุมต่อไป
อันดับ 5 : น้องเดี่ยว ชาวสุรินทร์เสียชีวิตสมองตาย ส่งต่ออวัยวะที่ใช้งานได้ในวาระสุดท้าย ช่วยชีวิตผู้ป่วยได้ 2 ราย
เรื่องราวดีๆ ที่ถูกแชร์กันมากในสัปดาห์ที่ผ่านมา เมื่อวันที่ 27 ก.ค. ศูนย์ประสานงานรับบริจาคอวัยวะ โรงพยาบาลสุรินทร์ เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 22 ก.ค. ศูนย์ประสานงานฯ และสภากาชาดไทย รับบริจาคอวัยวะจาก นายทักษ์ดนัย ใจหมายดี หรือน้องเดี่ยว อายุ 16 ปี ผู้เสียชีวิตด้วยภาวะสมองตาย โดยอวัยวะที่บริจาค คือ ไต 2 ข้าง ส่งมอบให้กับศูนย์รับบริจาคอวัยวะ สภากาชาดไทย นำไปทำการปลูกถ่ายเพื่อช่วยเหลือผู้ป่วยให้มีชีวิตรอดและมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นได้ 2 ราย พร้อมแสดงความขอบคุณและเชิดชูเกียรติ มอบใบประกาศจากสภากาชาดไทยให้กับญาติ ณ เมรุวัดตาเกาว์พาชื่น ต.กาบเชิง อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์
การบริจาคอวัยวะ คือการมอบอวัยวะเพื่อนำไปปลูกถ่ายให้ผู้ป่วยที่อวัยวะนั้นๆ เสื่อมสภาพ ผู้บริจาคต้องเสียชีวิตจากภาวะสมองตายเท่านั้น (ยกเว้นไต 1 ข้าง ตับ ไขกระดูก ที่สามารถบริจาคได้ตอนยังมีชีวิตอยู่) อายุไม่เกิน 65 ปี ปราศจากโรคติดเชื้อและโรคมะเร็ง ไม่เป็นโรคเรื้อรัง เช่น เบาหวาน หัวใจ โรคไต ความดันโลหิตสูง โรคตับ และไม่ติดสุรา อวัยวะที่จะบริจาคต้องทำงานได้ดี ปราศจากเชื้อที่ถ่ายทอดทางการปลูกถ่ายอวัยวะ เช่น ไวรัสตับอักเสบชนิดบี ไวรัสเอดส์ ฯลฯ หลังผ่าตัดเพื่อนำอวัยวะไปให้ผู้ป่วยแล้ว แพทย์จะตกแต่งร่างกายของผู้บริจาคให้เรียบร้อย แล้วมอบให้ญาติไปประกอบพิธีทางศาสนา
การแสดงความจำนงบริจาคอวัยวะสามารถทำได้ด้วยตนเอง โดยติดต่อได้ที่ศูนย์รับบริจาคอวัยวะสภากาชาดไทย เหล่ากาชาดจังหวัดทุกแห่ง โรงพยาบาลประจำจังหวัด แต่ผู้บริจาคควรแจ้งให้ญาติทราบด้วย เพราะญาติต้องเซ็นยินยอมอีกครั้งหนึ่ง
อันดับ 6 : คุก 6 เดือนไม่รอลงอาญา ตชด.โหดฆ่าเตี้ย มช. สุนัขขวัญใจวิดคอมฯ เชียงใหม่ สู้อุทธรณ์ประกันแสนห้า
กรณีเตี้ย มช. สุนัขเพศผู้สีขาว น้ำตาลและดำ อายุ 8 ปี อาศัยอยู่ที่ภาควิชาวิทยาการคอมพิวเตอร์ คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ตายอย่างปริศนาก่อนที่จะพบซากบริเวณป่าในซอยพระนาง ด้านหลังมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา บ้านช่างเคี่ยน ต.ช้างเผือก อ.เมืองฯ จ.เชียงใหม่ เมื่อเย็นวันที่ 7 พ.ค. 2563 ภายหลังมีการดำเนินคดีกับ ส.ต.ท.ปริญญา ปัญญาบุตร ผู้บังคับหมู่กองกำกับการตำรวจตระเวนชายแดนที่ 33 (ตชด.33) ค่ายสมเด็จพระบรมราชชนนี จ.เชียงใหม่ พนักงานอัยการสั่งฟ้องในข้อหาลักทรัพย์ในเวลากลางคืนโดยใช้ยานพาหนะ และทารุณกรรมสัตว์โดยไม่มีเหตุอันควร
