หรูกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว กับสายรถไฟ SRT Royal Blossom เดินทางสวยงามและสบายดั่งสวรรค์
บริการรถไฟใหม่ในประเทศไทย SRT Royal Blossom ซึ่งเป็นการแปลงโฉมรถไฟ Hamanasu จากฮอกไกโด บริษัทการรถไฟได้รับผิดชอบในการปรับปรุง และรีแบรนด์รถไฟนี้ให้เป็นรถไฟท่องเที่ยวสุดหรู เปิดตัวอย่างเป็นทางการ เนื่องในโอกาสวันวิสาขบูชา เส้นทางแรกออกเดินทางจากสถานีกรุงเทพฯ เวลา 06.00 น. สถานีก่อนมุ่งหน้าสู่จังหวัดกาญจนบุรี สำหรับผู้ที่ไม่สะดวกขึ้นรถไฟที่สถานีหัวลำโพง ก็สามารถขึ้นรถไฟที่สถานีแยกบางซื่อ แยกบางบำหรุ แยกตลิ่งชัน และแยกศาลายา เมื่อขึ้นรถไฟสายนี้แล้วก็สามารถนั่งพักผ่อนและเพลิดเพลินกับทัศนียภาพอันงดงาม ขณะที่รถไฟวิ่งไปตามราง
ประเทศไทยมีนะ! กับรถไฟสายหรู SRT Royal Blossom พาเดินทางสะดวกสบายใจเกินคาด
รถไฟ SRT Royal Blossom เป็นรถไฟสายท่องเที่ยวสุดหรู ที่ได้รับการตกแต่งและให้บริการใหม่ โดยการรถไฟแห่งประเทศไทย หรือ รฟท. เป็นส่วนหนึ่งของซีรีส์รถไฟฮามานาสุจากญี่ปุ่น ได้รับการปรับปรุงทั้งภายในและภายนอกใหม่หมดจด เพื่อมอบประสบการณ์เดินทางระดับพรีเมียมให้กับนักท่องเที่ยว การออกแบบพิถีพิถันโดยช่างฝีมือชาวไทย ทำให้ภายนอกเป็นสีแดงสดใสตัดกับแถบสีทอง ในขณะที่ภายในมีที่นั่งสบายและพื้นที่พักผ่อน เพื่อเพลิดเพลินกับทิวทัศน์ธรรมชาติตลอดการเดินทาง นอกจากความสวยงามแล้ว รถไฟท่องเที่ยว SRT Royal Blossom ยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย เช่น เครื่องปรับอากาศ Wi-Fi ปลั๊กไฟ และห้องน้ำส่วนตัว นอกจากนี้ ยังสามารถเพลิดเพลินกับอาหารและเครื่องดื่มแสนอร่อย มีตู้คาเฟ่ให้ผู้โดยสารได้นั่งพักผ่อน จิบกาแฟ และชมวิวทิวทัศน์ตลอดทาง โดยให้บริการตั้งแต่เช้าถึงเย็นตามเส้นทางที่กำหนด โดยเส้นทางกรุงเทพฯ-ชะอำ เปิดให้บริการแล้วตั้งแต่วันที่ 7-8, 14-15, 21-22 และ 28-29 กันยายน ส่วนราคาตั๋ว มีดังนี้
- รถปรับอากาศ SRT Royal Blossom ชั้น 1 ราคา 15,999 บาท ต่อห้อง
- รถปรับอากาศ SRT Royal Blossom ชั้น 2 ราคา 1,799 บาท ต่อท่าน
พาชมด้านในและด้านนอกขบวนรถไฟสาย SRT Royal Blossom ดีแค่ไหน
