การศึกษาสาระน่ารู้

10 ข้อควรรู้ ก่อนที่จะส่งลูกเรียนต่างประเทศ!?

ภาษา” คือ สิ่งสำคัญที่จะเป็นต้นทุนให้แก่บุตรหลานของเราในภายภาคหน้า หากใครที่มีความรู้และทักษะทางด้านภาษาที่ดีกว่า ย่อมได้รับโอกาสต่าง ๆ อย่างมากมาย ดังนั้น ผู้ปกครองหลาย ๆ ท่านจึงมีความสนใจที่จะส่งลูกเรียนต่างประเทศ แต่ก็ยังไม่รู้ว่า จะต้องเริ่มจากตรงไหนดี ดังนั้น บทความนี้ จะบอก 10 ข้อควรรู้ในการส่งลูกเรียนต่อต่างประเทศ รวมถึงวิธีการเตรียมตัวและการเลือกเรียนต่อที่ประเทศใด และที่สำคัญ เราจะแนะนำตัวช่วยที่จะทำให้การส่งลูกไปเรียนต่างประเทศเป็นเรื่องง่ายไปเลย


10 ข้อควรรู้ในการส่งลูกเรียนต่างประเทศ

 

การส่งลูกเรียนต่างประเทศเป็นเรื่องที่สำคัญมากทั้งในส่วนของบิดามารดาและตัวของน้องเอง เพราะเป็นเรื่องที่ทั้งครอบครัวจะต้องตัดสินใจและรับผิดชอบร่วมกัน โดยที่การจะส่งลูกไปเรียนต่างประเทศนั้น มี 10 ข้อควรรู้ ดังนี้

1. การฝึกฝนทางด้านภาษา

การเรียนต่างประเทศ สิ่งที่สำคัญที่สุดที่ลูกจะได้รับ คือ การฝึกฝนทางด้านภาษา แต่ก่อนอื่น ลูกของเราก็จำเป็นที่จะต้องมีพื้นฐานของภาษาอังกฤษในระดับหนึ่งเสียก่อน แต่ถ้าหากไม่มี ก็จำเป็นที่จะต้องเข้าคอร์สเรียนปรับพื้นฐานภาษาอังกฤษก่อนเข้าเรียนในคอร์สหลัก ซึ่งการเรียนปรับพื้นฐานส่วนนี้ ก็ขึ้นอยู่กับผลการสอบภาษาอังกฤษต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น IELTS หรือ TOEFL

ซึ่งการส่งลูกเรียนต่างประเทศจึงต้องมีการเตรียมความพร้อมทางด้านภาษาให้แก่ลูกในระดับที่ลูกสามารถฟัง พูด อ่าน และเขียนได้ในระดับหนึ่ง

2. เลือกประเทศที่ต้องการไปเรียน

การส่งลูกไปเรียนต่างประเทศ สิ่งที่สำคัญถัดมา คือ การเลือกประเทศที่จะส่งลูกไปเรียน โดยอาจจะเลือกพิจารณาจากองค์ประกอบต่าง ๆ ได้แก่ ความชอบส่วนตัว สภาพแวดล้อม ระบบคมนาคม ความปลอดภัย เศรษฐกิจ อาหารการกิน วัฒนธรรม สิ่งอำนวยความสะดวก รวมถึงความเป็นมิตรของคนในประเทศนั้น ๆ

3. เลือกประเภทของสถานศึกษา

ก่อนที่เราจะส่งลูกเรียนต่างประเทศนั้น เราจะต้องพิจารณาก่อนว่า เราต้องการที่จะส่งลูกไปเรียนในช่วงอายุใด รวมถึงคอร์สเรียนที่เปิดรับในช่วงอายุวัยนั้น เป็นการพิจารณาและดูความเหมาะสมว่า ลูกของเราอยู่ในวัยที่สามารถส่งไปเรียนต่างประเทศ และสามารถช่วยเหลือตัวเองในระดับหนึ่งได้แล้วหรือไม่