ล่าสุดเมื่อวันที่ 25 ก.ค. ศาลจังหวัดเชียงใหม่พิพากษาจำคุก 6 เดือนโดยไม่รอลงอาญาฐานทารุณกรรมสัตว์ ส่วนความผิดฐานลักทรัพย์ในเวลากลางคืนโดยใช้ยานพาหนะให้ยกฟ้อง เนื่องจากไม่ปรากฏชัดในส่วนของความเป็นเจ้าของสุนัข หลังฟังคำพิพากษา ส.ต.ท.ปริญญาขอยื่นประกันตัวระหว่างอุทธรณ์ ศาลอนุญาตให้ประกันตัวด้วยวงเงิน 150,000 บาท ขณะที่ น.ส.สบันงา นนธะระ หัวหน้าฝ่ายกฎหมายมูลนิธิวอชด็อกไทยแลนด์ ระบุว่า คดีดังกล่าวทำให้เห็นว่าการทารุณกรรมสัตว์มีความผิดตามกฎหมาย เป็นอาญาแผ่นดินที่รัฐเป็นผู้เสียหายโดยตรง ส่วนแฟนคลับต่างดีใจที่ได้รับความยุติธรรม
อันดับ 7 : ปตท.ฉาว สาวเตรียมภาชนะ 2 ลิตร เติม 70 ได้ไม่ถึงครึ่ง พบอุปกรณ์ Check Valve ชำรุดทำน้ำมันไม่ครบ
เรื่องอื้อฉาวปั๊มน้ำมันชื่อดังเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 26 ก.ค. ผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งโพสต์ภาพนำขวดนมสดขนาด 2 ลิตรเติมน้ำมันแล้วพบว่าน้ำมันได้ไม่เต็มขวด ระบุว่าเป็นน้ำมัน 1.822 ลิตรในราคา 70 บาท เตือนลูกค้าสังเกตด้วยเวลาเติมน้ำมัน ดีนะขวดใสเลยเห็น ปกติถ้ารถยนต์จะเติมแต่ปั๊มอื่น ต่อมาเจ้าตัวระบุว่า ลองไปเติมน้ำมันเจ้าอื่น ที่มีตราสัญลักษณ์รูปดาว ในจำนวนที่เท่ากัน 2 ลิตร แต่ปั๊มตราดาวได้เกือบเต็มขวด เรียกเสียงฮือฮาแก่ชาวเน็ตจำนวนมาก พบว่าเป็นสถานีบริการพีทีที สเตชั่น สหกรณ์การเกษตรกระทุ่มแบน จังหวัดสมุทรสาคร ของบริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ โออาร์ (OR)
ภายหลังพีทีที สเตชั่น แถลงชี้แจงสองครั้ง ครั้งแรก ตรวจสอบพบความผิดปกติที่มือจ่ายน้ำมันแก๊สโซฮอลล์ 95 ที่สถานีบริการดังกล่าวจริง จึงได้ปิดตู้จ่ายน้ำมันที่พบปัญหาเพื่อการตรวจสอบ ครั้งที่สอง ระบุว่า พบอุปกรณ์ Check Valve ของมือจ่ายน้ำมันแก๊สโซฮอล์ 95 ภายในตู้จ่ายชำรุด ส่งผลทำให้น้ำมันไหลย้อนกลับ เมื่อทิ้งไว้ในสายท่อและมีอากาศมาแทนที่ ประกอบกับพนักงานหน้าลานไม่ได้ปฏิบัติตามแนวทางที่กำหนด ส่งผลให้ลูกค้าได้รับน้ำมันไม่ครบ ขณะนี้ได้ดำเนินการซ่อมแซมอุปกรณ์ดังกล่าวให้กลับมาใช้งานได้ตามปกติแล้ว และลงโทษสถานีบริการน้ำมันตามมาตรการที่กำหนด