ภายในห้องโดยสารถูกปรับเปลี่ยนใหม่ทั้งหมด แต่ก็ยังคงบรรยากาศที่ชวนให้นึกถึงการนั่งรถไฟเที่ยวญี่ปุ่นจริง ๆ โดยเฉพาะวัสดุไม้ที่สวยงาม ซึ่งสร้างความรู้สึกอบอุ่นและสบายใจ มีช่องเก็บของเหนือศีรษะขนาดใหญ่และเก้าอี้ 4 ที่นั่ง ที่หันหน้าเข้าหากัน โดยโต๊ะสามารถกางออกได้ เพื่อความสะดวกระหว่างรับประทานอาหารหรือทานของว่าง หน้าต่างบานใหญ่ให้ทัศนียภาพแบบพาโนรามา ช่วยให้ผู้โดยสารเพลิดเพลินกับทิวทัศน์ได้ทั้ง 2 ด้าน สิ่งสำคัญอย่างหนึ่งในชีวิตบนรถไฟขบวนนี้คือระบบไฟฟ้า เพราะมีปลั๊กไฟอยู่ใต้โต๊ะด้านหน้าที่นั่งทุกที่นั่ง โดยปลั๊กไฟเหล่านี้มีทั้งแบบ USB Type-A, Type-C และปลั๊กไฟมาตรฐาน ส่วนห้องน้ำจะไม่ต่างจากห้องน้ำบนเครื่องบิน พร้อมใช้ระบบดูดกลิ่นและมีบริการบนทุกขบวน
สำหรับภายนอกรถไฟเป็นสีแดงเชอร์รี่สวยงาม มีความแวววาว ทำให้เหมาะแก่การถ่ายภาพสวย ๆ จากทุกมุม พร้อมโลโก้ SRT Royal Blossom ที่ชัดเจน จุดสังเกตเมื่อขึ้นรถไฟ คือ ช่องว่างขนาดใหญ่ระหว่างชานชาลาและประตูรถไฟ ดังนั้นควรระมัดระวังเมื่อขึ้นและลงจากรถไฟ โดยรถไฟขบวนนี้ประกอบด้วยตู้รถ 5 ตู้ ซึ่งตู้ที่ 1 เป็นตู้รถสำหรับครอบครัว ซึ่งมีห้องขนาดใหญ่สำหรับการจองเป็นกลุ่ม ตู้รถที่ 2-4 เป็นตู้รถที่นั่งมาตรฐาน ส่วนตู้รถที่ 5 เป็นคาเฟ่พร้อมพื้นที่ชมวิวแบบพาโนรามา
แนะนำ 8 จุดเที่ยวกาญจนบุรี มีให้เที่ยวแลลประวัติศาสตร์ ไปจนถึงธรรมชาติที่งดงาม
กาญจนบุรีขึ้นชื่อเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมแห่งหนึ่งของประเทศไทย เนื่องจากมีธรรมชาติที่สวยงาม อุดมสมบูรณ์ จังหวัดนี้มีน้ำตกที่สวยงาม ต้นไม้สูงตระหง่าน และสัตว์ป่านานาพันธุ์ นักท่องเที่ยวสามารถเลือกที่พักได้หลากหลายประเภท และร้านอาหารอร่อย นอกจากนี้ ยังมีร้านกาแฟสุดเก๋และกิจกรรมผจญภัยที่น่าสนใจในกาญจนบุรีอีกด้วย เมื่อขึ้นรถไฟ SRT Royal Blossom สายกาญจนบุรีแล้ว ขอแนะนำให้ไปเที่ยวตามนี้เลย
1.ต้นจามจุรียักษ์
ต้นจามจุรียักษ์ ตั้งอยู่ในบริเวณบ้านเขาตก ถือเป็นอีกหนึ่งไฮไลท์ที่นักท่องเที่ยวจะแวะเวียนมาชื่นชมความยใหญ่ของต้นไม้ชนิดนี้ โดยมีอายุมากกว่า 100 ปี มีเส้นรอบวงของต้นเท่ากับ 10 คนโอบ ลำต้นตรงกลางมีเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 50 เมตร และมีความสูงกว่า 20 เมตร โดยเป็นไม้ยืนต้นที่มีถิ่นกำเนิดในแถบอเมริกากลางและอเมริกาใต้ เป็นไม้ผลัดใบ เปลือกสีดำ เนื้อไม้มีลวดลายสวยงาม มีสีคล้ายวอลนัทเข้มด้านใน เนื้อไม้ค่อนข้างชื้นและแน่น ลำต้นแข็งแรง ซึ่งผู้มาเที่ยวสามารถรับความสดชื่นของกิ่งก้านไม้ที่แผ่ขยาย และการถ่ายภาพร่วมกับธรรมชาติที่สวยงาม
2.สะพานข้ามแม่น้ำแคว