4. เลือกสถานศึกษาที่ต้องการ

ลำดับถัดมาจากประเทศที่ต้องการแล้วนั้น คือ สถานศึกษาที่ต้องการส่งลูกเรียนต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นโรงเรียนระดับประถมศึกษา มัธยมศึกษา และมหาวิทยาลัย โดยเราควรจะติดต่อสถานศึกษาไว้ล่วงหน้า อย่างน้อย 6 เดือน – 1 ปี แต่ถ้าเป็นคอร์สเรียนภาษาในระยะสั้น หรือคอร์สเรียนเฉพาะด้าน ก็ควรจะติดต่อล่วงหน้าอย่างน้อย 1 – 2 เดือน ก่อนวันเปิดภาคเรียน ทั้งนี้ เราควรจะเผื่อเวลาสำหรับการดำเนินการขั้นตอนอื่น ๆ ด้วย เช่น การติดต่อสถานศึกษา การทำวีซ่า การติดต่อที่พัก เป็นต้น

5. เลือกหลักสูตรที่ต้องการ

นอกจากการเลือกประเทศและสถานศึกษาที่ต้องการแล้ว สิ่งที่สำคัญ คือ การเลือกหลักสูตรหรือคอร์สเรียนที่ต้องการส่งลูกเรียนต่างประเทศ เพราะด้วยประเทศต่าง ๆ ย่อมมีหลักสูตรและคอร์สเรียนที่หลากหลาย ซึ่งเราควรจะให้ลูกได้เลือกในสิ่งที่ชอบหรือสนใจ เพื่อเพิ่มแรงบันดาลใจในการเรียนมากขึ้น

6. เลือกที่พักอาศัย

สิ่งต่อมาที่เราจะต้องพิจารณาก่อนส่งลูกไปเรียนต่างประเทศ คือ การเลือกที่พักอาศัยให้แก่ลูก โดยแบ่งประเภทที่พักได้หลายแบบ เช่น

  • การอยู่หอพัก ซึ่งมีข้อดีตรงที่อยู่ใกล้กับสถานศึกษา ทำให้สามารถเดินทางได้สะดวก สามารถฝึกการช่วยเหลือตนเองได้มากขึ้น แต่ก็อาจจะทำให้เบื่อบรรยากาศเดิม ๆ รอบตัวได้
  • การอยู่กับโฮสแฟมิลี่ มีข้อดีคือ ทำให้เราสามารถฝึกฝนภาษากับเจ้าของภาษาได้มากขึ้นตลอดเวลา รวมถึงการเรียนรู้วัฒนธรรมของประเทศนั้น ๆ ได้อย่างใกล้ชิด ได้รับมิตรภาพและฝึกการปรับตัวเข้าหาผู้อื่น แต่ถ้าหากได้โฮสแฟมิลี่ที่ไม่ถูกใจ ก็อาจจะเกิดปัญหาขึ้นได้ในระยะยาว

7. พิจารณางบประมาณ

อีกหนึ่งเงื่อนไขสำคัญของการส่งลูกเรียนต่างประเทศ คือ งบประมาณที่จะต้องใช้จ่าย ซึ่งสำหรับคนที่ไม่มีงบประมาณมากเพียงพอ แต่ถ้าหากมีการวางแผนที่ดี ก็สามารถส่งลูกไปเรียนได้อย่างง่ายดาย เพราะในปัจจุบันมีทุนเรียนต่อต่างประเทศจากหลากหลายภาคส่วน ทั้งภาครัฐและเอกชน เพียงแต่ต้องติดตามข่าวสารประชาสัมพันธ์การแจกทุนอย่างใกล้ชิด และเตรียมเอกสารที่เกี่ยวข้องไว้ให้พร้อมตลอดเวลา

8. การเตรียมเอกสาร

เอกสารสำหรับที่จะส่งลูกไปเรียนต่างประเทศจะต้องเตรียมพร้อมให้เรียบร้อย ซึ่งได้แก่

  • สำเนาหนังสือเดินทางปัจจุบัน
  • ผลการเรียนย้อนหลัง 3 ปี
  • หลักฐานการศึกษาจากสถาบันเดิมและปัจจุบัน
  • จดหมายรับรองจากอาจารย์ หรือผู้อำนวยการโรงเรียน หรืออธิการ