สะพานแม่น้ำแควเป็นส่วนหนึ่งของเส้นทางรถไฟยุทธศาสตร์ที่สร้างขึ้นในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยอาศัยหยาดเหงื่อและชีวิตของเชลยศึกฝ่ายพันธมิตรกับคนงานชาวเอเชียหลายพันคน มีความยาว 415 กิโลเมตร เริ่มต้นจากสถานีชุมทางในจังหวัดราชบุรีและสิ้นสุดที่ประเทศเมียนมาร์ เส้นทางนี้เคยใช้สำหรับขนส่งอาวุธและทหารญี่ปุ่น ในการโจมตีเมียนมาร์และอินเดีย ปัจจุบันสะพานแม่น้ำแควได้รับการบูรณะโดยการรถไฟแห่งประเทศไทย ทดแทนสะพานเดิมที่ถูกกองทัพฝ่ายพันธมิตรทิ้งระเบิดถึง 10 ครั้งในสมัยสงคราม ปัจจุบันกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญของจังหวัดกาญจนบุรี เป็นไฮไลท์อย่างหนึ่งของการมาเที่ยว คือ การเดินเล่นบนรางรถไฟและสะพานข้ามแม่น้ำแคว ซึ่งมีความยาว 300 เมตร เป็นจุดถ่ายรูปและชมวิวแม่น้ำที่สวยงาม
3.น้ำตกเอราวัณ
น้ำตกเอราวัณ เป็นน้ำตกขนาดใหญ่ที่มีชื่อเสียงในจังหวัดกาญจนบุรี สิ่งที่ทำให้น้ำตกเอราวัณพิเศษคือน้ำสีฟ้าอมเขียวใสราวกับคริสตัล การเดินทางไปยังน้ำตกสะดวกและไม่ลำบาก มีรถรับส่งให้บริการรับส่งนักท่องเที่ยวโดยตรง น้ำตกเอราวัณ ตั้งอยู่ในอุทยานแห่งชาติเอราวัณ ห่างจากที่ทำการอุทยานประมาณ 500 เมตร น้ำจะไหลลงสู่แม่น้ำแควใหญ่ในบริเวณอุทยานแห่งชาติ มีน้ำไหลตลอดทั้งปี แต่ในช่วงฤดูแล้ง ระดับน้ำอาจลดลง โดยปกติจะอยู่ในช่วงเดือนธันวาคมถึงเมษายน
4.ถ้ำธารลอด
แกรนด์แคนยอนถ้ำธารลอด มีลักษณะเหมือนสะพานหินธรรมชาติ เป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญภายในอุทยานแห่งชาติเขาสก ตั้งอยู่ในอุทยานแห่งชาติเฉลิมรัตนโกสินทร์ อำเภอศรีสวัสดิ์ จังหวัดกาญจนบุรี เกิดจากการกัดเซาะหินปูนและการกัดกร่อนของน้ำ จนเกิดเป็นสะพานธรรมชาติที่งดงาม กว้าง 60 เมตร ถ้ำเบื้องล่างมีความยาว 60 เมตร กว้าง 40 เมตร สูง 40 เมตร เพดานถ้ำมีช่องเปิดขนาดใหญ่ให้แสงแดดส่องผ่านเข้ามา ทำให้ภายในถ้ำกว้างขวาง มีต้นไม้ใหญ่ขึ้นตามพื้นถ้ำ พร้อมมีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ เนื่องจากเป็นเส้นทางทางทหารของกองทัพพม่าและญี่ปุ่น
5.บ้านอีต่อง