และถ้าหากเป็นไปได้ ควรจะมีการเตรียม Statement of Propose หรือ การเขียนเรียงความบอกเล่าถึงตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นประวัติส่วนตัว ประวัติการศึกษา ความชอบ ความสนใจพิเศษ ความคาดหวังในอนาคต และแรงบันดาลใจที่อยากไปศึกษาต่อที่สถานศึกษาและประเทศนั้นๆ

9. การทำวีซ่า

สำหรับการส่งลูกเรียนต่างประเทศ การทำวีซ่าเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้เลย เพราะเราจะต้องเตรียมขอวีซ่า โดยเตรียมเอกสารส่วนตัวของลูกและผู้ปกครอง สำหรับในกรณีที่ผู้ปกครองเป็นผู้สนับสนุนค่าใช้จ่ายเอง รวมถึงสถานะทางการเงินที่จะต้องครอบคลุมค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ทั้งหมด เช่น ค่าเดินทาง ค่าเรียน ค่าที่พัก ค่าอาหาร เป็นต้น

10. การมองหาโอกาสในระหว่างที่เรียน

ด้วยการส่งลูกไปเรียนต่างประเทศนั้น ถือว่าเป็นการเปิดโอกาสใหม่ ๆ ให้แก่ลูก ที่จะได้ประสบการณ์และคนรู้จักในต่างแดน รวมถึงช่องทางในการทำงานหลังจากที่สำเร็จการศึกษาเรียบร้อยแล้ว หรือหากกลับมาทำงานที่ประเทศไทย การที่สำเร็จการศึกษาจากต่างประเทศก็ยังถือว่า เป็นใบเบิกทางที่ดีให้แก่ลูกได้

ส่งลูกเรียนต่างประเทศต้องเตรียมตัวอย่างไร

การส่งลูกเรียนต่างประเทศจะต้องมีการวางแผนและเตรียมตัวเป็นอย่างดี ซึ่งหลาย ๆ คนอาจจะยังสงสัยและวิตกกังวล ว่า ควรจะเริ่มต้นอย่างไรดี โดยเราได้เตรียมขั้นตอนในการเตรียมตัวไว้แล้ว ดังนี้

  • ฝึกฝนภาษาอังกฤษของลูกให้สามารถสื่อสารได้ในระดับหนึ่ง ทั้งการฟัง พูด อ่าน และเขียน โดยจะต้องหมั่นไปทดสอบภาษาอังกฤษอย่างเสมอ และที่สำคัญ ควรจะมีคะแนนภาษาอังกฤษที่ผ่านเกณฑ์ติดตัวไว้
  • พิจารณาช่วงอายุของลูก ว่าจะส่งลูกเรียนต่างประเทศในช่วงใด โดยช่วงอายุที่มีความเหมาะสม คือ ช่วงอายุ 11 ปี (Year 7) เเละ 13 ปี (Year 9) เพราะเป็นช่วงวัยที่ลูกจะมีเวลาในการปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมใหม่ ๆ ได้เป็นอย่างดี
  • อาจจะมีการทดสอบส่งลูกไปเรียนต่างประเทศด้วยหลักสูตรระยะสั้นในช่วงปิดเทอมก่อน เพื่อให้ลูกได้ทดลองเรียนและปรับตัว เป็นการเช็กว่า ลูกสามารถเรียนต่อต่างประเทศในระยะยาวได้ดีหรือไม่
  • ติดตามข่าวสารการเปิดรับสมัครของสถานศึกษาที่ต้องการให้ลูกเข้าเรียนอยู่เสมอ เพื่อไม่ให้พลาดช่วงเวลาสมัครที่สำคัญไป
  • คำนวณและพิจารณางบประมาณที่ต้องใช้ให้ดี รวมถึงการมองหาทุนการศึกษาสำรองไว้ โดยคำนวณว่า งบประมาณที่ต้องใช้สามารถส่งลูกเรียนจนจบได้

ส่งลูกเรียนต่างประเทศที่ไหนดี

 

แต่พ่อแม่หลาย ๆ คนอาจจะกำลังวิตกกังวลว่า ควรจะส่งลูกเรียนต่างประเทศที่ไหนดี ซึ่งในปัจจุบันมีเอเจนซี่ที่พร้อมให้คำแนะนำในการส่งลูกไปเรียนต่างประเทศอย่างหลากหลาย โดยเฉพาะ GENT Edutainment ซึ่งถือว่า ผู้นำทางด้านการวางแผนการเรียนต่อในระดับมัธยมศึกษาทั้งที่อังกฤษ นิวซีแลนด์ แคนาดา และอเมริกา รวมถึงช่วยในการวางแผนการสมัคร และให้การดูแลอย่างใกล้ชิด โดยผู้เชี่ยวชาญสำหรับการเรียนต่อในระดับปริญญาตรีและปริญญาโทในต่างประเทศ หรือจะเป็นเพียงการเรียนหลักสูตรระยะสั้นทั้งแบบกลุ่มหรือเดินทางเอง

โดย GENT Edutainment มีหลักสูตรให้ผู้ปกครองเลือกส่งลูกเรียนต่างประเทศอย่างหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น…

  • HIGH SCHOOL PROGRAMS โปรแกรมเรียนมัธยมในต่างประเทศ โดยผู้บริหารบริษัทซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์และความเข้าใจในการคัดเลือกระบบการศึกษา โรงเรียน ประเทศตลอดจนสิ่งแวดล้อมที่เหมาะสมให้กับน้อง ๆ แต่ละคน
  • EXCHANGE PROGRAMS โครงการนักเรียนแลกเปลี่ยนนานาชาติ ซึ่งมีทุนการศึกษาสูงสุดถึง 50,000 บาทสำหรับโครงการ J-1 และทุนการศึกษามูลค่ามากกว่า 150,000 บาท สำหรับโครงการ F-1
  • HIGHER EDUCATION สำหรับการเรียนต่อต่างประเทศ ในระดับปริญญาตรีและปริญญาโท  ตลอดจนหลักสูตรเตรียมความพร้อมเข้ามหาวิทยาลัย และ Diploma ระยะสั้นในประเทศอังกฤษ นิวซีแลนด์ แคนาดา และสหรัฐอเมริกา
  • ENGLISH LANGUAGE คอร์สเรียนภาษาต่างประเทศ สามารถเลือกเรียนภาษาที่อังกฤษ สหรัฐอเมริกา นิวซีแลนด์ ออสเตรเลีย แคนาดา หรือสิงคโปร์ โดยสามารถกำหนดวันเดินทาง ประเทศ เมือง และงบประมาณเองได้
  • GENT SUMMER COURSES คอร์สเรียนซัมเมอร์ต่างประเทศ เป็นการจัดโปรแกรมซัมเมอร์คอร์สต่างประเทศแบบกลุ่มและมีผู้ดูแล (Group Leader) มีการนำเสนอโปรแกรมซัมเมอร์คอร์สที่หลากหลาย ตอบโจทย์ความต้องการของผู้ปกครองและน้อง ๆ

ดังนั้น จะเห็นได้ว่า GENT Edutainment เป็นผู้นำทางด้านการเรียนต่อต่างประเทศ ด้วยทีมงานที่มีประสบการณ์และหลักสูตรการเรียนที่หลากหลาย สามารถตอบโจทย์ความต้องการของผู้ปกครองที่ต้องการส่งลูกเรียนต่างประเทศได้อย่างครบครันและสามารถวางใจได้

สรุป

การส่งลูกเรียนต่างประเทศนั้น ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป หากเรามีการวางแผนและการเตรียมความพร้อมที่ดี โดยพิจารณาจาก 10 ข้อควรรู้ในการส่งลูกเรียนต่อต่างประเทศ แต่ถ้าหากผู้ปกครองท่านใดยังมีความวิตกกังวลก็อาจจะเข้ารับคำปรึกษาจาก GENT Edutainment ผู้นำทางด้านการเรียนต่อต่างประเทศที่พร้อมด้วยทีมงานผู้เชี่ยวชาญและหลักสูตรการเรียนต่อที่หลากหลาย แล้วคุณจะรู้เลยว่า การส่งลูกไปเรียนต่างประเทศไม่ใช่เรื่องยากเลย

 

ที่มา https://gentstudyabroad.com/send-children-to-study-abroad/