หมู่บ้านอีต่อง เป็นที่ตั้งของเหมืองปิล็อกที่เคยรุ่งเรืองในอดีต เหมืองแห่งนี้คึกคักไปด้วยคนงานราว 600 คน จนกระทั่งราคาแร่โลกตกต่ำลง ยุครุ่งเรืองของการทำเหมืองก็สิ้นสุดลง และปิล็อกซึ่งเคยมีตลาดที่คึกคัก มีโรงภาพยนตร์ถึง 2 แห่ง ก็เงียบเหงาลง เหมืองต่าง ๆ ในบริเวณนี้ค่อย ๆ ปิดตัวลง และคนงานก็เริ่มกลับบ้านหรือย้ายไปที่อื่น ปัจจุบันรายได้หลักของหมู่บ้านอีต่อง คือ การท่องเที่ยว โดยโฮมสเตย์เป็นที่นิยมในหมู่ผู้รักธรรมชาติ เนื่องจากเมืองนี้ปกคลุมไปด้วยหมอก และยังมีสถานที่ท่องเที่ยวใกล้เคียงที่ควรไปอย่างอุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ
6.น้ำตกเกริงกระเวีย
น้ำตกเกริงกระเวีย ตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติเขาแหลม เป็นน้ำตกขนาดเล็กสูงประมาณ 5 เมตร เกิดจากธารน้ำตกที่ไหลลงมาจากชั้นหินปูน ทำให้เกิดความสวยงาม บรรยากาศโดยรอบเต็มไปด้วยธรรมชาติ มีต้นไม้ปกคลุมบริเวณน้ำตก นอกจากนี้ ยังมีน้ำตกขนาดเล็กกระจายอยู่ทั่วบริเวณ เหมาะสำหรับการมาเล่นน้ำและการพักผ่อน นักท่องเที่ยวสามารถนั่งพักฟังเสียงน้ำไหลที่แสนผ่อนคลาย ส่วนการเดินทางถือว่าสะดวกมาก เนื่องจากตั้งอยู่ติดถนนสายหลักที่จะไปยังอำเภอสังขละบุรี จึงไม่ต้องเดินป่าและขึ้นเขา
7.เขาแหลมสกายวอล์ค
เขาแหลมสกายวอล์ค เป็นอีกหนึ่งจุดที่นักท่องเที่ยวต้องมาเยือนให้ได้ หากได้ไปชมเขื่อนวชิราลงกรณ์ จุดเด่นของสถานที่ท่องเที่ยวแห่งนี้ คือ สกายวอล์คกระจกยาว 34 เมตร สูง 8 เมตร ที่มองเห็นทิวทัศน์อันสวยงามและรับสายลมเย็นสบาย การเดินบนสกายวอล์คนี้ จะทำให้ทุกคนรู้สึกตื่นเต้น รับรองว่าจะเป็นประสบการณ์ที่น่าจดจำสำหรับผู้มาเยือนทุกคน!
8.บ่อน้ำพุร้อนหินดาด
บ่อน้ำพุร้อนธรรมชาติแห่งนี้ มีแร่ธาตุมากมายและมีสรรพคุณในการรักษาสุขภาพ บริเวณโดยรอบบ่อน้ำพุร้อนจะรายล้อมไปด้วยธรรมชาติ มีต้นไม้ร่มรื่นเรียงรายริมสระน้ำพุร้อน และมีธารน้ำเย็นไหลผ่าน ลำธารไหลขนานไปกับบ่อน้ำพุร้อน โดยนำน้ำจากน้ำตกผาตาดมาด้วย ส่วนใครที่ไม่อยากแช่น้ำร้อนก็สามารถแช่ในธารน้ำเย็นที่ไหลไม่แรงจนเกินไปได้ ส่วนใครที่ต้องการผ่อนคลายมากขึ้น ที่นี่มีบริการนวดแผนโบราณทั้งนวดตัวและนวดเท้าอีกด้วย
หากท่านกำลังมองหาประสบการณ์เดินทางด้วยรถไฟ หรือสนใจที่จะลองสัมผัสระบบรถไฟของประเทศไทย ขอแนะนำให้ลองใช้บริการรถไฟ SRT Royal Blossom สำหรับผู้ที่ชื่นชอบการเดินทางด้วยรถไฟอยู่แล้ว เชื่อว่าจะยิ่งเพลิดเพลินไปกับการเดินทางมากกว่าเดิม โดยรถไฟสายนี้จะให้บริการเฉพาะรถไฟท่องเที่ยวเท่านั้น โดยมีที่นั่งสำหรับผู้โดยสารรวม 156 ที่นั่ง โดยจะเปิดให้สำรองที่นั่งในแต่ละเส้นทาง ผู้ที่สนใจสามารถดูโปรแกรมและข้อมูลอัปเดตได้ที่หน้าเว็บไซต์อย่างเป็นทางการของการทางรถไฟได้เลย